ตลาดหุ้นติดเชื้อไวรัส ศุกร์ที่ 13 สยองขวัญ เปิดตลาดหลักทรัพย์ ดัชนีรูดปักหัวทิ่มหัวตำ ยังดีที่มีมาตรการจาก ก.ล.ต.มาแตะเบรก ฉุดดัชนีทรงตัวระดับต่ำพอไปได้
นั่นก็ว่ากันไปของนักลงทุน ในห้วงความเสี่ยงสูงจัด แต่ภาพรวมบ้านเมืองดัชนีความเชื่อมั่นก็ต้องปลุกเร้า
“จากสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสปอดอักเสบ หรือ COVID-19 และสถานการณ์สำคัญอื่นๆที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย เช่น ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง การว่างงาน ความเหลื่อมล้ำ”
ดังนั้นในห้วงเวลานี้เราจึงควรที่จะร่วมมือ รักสามัคคีกัน เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้
“ขอให้ประชาชนร่วมมือในการทำงานของรัฐบาลและส่วนราชการ อย่าได้ตื่นตระหนก มีสติ ระมัดระวัง รับผิดชอบรักษาสุขภาพตนเอง ผู้อื่น และสังคม รัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นว่าเราทุกคนจะฝ่าฟันวิกฤติต่างๆไปได้ด้วยดี”
สารล่าสุดจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ตัดทอนเน้นที่ผู้นำน่าจะต้องการเน้น ในสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด–19 คนไทยอยู่ในอาการขวัญผวา
เมื่อไล่สแกนดูรายละเอียด นอกจากเกริ่นยาวข้อมูลไวรัสมหันตภัย การศึกษารูปแบบ แนวปฏิบัติสากลมาร่วมพิจารณา รวมทั้งแจ้งให้ทราบถึงการเตรียมแก้ปมเศรษฐกิจภัยแล้ง
ยังอัดแหลกสื่อสังคมออนไลน์ ฟาดใส่โซเชียลมีเดีย
อีกมุมหนึ่งก็ถือว่าถึงจุดที่ผู้นำ “มีอำนาจ ต้องใช้อำนาจ” เบรกข้อมูลข่าวสารจริง-เท็จ ผสมๆ มั่วที่ส่งแชร์ต่อในสังคมออนไลน์ ในฐานะประธานศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19
บทแม่ทัพสู้ “สงครามโรค” ต้องเน้น เมื่อผู้คนหวังความเข้มแข็ง
...
วันนี้การตั้งศูนย์ฯรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสั่งการโดยตรงจากผู้นำ แก้ปมที่หน่วยงานต่างๆ ต่างคนต่างทำ กั๊กกันไปมาจนชักป่วนและมั่ว ถึงไฟต์บังคับแม่ทัพต้องนิ่ง ตบให้เข้ารูปเข้ารอย
“ศูนย์โควิด-19” เริ่มขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ ทั้งการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย ไปสู่จุดสำคัญบุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานกลุ่มเสี่ยง และประชาชน การคัดกรองโรค ส่งตัว และติดตามเป็นระบบมากขึ้น
นอกจากกระทรวงคมนาคมช่วยขนคน กระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพหลัก กระทรวงมหาดไทย ก็เริ่มขยับ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 เคลื่อนจังหวะสอดคล้องกันไป
พร้อมกระแสก่อหวอดโยนหิน ช่วงวุ่นๆ “พี่รอง” ราศีจับ
และที่สำคัญคือเรื่องข้อมูลข่าวสาร กระทรวงดีอีเอส “รมต.พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” เข็นศูนย์แอนตี้เฟกนิวส์มามีส่วนร่วม หลังอืดมาพักใหญ่ รวมทั้งจับมือฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. และบริษัทมือถือในการพัฒนาแอปพลิเคชัน เพื่อติดตามตัวคนไทย–ชาวต่างชาติ ที่เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยง
มีระบบการกรอกข้อมูล เก็บประวัติ กลั่นกรอง และติดตามเป็นเรื่องเป็นราวเสียที
และที่เริ่มเห็น ความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆอย่างที่ผู้นำป่าวประกาศเรียกร้อง ทั้งภาครัฐ–เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชมรม อาสาสมัคร จิตอาสา กับการผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้า ใช้ยามขาดแคลน
ขณะที่เจลล้างมือแอลกอฮอล์ที่เริ่มขาดตลาด ก็เริ่มมีหลายหน่วยงานจับมือร่วมกันแก้ปัญหา ล่าสุดสรรพสามิต จับมือธนาคารออมสิน แจกแอลกอฮอล์เจล ผ่านสาขาธนาคารทั่วไทย
มาตรการต่อเนื่อง จากที่กระทรวงพลังงาน โดยสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ร่วมกับกระทรวงการคลัง หาช่องปลดล็อกระเบียบกฎหมาย ปล่อยฟรีให้นำเอทานอลมาใช้ในด้านอื่นตามคำสั่งผู้นำ
“สนธิรัตน์” รับลูกเป็น “ตัวช่วย” แก้ปมแอลกอฮอล์ขาดแคลน
จากเสียงติงเรื่องบทเข้มผู้นำ ถึงจุดที่ “บิ๊กตู่” ได้เริ่มท้าทาย สร้างความมั่นใจสู้ “สงครามโรคระบาด”
ขณะปมร้อนการเมือง ทั้งพรรคร่วมขู่ถอนตัว โยง รมต.สีเทา ลากไปถึงเกมเขย่าปรับ ครม. แรงกระเพื่อมจากกลุ่มก๊วนในค่ายพลัง- ประชารัฐ ไปจนถึงแรงต้านจากแฟลชม็อบ นักเรียน นิสิตนักศึกษา
ได้โอกาสในห้วงพักครึ่ง เวลานอกให้ผู้นำสู้โรคระบาด
หากปราบมหันตภัยไวรัสร้ายได้ ก็ปิดเกมต้าน หยุดแรงกระเพื่อมชะงัด แต่ในทางกลับกัน ถ้าแพ้ศึกพ่ายสงครามโรคระบาด โอกาสเสี่ยงบนเก้าอี้ผู้นำของ “บิ๊กตู่” มากน้อยแค่ไหน
ไม่ว่าปีกกองเชียร์–ฟากกองแช่ง ก็คงพอคาดการณ์กันได้.
ทีมข่าวการเมือง