ไม่หยุดก็ต้องไปต่อ
หลังจากรัฐบาลได้ออก พ.ร.ก. ฉุกเฉินภายใต้การขับเคลื่อนของ ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็น ผอ.ใหญ่ มีอำนาจควบคุมอย่างเบ็ดเสร็จ
หวังว่าการออกมาตรการภายใต้องค์กรนี้จะทำให้การป้องกันและควบคุมไวรัสโควิด-19 ให้การระบาดลดน้อยลง
แต่ปรากฏว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ และยังไม่มีแนวโน้มที่จะบ่งชี้ว่าจะลดลงแต่อย่างใด
ด้วยการนำมาตราเข้มข้นขึ้นแต่ยังไม่เข้มข้นสูงสุด เพราะยังผ่อนปรนเพื่อไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาก
อีกทั้งยังให้ชาวต่างชาติและคนไทยเข้าประเทศได้
เพื่อหวังว่าจะเปิดรูหายใจให้บ้างก็เลยเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการแพร่เชื้อหนักเข้าไปอีก ที่สำคัญก็คือคนไทยด้วยกันเองยังไม่ปฏิบัติมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
ยังมีการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยเฉพาะการเดินทางไปต่างจังหวัดข้ามพื้นที่แล้วยังมีกลุ่มคนบางกลุ่มบางพวกไม่สนใจสถานการณ์ กระทำตัวรวมกลุ่มรวมพวกนัดสังสรรค์เฮฮากันโดยไม่อีนังขังขอบแม้แต่น้อย
เท่ากับว่ายังไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในกรอบที่ควรจะเป็นอย่างที่คาดหวังว่าหากทำได้ก็สามารถลดจำนวนลงได้
ยิ่งเงื่อนไขเวลา ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญจากสถิติการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆนั้น หากตัวเลขผู้ติดเชื้อในระดับหนึ่งโอกาสที่จะมีตัวเลขที่จะออกมามีแนวโน้มไปในทิศทางไหน
อย่างตัวเลขการติดเชื้อในเมืองไทยแม้จะยังไม่ถึงยอด 2,000 คน แต่มันจะชี้ให้เห็นว่าได้เข้าสู่จุดที่จะแพร่ระบาดมากขึ้นไปเรื่อยๆ ถึงขั้นระบุจะมีจำนวนเป็นแสนคนและจะทำให้ผู้เสียชีวิตสูงขึ้นอย่างที่ปรากฏมาแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นอิตาลี สเปน สหรัฐอเมริกา หรืออีกหลายๆ ประเทศ
พูดง่ายๆว่าเอาไม่อยู่อย่างนั้นก็ได้
หากปล่อยไปอย่างนี้ก็อย่างที่มีพูดกันว่าภายในเมษายนนี้แหละคือ “เดือนอันตราย” ที่จะต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งมิฉะนั้นจะลุกลามไปกันใหญ่
ไม่ต่างไปจากหลายประเทศที่กำลังเผชิญอยู่ด้วยความยากลำบาก
“สหรัฐฯ” เป็นตัวอย่างที่ปรากฏ เพราะมีผู้ติดเชื้อนับแสนคนด้วยอัตราเร่ง แม้แต่ “ทรัมป์” เองยังบอกประชาชนของเขาให้เตรียมใจเอาไว้ว่าอาจจะมีผู้เสียชีวิตเป็นแสนคนถึงสองแสนคน
ก็แน่ล่ะ...รัฐบาลไทยจะปล่อยให้เป็นไปอย่างนั้นไม่ได้แน่จะทำให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ให้อภัยกันไม่ได้
ทางหนึ่งได้ประกาศห้ามบุคคลจากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติหรือคนไทยที่อยู่นอกประเทศห้ามเดินทางเข้าประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ไม่ว่าจะเป็นทางอากาศ ทางบก ทางน้ำ และทางพื้นดินถึงวันที่ 15 เมษายน
ตามมาด้วยการประกาศ “เคอร์ฟิว” ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
รายละเอียดต่างๆ คนไทยทุกคนมีความจำเป็นที่จะต้องรับรู้จากข่าวสารและคำสั่งของรัฐบาลที่เผยแพร่ออกมาและต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ที่สำคัญก็คือจะต้องเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เป็นจริง ซึ่งมิอาจหลีกเลี่ยงได้ด้วยความอดทน เสียสละเพื่อความอยู่รอดของประเทศเรา
ขนาด “ทำเนียบ” ศูนย์กลางสำคัญของประเทศก็ยังไม่รอด?