ที่ประชุม ศบค. มีมติขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปอีก 1 เดือน ถึง 31 พ.ค. อะไรยังทำไม่ได้บ้าง ดับฝันแพลนเที่ยวพักร้อน
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เผยว่า เมื่อช่วงเช้ามีการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ โดย นายกฯ กล่าวขอบคุณการทำงานในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ โดยย้ำให้ยึดหลักสาธารณสุข และองค์การอนามัยโลก
นอกจากนี้ ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปกำหนดระยะในการผ่อนปรน เริ่มตั้งแต่ 25%, 50%, 75% และ 100% โดยทบทวนทุกๆ 14 วัน และให้ประเมินมาตรการต่างๆ ในการควบคุมโรค ซึ่งถ้าเปิดแล้ว เกิดปัญหา เกิดการระบาดระลอก 2 ก็ปิดได้ เพราะมันจะทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย สิ่งที่ทำมาก็จะล้มเหลว
ซึ่งในที่ประชุมมีการพูดคุยถึง 3 กรณี ถ้าเราคุมได้เต็มที่ จะเกิดผู้ป่วย 15-30%, กรณีควบคุมได้ มีความเสี่ยงต่ำ ให้ภาคธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำเปิดได้ และกรณีคุมได้ยาก ข้อนี้จะทำให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมาก วันละ 500-2,000 คน
...
ทั้งนี้ ในที่ประชุม เลขาธิการ สมช. ได้ประเมินผลของการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ช่วงที่ผ่านมา ทำให้การดำเนินการต่างๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว มีเอกภาพ และทำให้ผู้ติดเชื้อ ลดจำนวนลง นอกจากนี้ เมื่อไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชน มากกว่าร้อยละ 50 เห็นด้วยกับการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงมีมติ ขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีก 1 เดือน
สำหรับการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 1-31 พ.ค.63 มีสาระสำคัญดังนี้
- ควบคุมการเข้าออกราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1-31 พ.ค.63
- ห้ามออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00 - 04.00 น.
- ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด
- งดการทำกิจกรรมในคนหมู่มาก เช่น ประชุม อบรม สัมมนา ทั้งในที่โล่งแจ้ง หรือจัดพิเศษ ต้องงดเป็นการชั่วคราว
ซึ่งแนวทางต่อไป ที่จะต้องพิจารณาคือ การผ่อนปรนในมาตรการต่างๆ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุข โดยพบว่า ร้อยละ 50 ของการทำงานที่บ้าน ยังจำเป็นต้องทำ โดยพิจารณาจากประเภทของกิจกรรมที่ทำก่อน รวมถึงการ สวมหน้ากากอนามัย, เว้นระยะห่าง, วัดอุณหภูมิ, ล้างมือ, จำกัดจำนวนคน ในการดำเนินการในสถานที่ และมีการติดตามตัว โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่ไม่กระทบต่อสิทธิส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม การประเมินผล จะทำทุกๆ 14 วัน หากไม่ดีขึ้น ให้ระงับมาตรการผ่อนคลายทันที.