ที่ประชุม ศบค. หารือเรื่องเปิดภาคเรียน “บิ๊กตู่” กำชับกระทรวงศึกษาธิการ เตรียมการอย่างรอบคอบ อาจต้องปรับสัดส่วนครูกับนักเรียน ย้ำ เรียนออนไลน์แค่ช่วงก่อนเปิดเทอมเท่านั้น
วันที่ 22 พ.ค. 2563 ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ในช่วงเช้าที่ผ่านมา และมีการแถลงต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. โดยหลังจากนี้จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอความเห็นชอบในวันที่ 26 พ.ค. เนื่องด้วยในสถานการณ์ปัจจุบันยังมีผู้ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวและมั่วสุมอยู่ จึงเห็นควรให้ขยาย พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อควบคุม แต่อาจพิจารณาผ่อนปรนในบางข้อ เช่น ระยะเวลาเคอร์ฟิว โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ว่า ต้องพิจารณาในภาพรวม ใช้ระยะเวลาที่เหมาะสม เป็นขั้นเป็นตอน รวมทั้งใช้มาตรการทางสังคมร่วมด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน เกิดความร่วมมือช่วยเหลือกัน
นอกจากนี้ ในที่ประชุม ศบค. ยังมีการหารือเรื่องการศึกษา คือ การเปิดภาคเรียน หรือเปิดเทอม ในช่วงการผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 4 ด้วยว่า กระทรวงศึกษาธิการ ต้องปรับแผนงาน เช่น เด็กปฐมวัย - อนุบาล 3 ที่ยังต้องไปโรงเรียน อาจมีการพิจารณาปรับสัดส่วนครูกับนักเรียนลดลง อาจจะต้องจัดเรียนเป็นผลัด ผลัดละ 20 คน และมีผู้สนับสนุนครูด้วย ส่วนโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งจะเปิดเรียนในวันที่ 1 มิ.ย. เพราะมีศักยภาพและความยืดหยุ่น สามารถรองรับและบริหารจัดการได้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปให้ทุกส่วนดำเนินการอย่างรอบคอบในทุกประเด็น ส่วนประเด็นที่มีความแตกต่างกันในรายละเอียด เช่น การเปิดเรียน เด็กในช่วงวัยต่างกัน การดูแลจะเป็นแบบเดียวกันคงไม่ได้ และการเรียนแบบออนไลน์จะใช้เฉพาะในช่วงนี้ คือก่อนการเปิดเรียนเท่านั้น เพื่อใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ทบทวนการเรียนการสอนและกระตุ้นนักเรียนก่อนเปิดเทอม แต่เมื่อเปิดเทอมแล้วจะต้องเร่งพิจารณาดำเนินการเหลื่อมเวลาเรียน พิจารณาในรายละเอียดของการเรียนการสอน ต้องมีหลักสูตรในการอบรมวิชาชีพครูในลักษณะ tailor-made เพื่อความเหมาะสม.
...
(ภาพประกอบจาก thaigov.go.th)