การแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด–19 ที่ลุกลามไปทั่วประเทศนั้นในส่วนกลางมีสรรพกำลังพรั่งพร้อมกว่าต่างจังหวัดมากนัก เพราะอยู่ใกล้ชิดกับศูนย์อำนาจที่มีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมมูล
วัสดุอุปกรณ์และบุคลากรในการแก้ปัญหาเป็นระดับกรมกระทรวง ในขณะที่ตามต่างจังหวัดซึ่งเริ่มมีการลุกลามมากขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งด้วยสาเหตุการเคลื่อนย้ายของประชากรและเหตุอื่นๆ เช่น นักท่องเที่ยวจากต่างชาติมาแพร่เชื้อ เป็นต้น
ทำให้ผู้รับผิดชอบในจังหวัดต้องทำงานหนักที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หัวหน้าทีม คือ ผู้ว่าราชการจังหวัด นั้นถ้าไม่แน่จริงอาจจะเอาไม่อยู่
แต่เท่าที่ผ่านๆมาแต่ละจังหวัดก็ทุ่มเททำงานกันอย่างเข้มแข็ง ซึ่งมีบ้างบางจังหวัดที่มีกลุ่มคนออกมาต่อต้านการทำงานแก้ปัญหาเพราะความไม่เข้าใจหรือไม่ก็อาจจะมีอะไรแอบแฝงอยู่
ยกตัวอย่างที่ ภูเก็ต ซึ่งมีอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ค่อนข้างสูง แต่ถ้าพิจารณา ข้อมูลให้ลึกซึ้งแล้วจะเห็นว่าเป็นชาวต่างชาติที่มามั่วสุมสิงสู่อยู่มากมาย ที่เป็นคนไทยก็เป็นกลุ่มที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนต่างชาติ
การแก้ปัญหาของ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต คือ นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ นั้น ก็เป็นไปตามหน้าที่และอำนาจที่มีอยู่อย่างเต็มที่ จำได้ว่าภูเก็ตเป็นจังหวัดแรกๆที่สั่งปิดแหล่งท่องเที่ยว คือ หาดป่าตอง ตั้งแต่ 5 โมงเย็น มาตอนหลังถึงกับสั่งปิดเกาะห้ามการสัญจรเข้าออกภูเก็ตอย่างเข้มงวดที่เรียกกันว่า ล็อกดาวน์
เรียกว่ารับนโยบายจากส่วนกลางมาปฏิบัติอย่างเต็มกำลังไม่มีอะไรบกพร่อง
แต่แล้วอยู่ๆก็มีคนบางกลุ่มเริ่มก่อหวอดหาเรื่องโจมตีถึงขนาดขับไล่ไสส่งกันทีเดียว ทำเอาคนภูเก็ตแท้ๆต่างพากันงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เมื่อติดตามเสาะหาข้อมูลลึกๆแล้วพบว่ามีอยู่ประการหนึ่งที่ ผู้ว่าฯภัคพงศ์ ไม่ยอมทำตามคำเรียกร้องของบรรดาเจ้าของโรงแรมที่มีจำนวนมากมายว่าให้จังหวัดมีคำสั่งปิดโรงแรมในจังหวัดภูเก็ตให้หมดเพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19
เรื่องนี้ดูเผินๆแล้วเหมือนว่าดูดีมีเหตุผล แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครที่ไหนหรอกที่จะเรียกร้องให้คนอื่นมาทุบหม้อข้าวตัวเองถ้าไม่มีนัยแอบแฝง
ความจริงก็คือจังหวัดจะปิดหรือไม่ปิดโรงแรมก็ไม่มีใครมาเข้าพักอยู่แล้วในระยะนี้
เหตุที่บรรดาเจ้าของโรงแรมทั้งหลายไม่ยอมปิดตัวเองก็เพราะไม่อยากรับภาระในการจ่ายเงินชดเชยให้ลูกจ้างพนักงานตามกฎหมาย
แต่ถ้าทางการสั่งปิด ภาระนี้ก็จะตกเป็นของทางการเองไม่ว่าจะเป็นจังหวัดหรือคำสั่งจากส่วนกลาง ปัญหาก็จะไปตกหนักที่ประกันสังคมบ้าง รัฐบาลบ้าง
ถามจริงๆเถอะว่านายทุนเจ้าของโรงแรมทั้งหลายนั้นท่านกอบโกยผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวบูมที่ภูเก็ตมาหลายสิบปีเอาไว้เท่าไหร่แล้ว บางโรงแรมในเครือเดียวกันมีทั้งในตัวเมืองและหาดต่างๆหลายแห่ง จะเป็นทุนไทยทุนต่างชาติหรือทุนเศรษฐีภูเก็ต ล้วนแต่อิ่มเอมเปรมปรีดิ์มายาวนานหลายสิบปี
เมื่อถึงคราวที่ต้องควัก เศษเงิน มาเยียวยาพนักงานลูกจ้างที่ต้องตกงานถ้าโรงแรมปิดตัวเองกลับไม่ยอมจ่าย คิดจะผลักภาระให้รัฐเสียยังงั้น
ถูกต้องแล้วที่ผู้ว่าฯไม่ยอมสั่งปิดโรงแรม
ข้อเขียนวันนี้จึงขอเป็นกำลังใจให้ผู้ว่าฯภัคพงศ์ ให้ทำหน้าที่รักษาความถูกต้องเป็นธรรมและดูแลผลประโยชน์ของชาติตลอดจนเยียวยาแก้ปัญหาให้คนภูเก็ตต่อไปอย่างเต็มกำลังไม่ต้องสนใจในสิ่งไร้สาระ.
“ซี.12”