“ปลดล็อก” เมื่อถึงวาระไม่เว้นระยะ ก็เรื่องการเมือง นี่คือประเทศไทยที่ไม่แยกแยะ เพิ่งปรามฝ่ายค้านหยกๆ หันมา อีกทีอ้าวพวกเดียวกันเอาด้วย พปชร.ดูท่าจะป่วยหนักไปอีกนาน

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เริ่มต้นเดือนใหม่ที่ว่ากันว่าเป็นคาบเวลาที่มนุษย์จะควบคุมธรรมชาติในนาม “โคโรนาไวรัส” ได้ระดับหนึ่ง

แม้หลายประเทศยังต้องโรมรันพันตูกันวันต่อวันก็ตาม

ไทยเองก็ดีเดย์ “ปลดล็อก” เป็นวันแรก เริ่มต้นจาก 6 กิจการให้ดำเนินธุรกิจได้ แต่ก็ยังต้องรักษากติกาควบคู่ไปได้

ถือเป็นเฟสแรกทำให้หายใจหายคอกันโล่งขึ้น

หากเป็นไปอย่างราบรื่นโอกาสที่จะเปิด “เฟส 2” กลางเดือนนี้ก็มีความเป็นไปได้สูง จึงขึ้นอยู่กับประชาชนเป็นด้านหลัก

สำนึกรับผิดชอบจึงเป็นปัจจัยชี้ขาด

วันนี้มีการพูดถึงกันมากกับคำว่า “New Normal”...ความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่จะเกิดขึ้นหลังจากไวรัสสงบ

ว่าไปแล้วได้มีการเรียกขานคำๆนี้ที่แสดงถึงความหมายเอาไว้หลายชื่อ เช่น ความปกติใหม่ โลกใหม่ใบเดิม วิถีชีวิตใหม่

เขาบอกว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นสถานการณ์ระบาดนั้นคือร่องรอยที่บ่งชี้ว่า

ความเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

คือความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต ของผู้คนทั้งโลก

ที่ทุกคนจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดรับกับสิ่งใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น

ภาพรวมจากการแก้ไขปัญหาไวรัสในครั้งนี้ถือว่า “สอบผ่าน” แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้างก็ยังพอทำเนา

เสี้ยนตำเท้าจากฝ่ายตรงข้ามก็ถือเสียว่าเป็นเรื่องการเมือง

แต่ที่ไม่น่าจะเกิดหรือไม่ควรจะเกิดก็คือ ความขัดแย้งในฝ่ายรัฐบาลด้วยกันที่ต้องเน้นมากคงจะเป็นเรื่องภายในพรรคพลังประชารัฐ

...

เน้นย้ำในประเด็นเปลี่ยนหัวหน้า เลขาธิการพรรค ปรับ ครม. เปลี่ยนตัวรัฐมนตรี

เอา “ประวิตร” เข้า เอา “อุตตม” ออกไปแบบยกทีม

เรื่องนี้เคยมีกระแสมาก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเคลียร์กันได้ก็จบไป แต่เรื่องนี้มีเชื้อมาก่อนเพียงแต่ในสถานการณ์อย่างนี้

ไม่ควรหรือไม่ มันถูกกาลเทศะหรือไม่?

บั่นทอนคนทำงานอย่างไม่ควรจะเกิดขึ้น อีกทั้งยังชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแอของพรรคแกนนำรัฐบาลที่จะต้องเสียหายแทนที่จะได้คะแนนนิยม

“ลุงตู่” ก็เลยกลายเป็น “พระเอก” คนเดียว...

“บิ๊กป้อม” พี่ใหญ่จะกลายเป็น “ผู้ร้าย” ด้วยซ้ำไป

การที่คนสนิท “พล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา” มีฐานะทางการเป็น ส.ว. แต่ไม่เป็นทางการคือ “คนสนิท” ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ไปเปิดหน้าไพ่เล่นอย่างนี้มันสื่อความหมายอะไร? อีก 3 คนที่อยู่ในขบวนการเคลื่อนไหวที่มุ่งหวังอะไรก็รู้กันอยู่

คำตอบนี้มันอยู่ในโจทย์ว่าด้วยการปรับ ครม.ครั้งล่าสุด

ใครได้ตำแหน่งอะไร ใครถูกลดบทบาท คนเคยใหญ่มีอำนาจครอบ จักรวาล อยู่ดีๆกลายเป็นอย่างนี้ได้ยังไงผสมโรงกับพวกอกหักอยากมีตำแหน่ง

เอาเงื่อนไขไวรัสมาเป็นชนวนเพราะไม่พอใจที่หัวหน้าพรรคไม่ใส่ใจลูกพรรค ไม่ยึดธรรมเนียมปฏิบัติ

“กระสุนดินดำ” ไม่ยิงสักนัดแล้วจะไปทำงานได้อย่างไร?

“เป่าหู” ยกยอปอปั้นใครก็เคลิ้มกันได้...

อย่าไปถาม “ลุงตู่” ต่อให้ “อมพระ” ก็พูดไม่ได้!!!

“ลิขิต จงสกุล”