นายกฯ รับมอบชุดตรวจ โควิด-19 จำนวน 20,000 ชุดแรก โดย อว.-บริษัทไทย เพื่อประเทศไทย ซึ่งราคาต่อชุดถูกกว่านำเข้าจากต่างประเทศ และจะส่งชุดตรวจเพิ่มเติมให้ครบ 100,000 ชุด ภายในเดือนนี้
วันที่ 2 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมด้วยท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตัวแทนจาก บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ และมหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อมอบชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR จำนวน 20,000 ชุดแรก ซึ่งผลิตได้เองในประเทศไทยโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ให้รัฐบาลไทยเพื่อนำไปใช้ขยายกำลังการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ได้รวดเร็วและทั่วถึงทั่วประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ในการคัดแยกผู้ป่วยและกักกันผู้ป่วยเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 65 ล้านบาท เพื่อ Matching กับเงินลงทุนจำนวน 65 ล้านบาทของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ รวมเป็นเงิน 130 ล้านบาท เพื่อผลิตชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 สัปดาห์ละ 20,000 ชุด จนสิ้นเดือนเมษายนจะมีชุดตรวจที่สามารถนำไปใช้ได้ 100,000 ชุด และภายใน 6 เดือนจะสามารถผลิตชุดตรวจได้ถึง 1,000,000 ชุด
...
ข้อดีของชุดตรวจที่ผลิตในประเทศไทย ของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ คือ ช่วยลดต้นทุนของชุดตรวจโควิด-19 จากเดิมที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด มีราคา 4,500 - 10,000 บาท ให้เหลือเพียงราคาไม่เกิน 1,500 บาท เป็นการสร้างความสามารถและความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศไทย ไม่ต้องพึ่งพาต่างประเทศ ในภาวะที่ชุดตรวจโควิด-19 มีความต้องการสูงและอาจเกิดการขาดแคลนได้ ทั้งนี้ การตรวจคัดกรองโรคให้ได้จำนวนมากที่สุด นับเป็นแนวทางในการปฏิบัติที่ดีของประเทศที่มีอัตราการระบาดของโรคโควิด-19 ต่ำ เนื่องจากจะทำให้สามารถแยกผู้ป่วยให้ไม่แพร่เชื้อต่อ และช่วยให้สามารถรักษาผู้ป่วยได้ทันท่วงที

นอกจากนั้น เทคโนโลยีในการผลิตชุดตรวจนี้ ถือเป็นองค์ความรู้สำคัญด้านการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และการสาธารณสุขของประเทศไทยในอนาคต นับเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องวิกฤติโรคโควิด-19 พร้อมๆ ไปกับการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในอนาคต นับเป็นการสร้างโอกาสในภาวะวิกฤติได้อย่างแท้จริง