พายุฤดูร้อนกระหน่ำ นำร่องฝนตั้งเค้าตามฤดูกาล
บรรยากาศเร้าไปกับเมฆหมอกทะมึนทางการเมืองที่เริ่มกลับมาก่อตัว ตามจังหวะขับเคลื่อนเกมโค่นกระดานรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.
เกมพลิกขั้วอำนาจท้าไวรัสมรณะ ไม่ต้องรอให้โควิด-19 ซาก่อน
ตามฉากน่าตื่นตาตื่นใจของ “ป๊อก เดอ ฟรองซ์” นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า เปิดตำราย้อนประวัติศาสตร์ “ปฏิวัติฝรั่งเศส” โยงการแต่งตั้งนายนุรักษ์ มาประณีต อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองคมนตรี
เหยียบคันเร่งมิดไมล์ ดับไฟหน้า วิ่งข้ามเขตแดนพิเศษ
ในขณะที่อีกด้านก็เป็นหน้าที่ของ “ไพร่ห้าพันล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “ท่านผู้นำ” คณะก้าวหน้า เปิดสงครามไซเบอร์ เดินหมากการตลาด จัดอีเวนต์ระดมเงินบริจาค แจกเงิน 3 พันบาทโดยไม่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติ เบิ้ล
บลัฟการแจกเงิน 5 พันบาทของกระทรวงการคลัง ไลฟ์สดวิพากษ์ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจรับมือโควิดของรัฐบาล ตามจิกตีมาตรการอุ้มการบินไทยโดยไม่สนปากท้องคนยากคนจน
กระพือไฟเผายางรถยนต์ ส่งกลิ่นไปถึงคนแดนไกล
“นายใหญ่” รีบโหนขบวนเด็กรุ่นใหม่ ส่งซิกม้าใช้สายตรง “เสธ.แมว” พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการพิเศษพรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการ สมช.ยุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ประสานเสียงกับ “ตุ๊ดตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง นปช. ตีปี๊บ รัวเกราะ เคาะไม้ การเมืองกำลังล้อประวัติศาสตร์
...
รัฐบาลใกล้เจ๊ง เพราะคนยากลำบากจากมาตรการสกัดโควิดออกมาขับไล่
“แดง” แฝง “ส้ม” แปรรูปขบวน ปูทางนำร่องเกมมวลชนยี่ห้อใหม่ในนาม “คนป” เครือข่ายนักเรียน นิสิต นักศึกษา เคียงข้างประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่แปลงร่างมาจาก “แฟลชม็อบ”
“คณะก้าวหน้า” แตะมือ “คนแดนไกล” มุ่งไปที่การโค่นกระดานอำนาจรัฐบาล
ตามแนวโน้มสถานการณ์ไม่ต้องให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.)
ทำโพล มองกันด้วยสายตาก็เห็นได้เลยว่า “ศึกนี้ใหญ่หลวงนัก” สำหรับ “ลุงตู่”
เอาโควิดอยู่ก็ไม่มีหลักประกันจะต้านเกมม็อบแฝงโควิดได้
การยึดเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ เสียงของ 250 ส.ว.ก็ไม่อาจการันตีเกมในสภา โดยเฉพาะกับสภาพรัฐบาลเรือเหล็กที่เต็มไปด้วยสนิมเนื้อใน รัฐบาลผสมร้อยพ่อพันแม่ที่เกาะเกี่ยวกันด้วย
ผลประโยชน์บางๆของพรรคร่วมรัฐบาล
นั่นจึงเป็นที่มาของความไร้เอกภาพ รัฐบาลมีแค่กระทรวงการคลัง ภายใต้กำกับของ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มือเศรษฐกิจ เป็นเครื่องยนต์หลักที่ยังทำงาน ในสภาพโหลดภาระหนัก “ขุนคลัง” อย่างนายอุตตม สาวนายน แจกเงินยังถูกด่า
โดนล็อกเป้ากระหน่ำ ตามเป้ายุทธศาสตร์ของฝ่ายโค่น “บิ๊กตู่”
ฝ่ายตรงข้ามรู้เกม อ่านหมากทะลุ มุ่งกระแทก “จุดเปราะบาง”
ซ้ำร้ายหันไปทางแกนนำอย่างพลังประชารัฐ ฐานที่มั่นของ “บิ๊กตู่” เองก็อยู่ในสภาพกลวงใน กับอาการของพวกบ้องตื้นที่เปิดปลายคางให้ฝ่าย
ตรงข้ามสอย ไอ้ห้อยไอ้โหนแห่ “พี่ใหญ่” หาม “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ยึดแท่นหัวหน้าพรรค พปชร.แทนนายอุตตม
มหันตภัยจ่ออยู่ปากประตู ยังมีอารมณ์ชิงอำนาจกันเอง
“บิ๊กตู่” มุ่งมั่นการบริหารบ้านเมือง เครือข่าย “บิ๊กป้อม” มุ่งสร้างฐานการเมือง “พี่ใหญ่” กับ “น้องเล็ก” เริ่มสร้างดาวคนละดวง ในห้วงที่การเมืองวนอยู่กับ “old normal” วิถีโบราณ ความขัดแย้งสงครามชิงพลิกขั้วอำนาจ
โอกาสยิ่งเปิดให้เชื้อเน่าการเมืองแทรกได้ทุกจังหวะ
สภาพไม่ต่างผู้ป่วย “ภูมิคุ้มกันบกพร่อง” จ่ายยาแก้ปวดได้ชั่วครู่
ชั่วยาม ทั้งๆที่ตามเงื่อนไขสถานการณ์มันเลยจุดที่จะแก้อาการของโรคเอดส์
การเมือง ด้วยการจ่ายค่าต๋งประคองเสียงรัฐบาลผสมไปวันๆ สู้กับโรคแทรกที่พัฒนาเชื้อเน่าแข่งกับไวรัส ผนึกกันระหว่างรุ่นเก่ารุ่นใหม่ ยังไงก็เอาไม่อยู่
“บิ๊กตู่” จำเป็นต้องสร้าง “ภูมิคุ้มกันธรรมชาติ”
เสริมพลังหนุนทางสังคม กระตุ้นพลังศรัทธาจากประชาชนมาฆ่าเชื้อการเมืองเน่า
ต้องเอา “บ้านเมือง” มาก่อน “การเมือง” ปั่นเนื้องานสู้แรงกระแทก ตามเดิมพันเรื่องเศรษฐกิจร้อนๆ นายกฯต้องโชว์บทหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลผสมที่แยกคุมโควตา เพราะ “บิ๊กตู่” เท่านั้นที่จะขับเคลื่อนได้กับ
โจทย์ข้างหน้าที่เห็นกันชัดๆเศรษฐกิจตกท้องช้างทั้งโลก ลำพังปล่อย “สมคิด” โหลดเกินไป แถมไร้อำนาจคุมพรรคร่วมรัฐบาล ไม่นานก็เครื่องพัง
ที่แน่ๆการแก้ไขวิกฤติโควิดของไทย ยังไงก็หนีไม่พ้นสร้างความยากลำบากให้ประชาชน เข้าเหลี่ยมฝ่ายโค่นกระดานฉวยความเดือดร้อนของผู้คนเป็นชนวนจุดไฟม็อบ และเมื่อนั้นพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงพวกจ้องเขย่าอำนาจในค่ายพลังประชารัฐ ก็ต้องฉวยเหลี่ยมขี่คอผู้นำ โก่งค่าตัวตามฟอร์ม
นายกฯต้องทำข้อสอบทั้งโจทย์การเมืองและเศรษฐกิจ ณ วันที่ประชาชนส่วนใหญ่หนุนผู้นำที่คุมโควิดอยู่
“บิ๊กตู่” จะเลือกชาติรอด คนไทยปลอดภัย หรือตัวเองได้ไปต่อ.
ทีมข่าวการเมือง