พรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พลังประชารัฐ มีวิธีการเติบโตมาจากการต่อยอดจากพรรคอื่น และซื้อความสำเร็จของ ส.ส.มาต่อยอด มีบรรดา ส.ส.และนักการเมือง เจ้าของพื้นที่ จากพรรคการเมืองต่างๆมารวมกัน เช่นเดียวกับการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาเพื่อสนับสนุน คนใดคนหนึ่งเป็นนายกฯในอดีต ในที่สุดก็กลายเป็น พรรคเฉพาะกิจ แตกทัพกันไปตามระเบียบ

มาคราวนี้พลังประชารัฐ มีภารกิจที่สำคัญคือการเป็นรัฐบาลไปให้ตลอดรอดฝั่ง ตามยุทธศาสตร์ชาติ อย่างน้อยในระยะเวลา 5 ปีนี้ รัฐบาลจะต้องประคับประคองไปถึงฝั่งให้ได้

เพราะฉะนั้นการวางพิมพ์เขียวเอาไว้อย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดจากบทเรียนในอดีต จึงเป็นเป้าหมายหลักที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ใช่พรรคไหนจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านต้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียว

ภาพของ รัฐบาลหลังเลือกตั้ง เป็นสิ่งสำคัญ หนีไม่พ้นถูกมองว่า เป็นรัฐบาลต่อท่ออำนาจ เป็นรัฐบาลทหาร และเป็นพรรคทหาร ทั้งๆทหารที่เห็นอยู่เป็นหลักมีกันแค่ 3 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน ไม่มีการทิ้งกันอยู่แล้ว

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ พล.อ.ประวิตร ก็ต้องอยู่ พล.อ.อนุพงษ์ ก็ต้องอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ คุมฝ่ายบริหาร พล.อ.ประวิตร เป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ก็คุมฝ่ายการเมือง พล.อ.อนุพงษ์ ดูแลมหาดไทยก็คุมงานความมั่นคงไป แบ่งหน้าที่ภารกิจกันเรียบร้อย

เมื่อเกิดการปั่นป่วนในรัฐบาลในพลังประชารัฐ ก็ไม่มีผลกระทบกับ พล.อ.ประวิตร ที่ถูกมองว่า จะก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ในการดูแล ให้เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลต่อไป

...

ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ

เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นมาในพรรค พล.อ.ประวิตร จึงต้องทำหน้าที่ในการรักษาความสงบ ไม่มีปัญหากับการทำงานที่แบ่งกันเป็นสัดเป็นส่วน ไม่มีการชิงอำนาจระหว่างกัน

ยึดภารกิจเป็นหลัก

ในบริบทที่ว่า ไม่ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค ใครจะมานั่งเป็น ครม. หรือตำแหน่งใดก็ตาม ไม่มีความสำคัญ ความสำคัญคือภารกิจจะต้องเดินไปข้างหน้าให้สำเร็จลุล่วง

วันสองวัน โฆษกกระทรวงพลังงาน วัชระ กรรณิการ์ ออกมาโต้กลุ่มสามมิตร หลังมีข่าวว่าสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แกนนำกลุ่มสามมิตร พา ส.ส.ไปพบ พล.อ.ประวิตร และก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่า สุริยะ จะได้ย้ายไปนั่ง พลังงาน เสียด้วย อ้างว่า สามมิตร ที่เคยมีรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน และ สุริยะ ตอนนี้เป็นขาลงเหลือแค่ สองมิตรคือ สมศักดิ์ และ สุริยะ เท่านั้น

ารออกมาแสดงความเห็นของโฆษกกระทรวงพลังงานที่มีสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นว่าการฯ ก็เท่ากับเป็นการเขียนคำสารภาพ ว่าพลังประชารัฐแตกกันจริงและเป็นเหตุผลที่พี่ใหญ่ต้องเข้าไปสังคายนาตามระเบียบ.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th