วันเดียวยอดพุ่ง 60 ราย ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเมืองไทย ณ วันที่ 19 มี.ค. รวม 272 ราย
ล้อตามตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 2 แสนรายไปแล้ว
“การตรวจพบเชื้อผู้ป่วยรายใหม่เป็นสิ่งที่ดีกว่าการตรวจไม่พบ”
ท่าทีของผู้นำ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เชื้อเชิญ มองมุมบวก ประเมินในแง่ดี ได้รู้ข้อมูลตัวเลขชัด ก็เท่ากับการกลั่นกรองตรวจสอบมีประสิทธิภาพ
ติดเชื้อกันเยอะ ก็เท่ากับกลไกภาครัฐทำงานกันแยะ ทำนองนั้น
แต่แน่นอน เชื่อว่าด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นวันละ 30 กว่าราย ติดๆกันมา
หลายวัน ชาวบ้านร้านตลาดก็คงปรับอารมณ์คล้อยตามกันไม่ถูก ยังระทึกใจเต้นตึกตักที่ได้ยินข่าวตัวเลขติดเชื้อไต่ระดับ
มฤตยูที่มองไม่เห็น มันใกล้เข้ามาแล้ว
อย่าว่าแต่ชาวบ้านเลย แม้แต่ศูนย์กลางบริหารบ้านเมือง คนในทำเนียบฯก็ยังผวา
มีข่าวบิ๊กเนมรัฐบาลสุ่มเสี่ยงติดเชื้อ ต้องกักตัว สนองมาตรการทำงานที่บ้าน “เวิร์ก แอท โฮมเวิร์ก ฟรอม โฮม” ขณะที่รองนายกฯ-รัฐมนตรีต้องคอยระวังตัวเอง เช็กระยะห่าง แม้แต่บรรดารัฐมนตรีด้วยกัน
ไม่พ้นผู้นำนั่งหัวโต๊ะใกล้ชิด รมต.ก็น่าจะมีอาการสะดุ้งจิตกันบ้าง
นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องทำเร่งด่วน กับการ “บิ๊กคลีนนิ่งทำเนียบฯ” ที่ไม่ได้หมายถึง “โละรัฐบาล” ตามแง่มุมเกมการเมืองที่อยากเห็นจากฝั่งฝ่ายตรงข้าม
กับข่าวลือโยนหิน “ไวรัส-รัฐประหาร” เปลี่ยนม้ากลางศึก
แน่นอนถึงจุดนี้ไวรัสวายร้ายไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหม พร้อมแพร่เชื้อไปถึง
...
ได้ทุกเมื่อ “บิ๊กตู่” ในฐานะ “แม่ทัพใหญ่” ในมหาสงครามโรคร้าย ก็ยกไพร่พลเข้าต่อกรสุดกำลัง
เริ่มเป็นมรรคผลจากการจัดระเบียบอำนาจ ถือธงนำบัญชาการศูนย์โควิด-19 ด้วยตัวเอง
ในห้วงที่เริ่มเห็นความเป็นเอกภาพ การทำงานเป็นทีม คำว่าประสานงาน บูรณาการ ไม่ใช่แค่คำพูดที่หรูๆอีกต่อไป วันนี้การจับมือของหลายหน่วยงานที่ต้องเชื่อมต่อกันเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ก็ดันมีคิวแทรก ตบหน้าดังฉาดใหญ่ เมื่อ “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ในพื้นที่บิ๊กเนมการเมือง พรรคภูมิใจไทย เหมือนจะสถาปนา “อาณาจักร” ตัวเอง ประกาศปิดเมือง เดินหน้า เป็นอิสรเสรี
คิวที่ “บิ๊กตู่” พยายามเก็บอาการไม่สบอารมณ์ อ้างโยนดาบเป็นอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัดจะพิจารณามาตรการต่างๆตาม 6 มาตรการของรัฐบาล แต่ไม่วายพูดแกมขู่
“หากผู้ว่าฯทำไม่ได้ ก็ย้ายผู้ว่าฯ จะยากตรงไหน”
ในโทนไม่แตกต่างกัน กับคิวที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ แท็กทีม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม หารือผู้ผลิตรายใหญ่ จากทั้งสภาอุตสาหกรรมฯ หอการค้าฯ บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่
ทั้งเตรียมการเยียวยา เพื่อให้อุตสาหกรรมต่างๆชะลอการปลดพนักงาน ขอความร่วมมือภาคเอกชน ในเครือข่ายใกล้ชิดอำนาจ เตรียมผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ป้องการแพร่เชื้อ
โดยรัฐพร้อมทุ่มงบฯอุดหนุน กระตุกเอกชนผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้า แจกชาวบ้าน 10 ล้านชิ้น
ทางหนึ่งก็ถือว่าเป็นกองเสริม หน่วยงานรับผิดชอบจำหน่ายจ่ายแจกหน้ากากอนามัยโดยตรง
อย่างกระทรวงพานิชย์ ของจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ รมว.พาณิชย์ ที่กำลังโดนมรสุมเสียงวิพากษ์วิจารณ์
แรงกดดันทั้งในพรรคประชาธิปัตย์และรัฐบาล
หนนี้ทีมเศรษฐกิจรัฐอิสระ ปชป. เหมือนโดน “กัปตันเศรษฐกิจเก่า” สั่งสอน ตบหน้ากันเล็กๆ
ทัพใหญ่รัฐบาลที่เริ่มเข้ารูปเข้ารอยจากที่เดินเป๋ หลัง “บิ๊กตู่” ผู้นำที่เริ่มใช้เป็น “อำนาจที่มี” การจัดทัพย่อยประจำการคุมแนวรบแต่ละด้านเริ่มลงตัว
แต่แน่นอน ทัพสู้สงครามโรคร้ายก็ยังมีช่องว่างรูโหว่ นอกจากปัญหาเรื่องการสื่อสาร การให้ข้อมูลที่ยังไม่รวมเป็นศูนย์กลาง เพิ่มความมั่นใจน่าเชื่อถือให้ประชาชน ปัญหาแรงกระเพื่อมที่ค้างคา รอยร้าวในบรรดารัฐมนตรี–ทีมเศรษฐกิจต่างค่าย ยังยากประสานเป็นเนื้อเดียว
มหาวิกฤตการณ์โรคระบาดรอบนี้ จะ “เอาอยู่” หรือไม่ หรือ ต้องแต่งทัพตบให้เข้าที่เข้าทางอย่างไร
คนเป็นผู้นำพินิจพิเคราะห์ได้ “บิ๊กตู่” ต้องคิดเอง ถึงจะชนะ.
ทีมข่าวการเมือง