โฆษก ศบค. ย้ำ ยังไม่เคาะขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ หลังหลายแห่งเตรียมเปิดบริการ 1 พ.ค. ชี้ ต้องรอมติที่ประชุมชุดใหญ่ และอยู่ที่ความร่วมมือทุกคน


วันที่ 19 เม.ย. 2563 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ตอบคำถามกรณีสถานประกอบการบางแห่งเตรียมเปิดให้บริการในวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งอาจจะทำให้มีพนักงานกลับเข้ามาเตรียมทำงานจนเกิดความหนาแน่นขึ้น ว่า อาจจะเป็นการตีความ เพราะ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะจบลงในการประกาศครั้งแรกคือวันที่ 30 เม.ย. แต่ยังไม่ได้บอกว่าจะยุติแค่ตรงนี้ หรือจะต้องบวกเพิ่มต่อ เนื่องจากต้องรอมติที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. จะต้องมีการเรียกประชุมโดยใช้ชุดข้อมูลต่างๆ ประเมินอย่างละเอียดก่อนที่จะมีมติออกมา และการที่จะสร้างความมั่นใจนั้นก็ต้องมาจากความร่วมมือของคนทั้งประเทศมากกว่า 90% จึงจะกดเรื่องการติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ ที่ผ่านมา ยังอยู่ในความพึงพอใจระดับหนึ่งแต่ยังไม่ดีเพียงพอ ผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ต้องน้อยที่สุดมากกว่าปัจจุบัน ทั้งนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดยังคงต้องเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ

“ณ วันนี้ หากจะบอกว่าวันที่ 1 พ.ค. จะเกิดอะไรขึ้น ยังตอบไม่ได้ แต่ให้ทุกท่านเตรียมความพร้อมให้ดีที่สุดคือทั้งส่วนตัวและสังคมต้องไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งที่ท่านอยากจะได้ อยากจะผ่อนคลายก็จะเกิดขึ้นตามชุดพฤติกรรมที่เราเรียกว่า New Normal (ความปกติแบบใหม่) เช่น ชาติตะวันตกยอมรับการใส่หน้ากากอนามัยเพราะมีคนเสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นแสนคน และเพราะเรายอมรับมันตั้งแต่ต้นเราถึงมีวันนี้ เพราะฉะนั้น ฝากทุกๆ ท่านยังต้องอดทนกันต่อ”

...

พร้อมกันนี้ โฆษก ศบค. กล่าวย้ำถึงการช่วยเหลือกันของพี่น้องประชาชนในยามวิกฤติด้วยว่า ต้องจัดให้มีความสมดุล เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับประชาชนที่มีความต้องการที่จะช่วยเหลือแจกจ่ายสิ่งของแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ต้องประสานเพิ่มเติมกับหน่วยงานของรัฐหรือฝ่ายปกครองในพื้นที่เพื่อวางแผนจัดลำดับให้เกิดการชุมนุมน้อยที่สุด มีระยะห่างที่เหมาะสม ไม่ให้เกิดการแย่งชิงหรือได้รับของไม่ครบถ้วน โดยภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย มั่นใจได้ว่าสิ่งที่กระทำอยู่นั้นไม่มีส่วนที่จะทำให้เกิดกระแพร่กระจายของโรคโควิด-19 ทำให้มั่นใจได้ว่าสังคมจะปลอดโรค มีความสุข อิ่มเอมใจทั้งผู้ให้และผู้รับ.