ลูกสาวขึ้นเครื่องเดินทางกลับไทยโดนดึงตัว-ไล่ลง

“สุชาติ” เตือนตัดโอนงบ 10% ต้องรอบคอบ ดูมิติด้านสาธารณสุขกับผลกระทบทางเศรษฐกิจคู่กัน อย่าแตะ งบลงทุนอันน้อยนิด “ระวี” แนะ สธ.แก้เหลื่อมล้ำหมออนามัย- อสม. “ชลน่าน” ซัดรัฐบาล อัดยาไม่ตรงอาการ ทำเคอร์ฟิวไร้ประโยชน์ “วัฒนา” ฉะแหลก มาตรการมั่วซั่วทำลูกสาว-นร.ไทยในอเมริกากลับบ้าน ไม่ได้ ชี้เป็นบทเรียนจากความไร้ปัญญาของรัฐบาล “องอาจ” แนะเตรียมรับเคอร์ฟิว 24 ชม.

ตามที่ประชุม ครม.นัดพิเศษ ออกมาตรการเยียวยาและดูแลระบบเศรษฐกิจชุดที่ 3 เพื่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยคิดเป็นวงเงิน 10 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี หรือราว 1.68 ล้านล้านบาทนั้น นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เตือนว่าต้องพิจารณาให้รอบคอบ อย่าไปแตะงบลงทุนที่มีอยู่น้อยนิด

“สุชาติ” ติงตัด 10% ต้องรอบคอบ

เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ประชุม ครม.นัดพิเศษ มีมติอนุมัติมาตรการเยียวยาและดูแลระบบเศรษฐกิจชุดที่ 3 โดยใช้วงเงินดำเนินการทั้งสิ้นคิดเป็นร้อยละ 10 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) หรือราว 1.68 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ไขและบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า เห็นด้วยกับแนวทางที่รัฐบาลจะโอนงบประมาณในส่วนที่ไม่จำเป็นจากกระทรวงต่างๆ ไปใช้ในการกู้วิกฤตการณ์ครั้งนี้ แต่การวางกรอบว่าจะต้องดึงงบประมาณจากแต่ละกระทรวงให้ได้ร้อยละ 10 นั้น อาจไม่ถูกต้องเสียทีเดียว รัฐบาลจำเป็นต้องคิดอย่างรอบคอบ ทั้งในมิติด้านการสาธารณสุข และในแง่การแก้ไขบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจควบคู่กันไป

...

แต่อย่าแตะงบลงทุนอันน้อยนิด

นายสุชาติกล่าวว่า ต้องมอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงบประมาณ ร่วมกับกระทรวงต่างๆ พิจารณาจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณรายจ่ายแต่ละกระทรวง เพื่อดูว่างบประมาณที่ยังไม่เบิกจ่ายรายการใดที่ไม่เหมาะกับสถานการณ์ โดยเฉพาะงบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ การจัดนิทรรศการ อบรมสัมมนา และการเดินทางดูงานหรือไปราชการต่างประเทศ หรือการจัดซื้อจัดจ้างที่ยังไม่มีความจำเป็น โดยไม่กระทบงบประมาณด้านการลงทุนต่างๆที่เดิมก็ถือว่ามีอยู่ไม่มากอยู่แล้ว นอกจากนี้ รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณโดยเร็วที่สุด เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนได้อย่างทันท่วงที

จี้ สธ.แก้เหลื่อมล้ำหมออนามัย

นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวว่า ขอบคุณนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ที่ผลักดันจน ครม.มีมติอนุมัติหลักการบรรจุพนักงานลูกจ้างสาธารณสุขเป็นข้าราชการ จำนวน 45,242 ตำแหน่ง เพื่อสร้างความมั่นคงแก่ระบบสาธารณสุขไทย สร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงานต่อสู้กับโรคโควิด-19 แม้จะเป็นก้าวแรก เพราะต้องนำกลับมาเสนอ ครม.อนุมัติอีกครั้ง ในวันที่ 7 เม.ย. แต่เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะบุคลากรทางการแพทย์เหล่านี้เป็นกำลังสำคัญ สิ่งที่อยากฝากถึงนายอนุทินคือ ต้องไม่ลืมปัญหาความเหลื่อมล้ำเรื่องค่าตอบแทนวิชาชีพของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหมออนามัย เพื่อให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหมออนามัย ซึ่งส่วนใหญ่ให้บริการประชาชนด้านสาธารณสุข และสิ่งแวดล้อม ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขชุมชนประจำหมู่บ้านอย่างใกล้ชิด ถือเป็นด่านหน้าในการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับชาวบ้าน

“อนุดิษฐ์” วอนทุกฝ่ายร่วมมือกัน

ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค เพื่อไทย กล่าวว่า จากเหตุวุ่นวายที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่คนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มไม่ยอมเข้า กักตัวตามมาตราป้องกันเชื้อโควิด-19 นั้น กระบวนการของรัฐบาลเองต้องปรับปรุงให้เป็นระบบ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนไทยเหล่านี้ด้วย ห้องพักที่จะใช้ กักตัวต้องให้อยู่ห้องละ 1 คนเท่านั้น เพราะขณะนี้ มีหลายโรงแรมพร้อมให้รัฐบาลใช้เป็นพื้นที่กักตัวมีหลายหมื่นห้อง รัฐบาลต้องไปจัดสรรอย่างเป็นระบบ ไม่ให้คนเหล่านี้ไปอยู่ในสถานที่แออัด ส่วนผู้ที่จะเดินทาง กลับไทยก็ต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบและข้อกำหนด เมื่อกลับถึงไทยรัฐบาลจะได้ส่งเจ้าหน้าที่พร้อมรถขนส่ง รับตัวส่งไปยังสถานที่กักตัว ทำแบบนี้จะได้ไม่เกิด ความวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมา วันนี้ทุกคนต้องร่วมมือกัน ให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปให้ได้

คนไทยทุกคนต้องได้ตรวจฟรี

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เท่าที่ติดตามหลังการประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ถือว่าได้ผลน้อยมาก เพราะพบว่าการแพร่ระบาดของ เชื้อโควิด-19 เกิดขึ้นภายในบ้านแล้ว การห้ามออกจากบ้านจึงไม่เกิดประโยชน์อะไร ที่น่าตำหนิคือการ ประกาศเคอร์ฟิวโดยขาดข้อมูลสนับสนุน ยิ่งส่งผล ให้คนทำงานต้องรีบกลับบ้านแย่งกันขึ้นรถสาธารณะ เกิดการรวมตัวกันของคนหมู่มาก เห็นชัดว่ารัฐบาลก้าวตามปัญหามาตลอด หลายมาตรการไม่เกิดประโยชน์ อะไร ไม่สามารถหยุดการแพร่ระบาดได้ หากอยากหยุดจริง รัฐบาลต้องลดเงื่อนไขให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ เข้ารับการตรวจโดยค่าตรวจต้องเป็นศูนย์ เพื่อให้สามารถคัดแยกผู้ติดเชื้อ ออกจากประชาชนทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ปัญหา เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ขาดแคลน พบว่ามีคนกลุ่มหนึ่ง หาผลประโยชน์จากสถานการณ์ นายกฯต้องดำเนินการ อย่างจริงจังกับคนเช่นนี้

กระทุ้งรัฐบาลรีบทำงานเชิงรุก

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส่วนตัวสนับสนุนการประกาศเคอร์ฟิว แม้จะไม่ได้ผลเท่าที่ควรแต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่อยากให้รัฐบาลเริ่มตรวจหาเชื้อในประชาชนกลุ่ม เสี่ยงทั้งหมด จะมีจำนวนเท่าไหร่ก็ต้องตรวจ ที่ผ่านมา การประกาศของรัฐบาลมีแต่ผู้ติดเชื้อ แต่ไม่เห็นตัวเลข ของผู้ที่ได้รับการตรวจเลย เท่าที่ทราบมีประชาชนไปตรวจหาเชื้อเพียงแค่ 50,000 รายเท่านั้น ถือว่าน้อยมากหากเทียบกับจำนวนประชากร รัฐบาลจะทำ อะไรต้องรีบทำ จะเกลี่ยงบประมาณ หรือจะกู้เงิน ฝ่ายค้านให้ความร่วมมือเต็มที่ อยากให้ทำงานเชิงรุก รัฐบาลอย่ากังวลแต่เรื่องตัวเลขผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ยิ่งตรวจมากแล้วพบมีผู้ติดเชื้อมากประชาชนจะยิ่ง ระวังตัวมากขึ้น อย่ามัวแต่ทำงานแบบตั้งรับอย่างที่ทำกันอยู่

“วัฒนา” ฉะมาตรการมั่วขัด รธน.

วันเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “น้องเฟ” หรือน.ส.วีรดา เมืองสุข ลูกสาวของตนจะเดินทางกลับประเทศไทย จองตั๋วเดินทางสายการบินโคเรียนแอร์ไลน์ ได้รับใบรับรองแพทย์ว่าพร้อมบิน และได้รับหนังสือรับรองจากสถานกงสุลไทยประจำนครนิวยอร์ก ที่ออกให้ก่อนที่นายกฯจะมีคำสั่งให้ชะลอการเดินทางเข้าประเทศ ขณะที่เครื่องกำลังจะออกจากนิวยอร์กเมื่อเวลา 14.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) หรือเวลา01.00น. (วันที่ 4 เม.ย.) ตามเวลาในไทย น้องเฟถูกเจ้าหน้าที่สั่งให้ลงจากเครื่อง เพราะสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยมีคำสั่งห้ามเครื่องบินบินเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 4-6 เม.ย. และไม่ใช่มีน้องเฟคนเดียว ยังมีนักเรียนไทยอีกหลายคนที่โดนแบบเดียวกัน นี่เป็นอีกตัวอย่างของการบริหารและการออกคำสั่งโง่ๆของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคำสั่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ทุกประเทศมีแต่หาทางรับคนของตัวเอง แต่ พล.อ.ประยุทธ์คิดกลับทางคือไม่ให้คนไทยกลับบ้าน โดยไม่ได้คิดว่าคนไทยจะอยู่อย่างไร

เป็นบทเรียนรัฐบาลไร้ปัญญา

นายวัฒนาระบุอีกว่า การออกคำสั่งให้นำคนที่เดินทางเข้าประเทศไปกักตัว แต่ไม่ได้แจ้งเงื่อนไขให้ผู้เดินทางทราบ ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าทำให้ผู้เดินทางไม่ยอม สุดท้ายต้องปล่อยให้เข้าประเทศโดยให้ไปกักตัวเอง แล้วโทษกระทรวงการต่างประเทศว่าฝ่าฝืนคำสั่ง ทั้งที่เอกสารจากสถานทูตออกให้ก่อนจะมีคำสั่งทั้งสิ้น พอเกิดปัญหาจากความห่วยของรัฐบาล ก็สั่งให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยออกคำสั่งห้ามเครื่องบินบินเข้าประเทศไทยโดยไม่มีมาตรการรองรับ ที่สำคัญคือคนที่ออกเดินทางแล้วแต่ต้องต่อเที่ยวบินทำให้ติดอยู่กลางทาง คนเหล่านั้นจะอยู่อย่างไร ขณะนี้มีเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ที่ติดอยู่ต่างประเทศรอการกลับไทยจำนวนมาก มีปัญหาทั้งวีซ่าที่จะหมดอายุ หรือความจำเป็นในเรื่องที่อยู่และค่าใช้จ่าย พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยคิดเรื่องเหล่านี้ เชื่อว่าคนไทยจำนวนมากคงได้รับบทเรียนจากความไร้ปัญญาของรัฐบาล ปัญหาการระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงล้วนเกิดจากความผิดของรัฐบาลทั้งสิ้น เริ่มจากสนามมวยลุมพินี ตามด้วยการออกคำสั่งปิดโน่นนี่ ทำให้คนหนีตายกลับต่างจังหวัด แทนที่จะโทษความโง่ของตัวเอง กลับมาโทษและข่มขู่ประชาชน

“องอาจ” แนะรับมือเคอร์ฟิว 24 ชม.

ขณะที่นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่ทางรัฐบาลระบุว่าหากตัวเลขผู้ป่วยยังเพิ่ม อาจต้องประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงนั้น เชื่อว่ารัฐบาลต้องประเมินสถานการณ์ข้อมูลและผลกระทบอย่างรอบด้าน กรณีที่สถานการณ์พัฒนาไปถึงขั้นที่ต้องประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงจริง รัฐบาลควรมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า เพื่อรองรับประกาศคำสั่งที่จะออกมาดังนี้ 1.สร้างความรับรู้เข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง ให้ประชาชนตระหนักรู้ถึงมาตรการที่จะออกมาและพร้อมปฏิบัติตาม 2.เตรียมการรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนโดยทั่วไปให้น้อยที่สุด 3.ช่วยเหลือดูแลประชาชนระดับฐานราก ให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตามสมควร วิธีการที่รัฐบาลควรดำเนินการคือร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นทั่วประเทศออกสำรวจว่ามีคนเข้าข่ายที่ต้องเข้าไปดูแลตรงไหนบ้าง เชื่อมั่นว่าถ้ารัฐบาลเตรียมความพร้อมล่วงหน้า จะทำให้ทุกภาคส่วนของสังคมสามารถอยู่ร่วมกัน และพร้อมจะปฏิบัติตามประกาศคำสั่งรัฐบาลได้เป็นอย่างดี

“สมชัย” สอนคุณสมบัติภาวะผู้นำ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ภาวะผู้นำที่เด็ดขาด รอบคอบ และสุภาพชน” สิ่งที่รัฐบาลต้องมีท่าทีต่อคนไทยซึ่งหลุดการกักตัวที่สุวรรณภูมิเมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา คือ 1.แจ้งเบอร์สายด่วนให้คนเหล่านั้นติดต่อรายงานตัวภายใน 24 ชั่วโมง มีเจ้าหน้าที่พร้อมรับ case บันทึกข้อมูลทันที 2.ประกาศขอความร่วมมือในการกักกันตามสถานที่ที่ราชการกำหนด โดยแสดงภาพให้เห็นว่าสถานที่กักกันมีความสะดวกพอประมาณ มีอาหารพร้อม มีระบบดูแลรักษาที่ดี มีการแยกห้องพักเดี่ยว และมีเสรีภาพในการสื่อสารกับภายนอก 3.นัดหมายเพื่อเข้าไปรับตัวภายใน 24 ชั่วโมง โดยชุดที่รับตัวต้องมีการป้องกันตนเอง และใช้ท่าทีที่สุภาพเห็นใจกัน 4.ให้การชมเชยแก่ครอบครัวที่ให้ความร่วมมือกับรัฐ 5.กรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือ ให้แจ้งว่าทางรัฐจำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดขอให้ ประชาชนทั้งประเทศเข้าใจ

“ธนกร” เหน็บฝ่ายค้านมือไม่พาย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขอประชาชนเชื่อมั่นนายกฯจะพาเราผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปได้อย่างแน่นอน ส่วนคำแนะนำของบรรดาพรรคฝ่ายค้าน หลายอย่างรัฐบาลได้ดำเนินการแล้ว ขอให้หยุดวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่สร้างสรรค์ เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรเป็นการบั่นทอนคนทำงานมากกว่า ออกมาพูดได้ทุกวันแต่ไม่ลงมือทำอะไร เข้าทำนองมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ เหมือนกลัวโลกลืม ต้องออกมาพูดผ่านสื่อทุกวัน เชื่อว่าประชาชนมองออกว่าใครดีแต่พูด ขอหยุดตำหนิติเตียนกระแหนะกระแหนนายกฯได้แล้ว

“การุณ”สวนกลับอย่ามาตีกินกัน

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษก พปชร.ว่า เป็นการพูดแบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ที่ผ่านมาแกนนำพรรคฝ่ายค้านให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาวิกฤติโควิด-19 มาตลอด เพราะเป็นห่วงประชาชน เป็นการให้ความเห็นจากประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล และเสริมสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน คำแนะนำจากพรรคฝ่ายค้านที่รัฐบาลนำไปดำเนินการ ล้วนแต่สัมฤทธิผล และเราพร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลในการต่อสู้กับโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยมากที่สุด คำสัมภาษณ์ของนายธนกรถือว่าน่ารังเกียจมัวแต่เล่นการเมือง หากใช้สมองคิดจะทราบว่าวันนี้ไม่มีใครเล่นการเมืองทั้งสิ้น ตัวนายธนกรเองควรหยุดตีกินทางการเมืองได้แล้ว