นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ชี้ “ประยุทธ์” ควรต้องลาออก เพราะยอมรับกลางสภาแล้วว่าไม่เก่งเศรษฐกิจ เย้ย ทีมงานยิ่งแย่ ตลอด 5 ปี เศรษฐกิจไทยทรุดตลอด แต่กลับคิดว่าดี ย้ำ ไทยต้องการผู้นำประเทศที่เก่งเศรษฐกิจ

วันที่ 1 มิ.ย. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ตอบการอภิปรายในสภาโดยยอมรับว่าไม่เก่งด้านเศรษฐกิจแต่จริงใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พลเอกประยุทธ์เคยบอกอย่างมั่นใจว่ารู้เศรษฐกิจดี การที่พูดกลับไปกลับมาไม่น่าจะแปลว่าจริงใจใช่หรือไม่ เพราะคนที่เก่งหรือไม่เก่งเศรษฐกิจจะต้องรู้ตัวเองแต่แรกอยู่แล้ว จะมาบอกว่ารู้ดีและมายอมรับว่าไม่เก่งห่างกันเพียงไม่กี่เดือนคงเป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ความจริงใจที่ขาดความรู้ความสามารถก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้

อดีต รมว.พลังงาน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ความที่ไม่เก่งเศรษฐกิจ จึงทำให้พลเอกประยุทธ์เข้าใจผิดว่ารัฐบาลไม่ได้ทำเศรษฐกิจพัง และรัฐบาลฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วง 5 ปีผ่านมาได้ดีพอควร ซึ่งต่างกับความเป็นจริงมาก ทั้งนี้เพราะหากพลเอกประยุทธ์จะยอมรับว่าตัวเองไม่เก่งแต่แรก และพยายามศึกษาหาความรู้จะพบว่ารัฐบาลบริหารเศรษฐกิจล้มเหลวมาตลอด 5 ปี เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำสุดมาตลอด เวิล์ดแบงก์และไอเอ็มเอฟสามารถยืนยันได้ นอกจากนี้เวิล์ดแบงก์ยังบอกว่าประเทศไทยมีคนจนเพิ่มขึ้นเกือบ 2 ล้านคน หรือเพิ่มถึง 38% ในช่วงการบริหารของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ซึ่งแสดงถึงความล้มเหลวอย่างชัดเจน อีกทั้งสื่อหลักเศรษฐกิจในต่างประเทศยังบอกไทยเป็นคนป่วยของเอเชียมาตลอด 5 ปี และจะยิ่งป่วยหนัก ซึ่งก็ป่วยหนักขึ้นจริง เพราะเศรษฐกิจไทยก่อนเกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19 ขยายได้เพียง 2.4% ต่ำที่สุดในรอบ 6 ปี และ ไตรมาสที่สุดท้ายปีที่แล้วขยายได้เพียง 1.6% เท่านั้น ก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะมาถดถอยและติดลบในปีนี้และจะยิ่งติดลบหนัก ทั้งนี้เพราะรัฐบาลไม่ได้สร้างภูมิต้านทานทางเศรษฐกิจไว้เลย จึงทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอยหนักมากขึ้นเมื่อเผชิญกับภาวะวิกฤติ

...

ดังนั้นการที่พลเอกประยุทธ์เข้าใจว่ามีทีมเศรษฐกิจที่ดี ก็เป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรงและยิ่งตอกย้ำความไม่เก่งทางเศรษฐกิจ และน่าจะถึงขั้นที่ไม่รู้เรื่องเลย เพราะถ้าทีมเก่งจริงคงไม่บริหารเศรษฐกิจล้มเหลวเช่นนี้ ป่านนี้คนจนในประเทศไทยคงหมดไปแล้วตั้งแต่ปี 2561 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ได้ประกาศไว้เอง และนายสมคิดคงแก้ไขทุกเสาหลักเศรษฐกิจที่เสื่อมตามที่เคยพูดไว้ได้แล้ว ไม่ใช่ยิ่งทำให้เสื่อมหนักขึ้น ดังนั้น นายสมคิดก็ควรจะเลิกได้แล้วตามที่พูดในสภา เพราะหมดยุคและไม่เหลือความเชื่อถือแล้ว ขนาดบอกทำงานมา 10 ปีทั้งที่บริหารมาได้ 5 ปี อีก 5 ปีไม่แน่ใจว่าไปทำงานที่ไหนหรืออายุอาจจะมากแล้วจึงหลงลืม

ถ้าทีมดีจริง นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง คงไม่ยอมรับความผิดพลาดและความล่าช้าในการเยียวยา อีกทั้งในสมัยเป็น รมว.อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมของประเทศไทยคงเจริญก้าวหน้าไปมากแล้ว ไม่ใช่มีข่าวการปิดโรงงาน และการย้ายโรงงานออกไปประเทศอื่นเป็นจำนวนมากเหมือนในปัจจุบัน ทั้งนี้ อยากถามพลเอกประยุทธ์ว่าที่บอกว่าไม่แก้ปัญหาแบบมักง่าย แล้วโครงการ ชิมช้อปใช้ ที่แจกแหลกแบบไม่มีหลักเกณฑ์ เที่ยวก็แจก ช็อปปิ้งก็แจก น่าจะเป็นเรื่องที่แสดงถึงความมักง่ายใช่หรือไม่ อีกทั้งการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งที่การแพร่ระบาดมีน้อยลงมากแล้ว ขนาดทูตสหรัฐฯ ยังต้องท้วงติง ก็เป็นความมักง่ายด้วยใช่หรือไม่

นายพิชัย กล่าวอีกว่า ถ้าทีมเศรษฐกิจดี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน คงไม่ออกมายอมรับเองว่ามีการผลิตไฟฟ้าล้นเกินความต้องการใช้มากจริง ทั้งนี้สาเหตุมาจากรัฐบาลบริหารล้มเหลว เศรษฐกิจขยายต่ำกว่าคาดการณ์มาก ซึ่งแผนการผลิตไฟฟ้าก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ จึงทำให้มีการผลิตไฟฟ้าล้นเกินมาก และต้องจ่าย “ค่าเตรียมพร้อม” ในปริมาณที่สูง แถมนายสนธิรัตน์ก็ยังงง โดยจะออกใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกในอัตราซื้อไฟฟ้าที่สูงกว่าปกติด้วย ทั้งที่มีการผลิตไฟฟ้าล้นอยู่แล้วนี้ ซึ่งหากสนธิรัตน์สามารถบริหารกระทรวงพาณิชย์ที่เคยบริหารตลอด 5 ปีได้ดี ป่านนี้การส่งออกไทยคงก้าวกระโดดไปแล้ว ไม่ใช่ขยายต่ำเตี้ยและบางปีก็ติดลบ แถมยังถูกสหรัฐฯ ตัดจีเอสพีอีกด้วย

การที่รัฐบาลจะอัดฉีดเงิน 1.9 ล้านล้านบาท ที่ผ่านสภาแล้ว รัฐบาลจะต้องมั่นใจว่าจะมีการใช้อย่างมีประสิทธิภาพและจะต้องไม่รั่วไหล เพราะถึงแม้รัฐบาลจะบอกว่าหนี้สาธารณะจะยังอยู่ภายในกรอบที่ 57% แต่ความจริงคือถ้ารัฐบาลบริหารเงินอัดฉีดนี้ไม่ดีพอ เศรษฐกิจไทยอาจถดถอยหนักและติดลบมาก ซึ่งจะทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีของไทยอาจจะทะลุเกินกรอบ 60% ก็เป็นได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาวะการคลังของประเทศ และควรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบการใช้เงินนี้เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดการคอร์รัปชัน

"ในภาวะวิกฤตินี้ ประเทศไทยต้องการผู้นำที่มีความรู้ความชำนาญทางด้านเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่โม้ หรือฟังคนสนิทที่ทำแค่การตลาดและโกหกไปวันๆ เท่านั้น ขนาดผู้นำที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจสูงก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถฟันฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ไปได้ คนที่ไม่เก่งยิ่งไม่มีทางที่จะทำได้เลย ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ลาออก เพื่อเปิดทางให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจอย่างเท้จริงเข้ามาบริหาร เพื่อนำพาประเทศไทยให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้ เพราะถ้าพลเอกประยุทธ์รู้ตัวและยอมรับเองว่าไม่เก่งแต่ยังคงหวงตำแหน่ง ก็เท่ากับพลเอกประยุทธ์เป็นตัวถ่วงการพัฒนาของประเทศและจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยมีปัญหามากขึ้น ประชาชนจะยิ่งเดือดร้อนกันอย่างมาก" นายพิชัย กล่าว.