รองโฆษก พปชร.แจกถุงยังชีพชุมชน สู้ภัยโควิด เผย “บิ๊กป้อม” กำชับส.ส.-อดีตผู้สมัคร ลงรับฟังเสียงสะท้อนปชช.ใกล้ชิด วอน ฝ่ายค้านเลิกอ้างความเดือดร้อน ปลุกแก้รธน.

วันที่ 2 พ.ค. น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ อดีตผู้สมัครส.ส.กทม. เขตจอมทอง-ธนบุรี  กล่าวว่า วันนี้ตนได้ลงพื้นที่เพื่อแจกถุงยังชีพช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 7 ชุมชน ชุมชนบางระแนะใหญ่, ชุมชนวาสนา, ชุมชนวุฒากาศ 46, ชุมชนสวนหลวง, ชุมชนสุขสิริ, ชุมชนสุขสิริ, ชุมชนศาลาครืน, ชุมชนวิสุทธิจิตร ในเขตจอมทอง ตามจำนวนครัวเรือนที่ลงทะเบียนไว้ กว่า 1,000 หลังคาเรือน โดยภายในถุงยังชีพประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง สบู่ แอลกอฮอล์สำหรับล้างมือ และน้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งในการแจกถุงยังชีพให้ประชาชนนั้น ตนและทีมงานได้จัดระเบียบตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในการแจกถุงยังชีพเพื่อเป็นการดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่มารับถุงยังชีพ โดยกำหนดระยะห่างระหว่างบุคคล ให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเอง จัดเจลล้างมือสำหรับประชาชนที่มารับถุงยังชีพ และวัดอุณหภูมิก่อนเข้ารับแจกถุงยังชีพ

...

“เข้าใจและเห็นใจผู้ที่ขาดรายได้ และขาดอาชีพ โดยจะลงพื้นที่แจกถุงยังชีพให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง อีกกว่า 30 ชุมชน ในเขตจอมทอง -ธนบุรี เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า และเตรียมจัดโครงการฝึกอาชีพให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชน เพื่อเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพที่สองเพื่อรองรับในยามวิกฤติเช่นนี้” น.ส.ทิพานัน กล่าว  

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ได้มอบนโยบายให้ส.ส.และอดีตผู้สมัครของพรรค ลงพื้นที่อย่างหนัก ให้รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน รับเรื่องร้องเรียนปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ เพื่อนำมาหารือกับท่าน และพรรคพลังประชารัฐ เพื่อรวบรวมนำไปเสนอต่อรัฐบาลให้เร่งแก้ไขโดยเร่งด่วน ปรับปรุงมาตรการต่างๆ รวมทั้งปรับปรุงนโยบายให้เข้าถึงและช่วยเหลือประชาชนให้มากยิ่งขึ้น

“พล.อ.ประวิตร ท่านฟังเสียงสะท้อนความเดือดร้อนของประชาชนจากในพื้นที่ ผ่านการลงพื้นที่ของ ส.ส.เสมอ และกำชับให้ส.ส.และอดีตผู้สมัครส.ส. ของพรรคเสียสละทุ่มเท อยู่เคียงข้างไม่ทอดทิ้งประชาชน ซึ่งประชาชนก็เข้าใจว่าพรรคประชารัฐ เป็นแกนนำรัฐบาล ต้องทำงานหนักในวิกฤติครั้งนี้” น.ส.ทิพานัน กล่าว

รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวอีกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้จะมีแนวโน้มที่ดี จากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่อยู่ในอัตราต่ำสิบต่อเนื่อง แต่จะมีบทพิสูจน์สำคัญหลังวันที่ 3 พ.ค.ที่จะมีการผ่อนปรนให้กิจการและกิจกรรม 6 ประเภท สามารถเปิดบริการได้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ประกอบการและพี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรฐานกลางที่ ศบค.จะกำหนดมา

“ขณะเดียวกันโควิดยังไม่ผ่านพ้น แต่กลับมีความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้านปลุกระดม เอาความเดือดร้อนของประชาชนมาเป็นข้ออ้างในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง แทนที่จะเอาเวลาไปลงพื้นที่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว