อัดยาเข้มข้นขึ้นตามลำดับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือ ศบค. รับฟังการประเมินจากที่ประชุม ศบค.

ก่อนออกประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกจากเคหสถาน ช่วง 22.00–04.00 น. เริ่มตั้งแต่ 3 เม.ย.

ในภาวะที่ประเมินรอบด้าน โดยเฉพาะจากตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละเกิน 100 ราย ผู้คนบางส่วนยังไม่ตระหนักถึงสูตรที่เรียกร้อง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”

ผู้นำจึงต้องสั่งยกระดับ “ล็อกเมือง” ยามราตรี เคอร์ฟิวกันทั่วประเทศ

และแน่นอน มาตรการที่ปรับดีกรีเข้มข้นทีละขั้น หากยังไม่พอ โดยเฉพาะที่หลายคนมองว่า

ใช้เวลาปรับตัวนานคือหน่วยงานราชการ แม้จะมีแนวทางเวิร์กฟรอมโฮม ทำงานจากที่บ้านบ้างแล้ว

แต่ก็ยังเป็นกลุ่มคนหลักที่ยังมีการเดินทางสัญจร

แม้แต่บรรดาเจ้าหน้าที่ประจำ ศบค. ศูนย์กลางอำนาจการบริหารประเทศ เริ่มมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยงานเสี่ยงติดเชื้อ จนต้องจำกัดจำนวน ห้ามประเภทต้องเดินทางโดยขนส่งสาธารณะเข้าศูนย์

เชื้อคืบคลานใกล้ตัวท่านผู้นำเข้าไปทุกที เป็นสัญญาณอันตรายถ้าหากไม่เข้มอย่างเป็นทางการ ปล่อยให้ “มนุษย์” ยังสัญจร นั่นก็เท่ากับการเป็น “พาหะ” มีตัวกลางพาเชื้อร้ายแพร่ไปทุกที่ทุกทาง

และแนวโน้ม ถ้ากราฟตัวเลขผู้ติดเชื้อทะยานพุ่งไม่หยุด ก็มีโอกาสจะยกระดับยาแรง

“ล็อกดาวน์ประเทศ” ของจริง เคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง

อีกทางที่ต้องเร่ง มาตรการเยียวยาจากรัฐบาลช่วยเหลือประชาชน ตั้งแต่ขยายกรอบอัดฉีดเยียวยา 5 พันบาท ให้ผู้มีสิทธิเพิ่มเป็น 9 ล้านราย ประกันสังคมปลดล็อก เพิ่มการช่วยเหลือผู้ว่างงาน รัฐยืดเวลาชำระภาษี สถาบันการเงินรัฐ-เอกชนจัดวงเงินดอกเบี้ยต่ำซอฟต์โลนไว้รองรับ กระทั่งโรงตึ๊ง ยืดเวลาตั๋วจำนำ ลดภาระเงินต้น-ดอกเบี้ย ฯลฯ

...

ขณะที่หน่วยงานต่างๆเริ่มขยับ คืนเงินประกันการใช้ไฟ-ใช้น้ำ ลดค่าไฟฟ้า หั่นต๋งกองทุนลดค่าน้ำมัน หรือที่ กสทช.-บอร์ดดีอีเห็นชอบมาตรการอัดฉีดเพิ่มอินเตอร์เน็ตมือถือ-อินเตอร์เน็ตบ้านรองรับนโยบาย ทำงานที่บ้าน-เรียนออนไลน์ เกลี่ยงบฯ บวกเงินกองทุน กทปส.1 พันล้านบาท หนุนโครงการของโรงพยาบาล สถานพยาบาลรัฐบู๊โควิด-19

ทุกฝ่ายร่วมกันอุ้มชาวบ้าน บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน

แต่ก็มีอีกบางส่วนจ้องเอาเปรียบ แสวงประโยชน์ อาทิ รถขนส่งสาธารณะเอกชนได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันเต็มๆ แม้ผู้ใช้บริการลดลง แต่ตอนน้ำมันแพงก็วิ่งร้องขอ “ปรับขึ้น” ตอนนี้สะกดคำว่า “ลด” ไม่เป็น

ถึงเวลาท่องคำว่า “เพื่อส่วนรวม” กันบ้าง

หรือประเภทแอปพลิเคชัน แพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้า บริการส่งอาหาร ช่วงเปิดตัวจัดสารพัดโปรโมชันเรียกลูกค้า พอช่วง “ขาขึ้น” ผู้คนใช้บริการเพิ่ม ฉวยโอกาสปรับราคาเรียกเก็บค่าใช้บริการหั่นโปรฯเรียบ

เชื้อร้ายมาพร้อมเชื้อโรค ผอ.ศบค.ต้อง “ลงดาบ”

ในยามที่ทุกฝ่ายร่วมมือร่วมใจ แม้แต่ภาคการเมืองขั้วฝ่ายค้านก็ยื่นไมตรี หนุนรัฐบาลแก้ปัญหา “วาระร่วม” ในภาวะที่ “ผู้นำ” ใช้อำนาจเต็มตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมปะทะไวรัสวายร้าย

“ม้ากลางศึก” อย่าง “บิ๊กตู่” ห้อตะบึงไปข้างหน้า ฝ่ายใดเกียร์ว่างไม่ขยับตาม ต้องจูนเครื่องแรงๆให้เข้าจังหวะ หรือประเภทขวางทางต้องหลบไป

เช่นที่ใช้บริการปลัดกระทรวงต่างๆเข้ามาคุมกลุ่มงานในศบค. ลดบทบาทประเภทโฉ่งฉ่างเกิน ดราม่าทุกบททุกซีน และจำพวกตั้งจนเป็น “รัฐอิสระ”

ฝ่ายการเมืองที่ไม่เข้าแถวถูกเขี่ยลงเวทีเรียบ

เป็นช่วงเวลาแห่งการขับเคลื่อนทัพรับศึกเชื้อโรค แน่นอนคิวนี้ช่วยลดกระแสข่าว “ไวรัส” กับเหตุเปลี่ยนด่วน–ปรับฉุกเฉิน

ในรูปรอยที่การจัดทัพ ตรวจแถวจนเริ่มเข้าที่เข้าทาง หลังการ “ควบแน่นอำนาจ” กับการเผชิญวิกฤติมหันตภัยโรคระบาด มหาสงครามไวรัส

หากปรับเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นชื่อใดเข้ามาถือธงนำ ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย

ถึงวันนี้ยังไงประเทศไทยก็ต้องใช้ “ม้าศึก” พึ่งพา “ประยุทธ์”.

ทีมข่าวการเมือง