ยาแรงโดสแรกยังเอาไม่อยู่

ก็ถึงคราวอัดยาแรงโดสใหม่ ในแอ็กชันล่าสุดที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกกฎเหล็กประกาศเคอร์ฟิว สั่งห้ามทุกคนออกจากบ้านในช่วงเวลา 22.00-04.00 น.

มีผลบังคับใช้ทั่วราชอาณาจักร เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.เป็นต้นไป

ทหารเตรียมพร้อมตั้งด่านตรวจตราพวกแตกแถวฝ่าฝืนข้อห้าม ขณะที่ระบบขนส่งสาธารณะ รถเมล์ รถไฟฟ้า ต่างขานรับแจ้งปรับเวลาการให้บริการ

รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวสู้โควิด มาตรการความเข้มข้นถูกยกระดับขึ้นมาอีกขั้น ควบคุมประชาชนไม่ให้เดินทางออกจากบ้านโดยไม่จำเป็น

โดยเฉพาะเหล่าวัยโจ๋ยังห้าวออกมามั่วสุมชุมนุมกันในยามวิกาล จิตสำนึกบกพร่อง ไม่รู้ร้อนรู้หนาวในช่วงที่ประเทศต้องการความร่วมมือร่วมใจ

ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องบีบบังคับกันมากขึ้น เพราะการขอความร่วมมือยังปราศจากความร่วมแรงร่วมใจเท่าที่ควร

ในภาวะที่ประชาชนเองก็ไม่ได้แตกตื่นอะไรมากมาย เนื่องจากสภาพปัจจุบันที่ประชาชนถูกจำกัดสิทธิ ไม่ได้รับความสะดวกสบาย สถานบันเทิง ผับบาร์ถูกปิด บางจังหวัดชิงออกประกาศเคอร์ฟิวล่วงหน้า ร้านสะดวกซื้อบางพื้นที่ต้องเปิด-ปิดเป็นเวลาไปก่อนแล้ว

ทุกคนรู้ชะตากรรม ทำใจไว้แล้วกับการอัปเลเวลความเข้มข้นที่ค่อยๆปรับอารมณ์ให้ผู้คนรับสภาพได้ และหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน อาจไปถึงจุดต้องล็อกดาวน์ทุกตารางนิ้ว

ตามรูปการณ์ที่จำนวนผู้ติดเชื้อยังขึ้นๆลงๆ ภาพรวมแม้จะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่น่าพอใจ ผู้ติดเชื้อเฉลี่ยยังมีจำนวนเกิน 100 คนต่อวัน

ยังไม่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้คงที่ เหลือไม่เกิน 100 คนต่อวันตามที่หวังไว้ได้ และตัวเลขผู้ติดเชื้อแพร่กระจายไปจังหวัดต่างๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

...

ยาแรงโดสใหม่ต้องรอการประเมินผล จะหยุดการแพร่กระจายไวรัสมฤตยูได้หรือไม่

แต่สิ่งที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับยาแรงคือ วาระด่วนเรื่องการเยียวยาเศรษฐกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเชื้อโควิด–19 หลังจากมาตรการ 2 เฟสแรกที่ออกไปไม่เพียงพอต่อความต้องการ

อย่างที่เห็นกันอยู่ยอดการลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาท 3 เดือน ทะลุไปถึง 23 ล้านคน จากที่ประเมินเบื้องต้นจะมีผู้เดือดร้อน 3 ล้านคน

“บิ๊กตู่” ต้องเปิดฟลอร์ ครม.นัดพิเศษ อัดมาตรการเยียวยาเฟส 3 จ่ายยาชุดกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม มีการออก พ.ร.ก.กู้เงิน ประมาณร้อยละ 10 ของจีดีพี ดูแลกลไกเศรษฐกิจทั้งระบบ

รัฐบาลหาเงินมือเป็นระวิง ระดมเงินทุกทางมาสู้สงครามเชื้อโรค อาทิ การกู้เงิน การเกลี่ยงบประมาณกระทรวงต่างๆ 10% จัดแพ็กเกจช่วยเหลือครอบคลุมทั้งคนตกงาน ผู้ประกอบการ ภาคบริการ การท่องเที่ยว อุตสาหกรรม เกษตรกร

ตั้งเป้าต่อลมหายใจหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทยในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง ผู้ประกอบการ สามารถคงสถานะการจ้างงานไว้ได้

ไม่ปล่อยให้นายจ้างและลูกจ้างดิ้นรนหนีตายตามยถากรรม

บริหารอารมณ์ประชาชนให้อยู่ในความสงบ ไม่เดือดดาลในยามเกิดวิกฤติปากท้อง

ขณะที่สถาบันการเงินหลายแห่งต่างพร้อมใจพักหนี้-ลดดอกเบี้ยช่วยลูกหนี้ ทุกฝ่ายช่วยกันบรรเทาไม่ซ้ำเติมความเดือดร้อนคนไทยในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน

แม้กระทั่งฝ่ายค้านเองก็ปรับท่าทีหันมาสนับสนุนรัฐบาล ขอร่วมฝ่าฟันมหันตภัยร้ายแรงไปด้วยกัน อย่างที่ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน ออกแถลงการณ์พร้อมร่วมมือทั้งด้านการจัดสรรงบประมาณ การออกกฎหมายเร่งด่วน การเสนอแนวทางแก้ปัญหาในทางสร้างสรรค์

เรียกร้องให้ประชาชนร่วมมือกับรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ไม่มีลูกเกรี้ยวกราดชิงซีนการเมือง

ทุกฝ่ายเปิดทางให้ “ลุงตู่” มีสมาธิ ลุยกู้วิกฤติเต็มที่ ไม่ต้องคอยพะวงลูกตามน้ำฉวยจังหวะโจมตีทางการเมือง

ภายใต้บทบาทแม่ทัพใหญ่ ในฐานะ ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่รวบอำนาจทุกกระทรวงมาอยู่ในมือ กุมความเบ็ดเสร็จในห้วงสถานการณ์พิเศษ ไม่มีใครคอยขัดขา

ถึงเวลาไฟต์เดิมพันวัดฝีมือ พิสูจน์ภาวะผู้นำของจริง

หากปิดจ๊อบพิชิตเชื้อมฤตยูไม่สำเร็จ อารมณ์เดือดชาวบ้าน จะรุนแรงกว่าไวรัสมรณะแน่นอน!!!.

ทีมข่าวการเมือง