ผบ.ทบ. เข้มมาตรการปิดค่าย 3 ทุ่มต่อเนื่อง เดินหน้าทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะและพื้นที่หน่วยทหาร ช่วยลดเชื้อโควิด-19 มอบแม่ทัพ 4 คุมเข้มหวั่นเชื้อขยายวงกว้าง หลังภูเก็ตมีคนติดเชื้อเพิ่ม
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2563 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บังคับหน่วยทั่วประเทศ โดยมีการรายงานผลภาพรวมปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนลดเชื้อโรคป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในพื้นที่ กทม. และจังหวัดต่างๆ ซึ่งหน่วยทหารของกองทัพบกได้เข้าดำเนินการตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง พื้นที่สาธารณะที่มีประชาชนไปใช้บริการหนาแน่น รวมถึงสถานที่ตามการร้องขอ
ทั้งนี้ ในพื้นที่ กทม. ดำเนินการได้ถึง 2,331,616 ตารางเมตร สามารถลดการสะสมของเชื้อโรคและทำพื้นที่ให้ปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง ขณะนี้ประชาชนมีความมั่นใจและเห็นถึงความสำคัญของการรักษาความสะอาดพื้นที่ของตน ประกอบกับภาคส่วนต่างๆ มีขีดความสามารถในการชำระล้างฆ่าเชื้อ จากนี้ไป กองทัพบกจะได้นำชุดปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนกลับเข้าไปดำเนินการ ณ พื้นที่ภายในค่ายและชุมชนทหาร ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด หากหน่วยงานใดจะขอรับการสนับสนุนปฏิบัติการล้างสิ่งปนเปื้อนก็สามารถติดต่อผ่านหน่วยทหารในแต่ละพื้นที่ได้เช่นกัน
...
รองโฆษก ทบ.กล่าวว่า ผู้บัญชาการทหารบกกำชับให้หน่วยทหารเน้นมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมและลดการสัมผัสเชื้อโรคในทุกกิจกรรม และให้คำแนะนำกับผู้บังคับหน่วย ให้ศึกษาถึงผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ พฤติกรรมการดำรงชีวิตและการอยู่ร่วมกันของสังคม พร้อมให้เตรียมการรองรับ โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับการบริหารจัดการหน่วย การเสียสละเพื่อประชาชน ให้ใช้ช่วงเวลาจากนี้ไปในการพัฒนา ปรับปรุง กระบวนการบริหารจัดการทั้งปวงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ให้พร้อมที่จะยังคงเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส
ขณะที่มาตรการให้กำลังพลกลับที่พักอาศัยก่อนเวลา 21.00 น. สนับสนุนนโยบาย “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” นั้น ผู้บัญชาการทหารบก กำชับให้ดำรงความเข้มงวดและให้เพิ่มเติมการจัดตั้งจุดตรวจการผ่านเข้า-ออกในที่พักอาศัยของทางราชการห้วงเวลา 20.00-22.00 น. พร้อมจัดชุดสายตรวจกำกับดูแลให้เป็นไปตามแนวทางข้างต้น และจัดทำคู่มือคำแนะนำสำหรับหน่วยทหาร เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการซักถามและการสอบสวนโรคที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้สามารถรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องให้กับทีมแพทย์ได้อย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังมีความห่วงใยในบางพื้นที่ที่มีจำนวนของผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ล่าสุดที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้มอบให้แม่ทัพภาคที่ 4 ประสานการสนับสนุนกับทางจังหวัดและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยดูแลให้มาตรการป้องกันต่างๆ ของภาครัฐได้ขับเคลื่อนไปภายใต้ความร่วมมือของประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้การติดเชื้อขยายวงกว้างออกไป.
(ภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก Army Spoke Team และ ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก Army PR Center)