ต้องตอบโจทย์...
ก่อนอื่นจะพูดถึงความเป็นไปของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เอาแค่ที่เกี่ยวข้องกับเมืองไทยนี่แหละ
เพราะในแต่ละประเทศต่างก็ประสบความเลวร้ายไม่ต่างกันหนักบ้างเบาบ้างก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการได้ดีแค่ไหน
แต่ดูอาการแล้วหนักกันแทบทุกประเทศ
มีข่าวมาบอกอย่างหนึ่งทั้งข่าวดีและข่าวร้าย เอาข่าวร้ายก่อน ล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่าโควิด-19 นั้นเป็นแอร์บอร์น (Airborn) ซึ่งกลุ่มแพทย์ได้ถกเถียงเรื่องนี้กันแล้ว
มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เชื้อไวรัสอยู่ในอากาศได้ถึง 8 ชั่วโมง พูดง่ายๆก็คืออยู่ในอากาศได้นานถึง 8 ชั่วโมง
วงการแพทย์ไทยก็มีแนวคิดต่างกันเป็น 2 ทาง ด้านหนึ่งมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้โดยเฉพาะในระหว่างการรักษา
อีกด้านหนึ่งมองว่าเป็นไปไม่ได้ จะติดระหว่างคนต่อคนก็ต่อเมื่อผ่านทางน้ำลาย น้ำมูก หรือการสัมผัสกัน
จึงมุ่งเน้นไปที่การรณรงค์ให้ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”
เพราะจะทำให้การแพร่ระบาดเป็นไปได้ยาก เพราะแยกคนออกจากกลุ่มเว้นระยะห่างทางสังคมซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
มาว่ากันถึงข่าวดีหลังจากรัฐบาลออกมาตรการเข้มข้นขึ้นด้วยการประกาศ “เคอร์ฟิว” ทั่วราชอาณาจักรไม่ให้ออกนอกบ้าน ตั้งแต่ 4 ทุ่ม-ตี 4 ทำให้ถนนหนทางเงียบเหงาไปเลยทีเดียว
ปรากฏว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อลดระดับลงแม้จะเพียงไม่กี่วันแต่แนวโน้มมันบอกอย่างนั้นขอให้ได้ผลจริงๆเถอะ...
รัฐบาลกำลังประเมินสถานการณ์วันต่อวัน ซึ่งก็คงวัดจากตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงหรือเพิ่มขึ้น หากยังไม่ลดลงก็จะปิดเมืองกันตลอด 24 ชั่วโมง
ฟังข่าวดีได้แค่พักเดียวพลันก็มีข่าวร้ายตามมา เมื่อมีเหตุชุลมุนวุ่นวายที่สนามบินสุวรรณภูมิเกิดขึ้น เนื่องจากผู้โดยสารบินมาจากต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่ขอให้ไป “กักตัว” ในสถานที่จัดไว้ให้แล้ว
ปรากฏว่าผู้โดยสารมไม่ยินยอมอ้างว่าตรวจมาแล้วจากปลายทางมีใบรับรองแพทย์ และไม่ได้รับการบอกกล่าวว่าต้องถูกกักตัวจนเหตุทำท่าจะบานปลาย
ก็มี “นายพลทหาร” ท่านหนึ่งเข้ามาช่วยเจรจาขอร้องให้ปฏิบัติมาตรการ แต่กลุ่มผู้โดยสารไม่ยินยอมจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้แต่ขอให้กักตัวอยู่ที่บ้าน 14 วัน
ยังมีผู้โดยสารอีกชุดหนึ่งจากเที่ยวบินถัดมาจำนวน 213 คน ยินยอมที่จะปฏิบัติตามและนำตัวไปกักกันที่สัตหีบ
2 กลุ่ม 2 ชุด มีความรับผิดชอบต่างกันอย่างชัดเจน
คำถามที่ตามมาก็คือ พล.ต.ที่เข้ามาเกี่ยวข้องมีอำนาจอะไรที่สั่งให้กลับบ้านได้ ทั้งๆที่รู้ดีว่าเป็นการใช้คำสั่งที่ผิดกฎหมายแม้จะอ้างว่ามีผู้ใหญ่สั่งให้ปล่อยตัวเกรงว่าจะเกิดปัญหาได้
สุดท้ายนายพลท่านนี้จึงถูกตั้งกรรมการสอบสวนที่ฝ่าฝืนกฎหมายเสียเอง แปลกดีแฮะเรื่องราวที่พัวพันกับโควิด-19 นั้นตั้งแต่สนามมวยลุมพินีมาถึงสุวรรณภูมิ
แจ็กพอตไปที่นายพลสีเขียวต่อเนื่องกันมาเลย
ได้มีคำสั่งให้ผู้โดยสารจำนวน 152 คน ให้กลับมาสู่การกักตัวโดยเร็วไม่ว่าจะไปอยู่แห่งหนตำบลใด ที่สำคัญ 3 คน มีไข้รวมอยู่ด้วย โอกาสที่จะแพร่เชื้อจึงมีความเสี่ยงสูง
หากไม่มาจะมีความผิดติดคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท
“ลอตใหม่” นี้ จึงต้องนำตัวมาเข้ากระบวนการให้ได้...มิฉะนั้นเครื่องสะดุดแน่!