“ช่อ พรรณิการ์” แนะรัฐสื่อสารช่วงวิกฤติโควิด-19 แนะ 4 ประเด็นต้องแก้ไข ต้องรวมศูนย์ให้ข้อมูลประชาชนอย่างครอบคลุมครบถ้วน ชงจับมือเอกชนร่วมพัฒนาแอปฯ ติดตามเรียลไทม์
วันที่ 19 มี.ค. 2563 นางสาวพรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงแนวทางการสื่อสารของภาครัฐและการรับสารของประชาชนในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า ในช่วงเวลาที่อยู่ในภาวะวิกฤตสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 100 ปี การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ได้มีเพียงปัญหาด้านสาธารณสุขเพียงอย่างเดียว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการจัดการด้านการสื่อสาร จึงอยากจะแสดงความคิดเห็นเล็กน้อย เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในด้านการสื่อสารจากรัฐไปถึงประชาชน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับชีวิตของประชาชนคนไทยในการรักษาตนเองให้รอดจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีอยู่ 4 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นแรก การสื่อสารในห้วงวิกฤติไม่ใช่การสื่อสารตามระบบราชการปกติ แต่ปัจจุบันหากประชาชนจะหาข้อมูลอัปเดตที่เที่ยงตรงแม่นยำเรื่องโควิด-19 กลับไม่มีใครนึกออกว่าควรไปดูที่ช่องทางไหน ไม่มีใครตอบได้หรือไม่มีคำตอบที่ตรงกัน นี่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่การสื่อสารของภาครัฐในช่วงนี้เป็นการสื่อสารในระบบราชการทั่วๆ ไป จะเห็นได้ว่ามีแถลงการณ์จากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความสับสนไม่รู้ว่าจะเชื่อข่าวจากทางไหน ซึ่งบางข้อมูลขัดแย้งกัน
ประเด็นที่ 2 ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลมากที่สุดอย่าง กรมควบคุมโรค ประชาชนเข้าถึงน้อยมาก ในขณะที่แถลงการณ์จากนายกรัฐมนตรีที่เป็นโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ก็ไม่ใช่ข้อมูลที่ครบถ้วนเพียงพอและยากต่อการทำความเข้าใจ ซึ่งช่องทางหลักของการสื่อสารควรรวมเป็นแหล่งเดียว ออก 2 ช่องทาง คือโทรทัศน์และออนไลน์ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศยังเข้าถึงโทรทัศน์มากที่สุด ในขณะที่ออนไลน์มีลักษณะอัปเดตรวดเร็ว ไวต่อสถานการณ์ แถลงการณ์ของกรมควบคุมโรคควรเป็นแถลงออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ และมีตัววิ่งทางโทรทัศน์ควบคู่กับการอัปเดตออนไลน์ ตัวอย่างเช่น ไต้หวัน ในแต่ละวันมีการออกมาตรการต่างๆ โดยรัฐถึง 4-5 รายการ แต่ก็ไม่ได้สร้างความสับสน เพราะมีการสื่อสารแบบรวมศูนย์โดยศูนย์บัญชาการโควิด-19 ที่เดียวอย่างเป็นระบบ
...
“เว็บไซต์ที่เป็นประโยชน์กับประชาชนกลับไม่มีใครเข้าไปดู ประชาชนไม่รู้ว่าต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ใดถึงจะได้ข้อมูลที่ครบถ้วนที่สุด ในขณะเดียวกันแถลงการณ์จากนายกรัฐมนตรีที่ส่งถึงประชาชนมากกว่า 95% หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีข้อมูลที่จำเป็นสำหรับประชาชนมากพอ แต่กลับเป็นข้อมูลที่ไปถึงประชาชนในระดับกว้างที่สุด การสื่อสารควรจะรวมศูนย์เป็นช่องทางเดียว เป็นการสื่อสารที่เป็นทางการ รวดเร็ว ฉับไว และมีข้อมูลที่ครบถ้วน”
ประเด็นที่ 3 รัฐใช้ศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์รับมือกับข่าวสารผิด บิดเบือน ข่าวปลอม ในกรณีโควิด-19 ซึ่งแน่นอนว่าการจัดการข่าวปลอมเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อป้องกันความตื่นตระหนกและการเผยแพร่ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการรับมือโรคระบาด แต่ปัญหาคือการสื่อสารที่ไปไม่ถึงประชาชน ทำให้เกิดช่องว่าง ประชาชนกระหายข้อมูลที่ฉับไวรวดเร็ว เพราะกำลังกังวลเรื่องโรคระบาด จึงไม่แปลกที่จะเกิดข้อมูลข่าวสารมากมายจากช่องทางไม่เป็นทางการ วิธีการที่ดีที่สุดในการต้านข่าวปลอมจึงเป็นการทำให้ข้อมูลข่าวสารจากรัฐไปถึงประชาชนอย่างรวดเร็วและกว้างขวางที่สุด
“นี่คือครั้งแรกที่โลกเผชิญกับภัยพิบัติโรคระบาดที่แพร่กระจายทั้งโลกในยุคโซเชียลมีเดีย ในยุคที่ผู้คนกระหายข้อมูลอย่างมาก เนื่องด้วยความกังวลว่าจะติดโรคระบาด สิ่งที่รัฐจะทำได้เพื่อยุติเฟกนิวส์ หรือทำให้เฟกนิวส์เหลือน้อยที่สุด นั่นก็คือการให้ข้อมูลที่รวดเร็วและเที่ยงตรงกับประชาชน ถ้ารัฐย่นระยะช่องว่างระหว่างความต้องการข่าวสารกับความสามารถที่รัฐจะให้ข่าวได้ ยิ่งลดได้มากเท่าไร ยิ่งเหลือพื้นที่สำหรับเฟกนิวส์น้อยเท่านั้น อย่ามัวแต่ไปไล่ฟ้องคนที่ให้ข่าว ซึ่งบางครั้งอาจไม่ใช่เฟกนิวส์ แต่อาจเป็นข่าวที่ไม่เป็นทางการเท่านั้นเอง”
ส่วนประเด็นสุดท้าย คือการใช้ open data และเปิดให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลอย่างฉับไว ทั้งข้อมูล travel log หรือบันทึกการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของผู้ติดเชื้อ และที่จัดจำหน่ายหน้ากาก เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ชุดตรวจโรค รวมถึงข้อมูลจำเป็นทั้งหมดอย่างเป็นระบบ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่เฟส 3 ที่การระบาดของโรคแพร่ไปมากแล้ว ตอนนี้มีความพยายามทั้งจากรัฐและเอกชนในการจัดทำข้อมูลเช่นนี้ แต่ปัญหาคือ ในขณะที่เอกชนทำอินเตอร์เฟซแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ได้ดีแต่ก็ขาดข้อมูลที่มากพอ ในขณะที่กระทรวงสาธารณสุขมีข้อมูลมากในฐานะรัฐ แต่ไม่มีประสบการณ์ในการจัดการข้อมูลให้ดูง่าย เข้าใจง่ายสำหรับประชาชนทั่วไป การร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชนเพื่อทำเว็บไซต์หรือแอปฯ ที่ทั้งข้อมูลครบถ้วนและเข้าใจง่าย เริ่มขึ้นแล้วแต่ยังล่าช้าไม่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม เราควรเร่งให้เกิดเว็บไซต์หรือแอปฯ รวบรวมข้อมูลที่เข้าใจง่ายและเที่ยงตรงเช่นนี้โดยเร็วที่สุด หากไทยเข้าสู่เฟส 3 จะได้สามารถรับมือสถานการณ์ และสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนได้.