นอกจากการยื่นญัตติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท จาก พ.ร.ก.กู้เงินแล้ว กระทรวงมหาดไทย โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้สั่งการให้ ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ทำหนังสือด่วนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา รวมทั้ง กทม.ด้วย เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล
เนื่องจากการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังต้องเดินหน้าต่อไป การห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 23.00-03.00 น.ยังมีอยู่ ผ่อนผันให้สามารถใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียน สถานศึกษาได้ ผ่อนคลายให้ทำกิจกรรมบางอย่าง อาทิ กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต และกิจกรรมการออกกำลังกาย การดูแลสุขภาพหรือสันทนาการ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคและจัดระเบียบ ผ่อนคลายการเดินทางข้ามจังหวัดให้สามารถเริ่มเดินทางได้บ้างแล้วยกเว้นจะมีมาตรการบางอย่างเป็นพิเศษให้อำนาจแต่ละจังหวัดออกมาตรการบังคับใช้ ที่เห็นว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ในกรณีที่มีปัญหาว่าสถานที่ หรือกิจกรรมใดเข้าข่าย ตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดหรือไม่ ให้หารือคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
นอกจากนี้ หากพบการแสดงตนโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยไม่ชอบ ให้แจ้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำเนียบได้โดยตรง
...
ให้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกระดับปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมาตรการที่กำหนดด้วย ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ กรณีพบการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ หรือแสวงหาผลประโยชน์อื่นใดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ทั้งทางวินัยและอาญา
ทั้งนี้ให้รายงานผลการปฏิบัติงาน ปัญหาอุปสรรค และข้อแนะนำตามแบบที่กำหนดไปยังศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทรวงมหาดไทย เป็นประจำทุกวันภายในเวลา 16.00 น.
คำสั่งดังกล่าว ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำไปถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในแต่ละจังหวัด รวมทั้งผู้ว่าฯ กทม. ให้ถือเป็นคำสั่งที่เข้มงวดเป็นพิเศษ หากพบข้าราชการกระทำความผิด หรือหาประโยชน์จาก สถานการณ์การแพร่ระบาดจากไวรัสโควิด-19 จะมีการ พิจารณาโทษสถานหนักทั้งทางวินัย และทางอาญา ถือว่าเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือภาครัฐที่จะได้รับความมั่นใจจากประชาชนในการสู้ภัยโควิด-19 ครั้งนี้
ที่สำคัญชาวบ้านจะต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตารักษาประโยชน์ของชาติด้วย.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th