โควิด-19 เป็นภัยพิบัติร้ายแรงแค่ไหน นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ แถลงว่าโควิด-19 เป็นภัยคุกคามต่อคนทั้งโลก กระทบทั้งต่อสันติภาพและเศรษฐกิจโลกในระดับที่ไม่มีเหตุการณ์ใดในหลายทศวรรษที่ผ่านมาเทียบได้ และอาจเกิดความวุ่นวายในประเทศต่างๆ เป็นวิกฤติที่ท้าทายที่สุด นับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ขณะที่เลขาธิการสหประชาชาติ กำลังพูดอยู่ ตัวเลขของผู้ติดเชื้อไวรัสพุ่งขึ้นเป็น 873,541 คน กำลังจะถึงล้านอยู่รอมร่อ มีผู้เสียชีวิต 43,254 คน สหรัฐอเมริกาเป็นแชมป์โลก มีผู้ติดเชื้อ 216,691 คน เสียชีวิต 4,751 ราย แซงหน้าจีน ซึ่งเป็นต้นตอของโรคเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ
เมื่อเกิดการแพร่ระบาดใหม่ๆ ที่เมืองอู่ฮั่นของจีน กำลังลามมายังบางประเทศในเอเชีย หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงแอฟริกา เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ด้อยพัฒนา ทั้งทางเทคโนโลยี การแพทย์และเศรษฐกิจ แต่กลับเป็นยุโรปกับอเมริกาที่หนักหนาสาหัสที่สุดในโลก เสียชีวิตนับหมื่นๆ วันเดียวเกือบพันศพ
ทั้งๆที่ประเทศเหล่านั้น ต่างเป็นอุตสาหกรรมที่มั่งคั่งร่ำรวย และก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการแพทย์ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา อภิมหาอำนาจของโลก แต่ถูกโควิด-19 ถล่มงอมพระรามกว่าประเทศไหนๆ ยกเว้นอิตาลีที่มีคนตายมากกว่า แต่ในขณะเดียวกัน หลายประเทศในเอเชียกลับควบคุมไวรัสได้ดีกว่าโลกตะวันตก เช่น ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
หลายคนอาจจะบอกว่า เหตุที่โลกตะวันออกทำได้ดีกว่า เพราะระบอบการปกครองและวัฒนธรรม ชัดเจนที่สุดคือจีนซึ่งเป็นต้นตอของโควิดเป็นคอมมิวนิสต์เต็มตัว ประชาชนคุ้นเคยกับการเชื่อฟังคำสั่ง ส่วนโลกตะวันตกเป็นโลกเสรี ไม่ชอบรับคำสั่งจากรัฐ แต่หลายประเทศในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้หรือญี่ปุ่น ก็เป็นประชาธิปไตย แต่เป็นคนมีระเบียบวินัย
...
มีรายงานข่าวจากสหรัฐฯ อ้างแหล่งข่าวฝ่ายข่าวกรอง อเมริกันกล่าวหาว่าจีนปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโควิด-19 ของตน ไม่บอกความจริงที่แท้ว่าติดเชื้อกี่คน และเสียชีวิตกี่คน ข่าวที่ออกมาอ้างว่าจีนควบคุมโควิดได้ แต่นายแพทย์ไทยบางคนเชื่อว่า โลกตะวันตกโดยเฉพาะอิตาลีได้รับโควิดพันธุ์ที่แพร่เร็ว และมีความรุนแรงกว่า
คุณหมอท่านนี้เตือนว่า ไวรัสที่ แพร่ระบาดที่สนามมวยน่าจะเป็นพันธุ์ดุจากอิตาลี เพราะแพร่รวดเร็วแพร่หลาย แต่เรื่องนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และถ้าเป็นจริงก็ทำให้น่าสงสัยว่าไวรัสที่มีต้นตอจากจีน พอไปถึงโลกตะวันตกจะกลายพันธุ์หรืออย่างไร แบบเดียวกับประชาธิปไตยที่ไทยลอกแบบยุโรปมา มักกลายเป็นเผด็จการครึ่งใบ.