ต้องคอย “กระตุกอำนาจกลับ” เป็นระยะๆเหมือนกัน

กับการออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับล่าสุด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศูนย์ ศบค. ประกาศ แจ้งให้คำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะเจ้าพนักงาน และผู้มีอำนาจตามกฎหมายต่างๆที่ได้ประกาศหรือสั่งไว้ก่อนที่ข้อกำหนดนี้ใช้บังคับ ยังมีผลบังคับใช้ต่อไปเช่นเดิม

จนกว่าจะได้มีข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

สรุปความภาษากฎหมายได้ว่า ถ้าจะเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนคลาย ผ่อนปรน หรือคุมเข้มแค่ไหน รอคำสั่งจากผู้มีอำนาจเต็มตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ให้ฟังที่ “บิ๊กตู่” คนเดียว

ในภาวะชาวบ้านเริ่มสับสน ผู้นำเริ่มเห็นสัญญาณป่วนต้องรีบออกมาจัดแถว ตี “ธง” ให้ปฏิบัติตรงกัน

ปล่อยฟรีสไตล์ ผู้คนไม่นิ่ง “ติดขาให้โควิด” เชื้อโรคได้ออกอาละวาดกันอีก

ในไฟต์บังคับสู้เชื้อโรค “ไวรัสรัฐประหาร” ต้องคอนโทรลเกมอำนาจเข้ม ปล่อยเมื่อไหร่เสี่ยงเจ๊งเมื่อนั้น

สถานการณ์ไม่ต่างจากอีกคิวที่ปลดล็อกผ่อนปรนไม่ได้เลย เกมชิงอำนาจกันฝุ่นตลบในค่ายพลังประชารัฐ ถึงแม้ว่าล่าสุด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. จะออกมายืนยัน ณ วันนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆใน พปชร.ตามที่มีกระแสข่าว

โละเก้าอี้หัวหน้าเลขาธิการพรรค ของ “อุตตม สาวนายน–สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ดัน

“บิ๊กป้อม” ขึ้นแท่นหัวหน้าพรรค และ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง เลขาธิการพรรค พ่วงออปชันรื้อเก้าอี้ใหญ่ปรับ ครม.

...

ต้องงานนี้ฝ่ายรุกก็ต้องชะลอเกมบุก หลังผู้นำแตะเบรก แต่ก็น่าจะแค่ “สงบศึกชั่วคราว”

เพราะเอาเข้าจริง แม้ไม่เปิดหน้า แต่อ่านเกมที่เปิดกันมา ทั้งฝ่ายหนึ่งรุกไล่ “เข้าพรวด” จนเสียท่าอีกฝ่ายที่ใช้วิธีถนัด ยันเกมบุกแล้วรุกกลับ ด้วยเคล็ดวิชาเขย่ายุทธภพ เปิดโพยแฉเกมคนขั้วพี่ใหญ่

อ่านจากชื่อคนการเมืองระดับหัวหน้ากลุ่มก๊กที่มีชื่อ สะท้อนไปยังต้นขั้ว คิวนี้กองกำลังที่ดัน

“บิ๊กป้อม” เปิดศึกกับทีมกุมารในคาถาปลุกเสก “พระอาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ

ลูกก๊กเปิดศึก ลากพี่ใหญ่-จอมยุทธ์ร้าวฉาน

แล้วก็มาถึงจุดที่ใกล้แตกหัก เพราะฝั่งกลุ่มพี่ใหญ่เอง แม้บิ๊กบราเธอร์เริ่มอ่อนพลัง จากปัญหาสุขภาพ แต่บารมียังถือว่าปึ้ก ถึงจังหวะต้องดันให้ออกแรงฟื้นดุลจากที่พร่องไปมากโข ทั้งในกองทัพ–สตช.

มองจุดแข็ง “ต้นท่อปั๊มสามทหาร” ที่อัดฉีดชื่นใจคนในพลังประชารัฐแทบทุกก๊ก

ชูเชิด “บิ๊กป้อม” เหมาะนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรค ดูแลลูกค่าย

ขณะที่ในงานบริหารก็ถือว่าพี่ใหญ่พยายามรักษาสถานะ เติมเต็มในส่วนที่ทำได้ แม้ไม่เกี่ยวข้องตรงกับสถานการณ์รับมือเชื้อโรคโดยตรง และถือว่า “บิ๊กป้อม” ทำได้ดี เป็นตัวช่วยของผู้นำได้มีประสิทธิภาพ

ดีกรีบิ๊กบราเธอร์จะมองเมิน เขี่ยออกนอกวงไม่ง่าย

ขณะที่ในปีกที่โดนรุกไล่ จุดแข็งจุดขายของ 2 กุมาร “อุตตม–สนธิรัตน์” ก็ปั้นผลงานภายใต้สีเสื้อ “สมคิดกรุ๊ป” มือเศรษฐกิจที่รัฐบาลขาดไม่ได้ กับผลงานจับต้องได้จากแพ็กเกจเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รัวเป็นชุด เป็นระบบ ทั้งดูแลสถานประกอบการเอสเอ็มอี หรือกระทรวงพลังงาน มาตรการลดค่าไฟก็แก้เกมไว

โดยมาสเตอร์พีซ ชิ้นโบแดง “สมคิดกรุ๊ป” ไม่พ้นมาตรการเยียวยา 5 พันบาท

รวมทั้งงานใหญ่งานสำคัญ “ฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ที่รออยู่

ถือแต้มได้เปรียบ มือเศรษฐกิจที่ผู้นำต้องใช้บริการ

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีหลายชื่อแพลมเข้ามา “แทนที่” ทั้งชื่ออดีตผู้ว่าการ ธปท. กระทั่งล่าสุดชื่อของเจ้าสัวนายแบงก์ใหญ่ ทั้งเก้าอี้ผู้นำสถานการณ์พิเศษเฟสใหม่ หรือแม่ทัพเศรษฐกิจ หากต้องยกเครื่องจริง

แต่นั่นก็แค่กระแส แค่ข่าวลอยลม ถึงตรงนี้เรียกว่า ทั้ง “บิ๊กป้อม” และ “ดร.สมคิด” ต่างก็ยังเป็นคนสำคัญ ถึงแม้ลูกข่ายกลุ่มก๊วนเครือข่ายกรีธาทัพเปิดศึก เชิด “พี่ใหญ่” ชู “จอมยุทธ์” วัดพลัง

เพราะเอาเข้าจริง ทั้ง 2 รองนายกฯ เป็นแม่ทัพมืองานสำคัญที่ “บิ๊กตู่” ก็ลำบากใจหากต้องเลือก

นั่นก็เดาทางได้เหมือนกัน น่าจะจบลงแบบงงๆกับสูตรบริหารแบบถ่วงดุล

เช็ก-บาลานซ์ ตำรับที่ผู้นำนิยม

เพียงแต่จะบริหารอย่างไร ไม่ให้เกมป่วนลามรัฐบาล

ไม่ทำให้เก้าอี้ผู้นำเจ้าของไอดีไลน์ “T เสือ” ต้องสั่นคลอนไปด้วย.

ทีมข่าวการเมือง