กรณ์ชูธงกล้าชวนผู้คนร่วม ลดาวัลลิ์ก็สนทำพรรคใหม่

55 ส.ส.อดีตอนาคตใหม่กอดคอย้ายเข้า “พรรคก้าวไกล” ชู “พิธา” หน.พรรค “ชัยธวัช” เพื่อนรัก “ธนาธร” นั่งเลขาฯกุมบังเหียน พรรคร่วมฝ่ายค้านเก็บตกซักฟอกนอกสภาฯ งัดข้อมูลแฉต่อปฏิบัติการไอโอของรัฐบาล พท.-ปชป.รุมอัดรัฐบาลเหลวย้อนยุคใช้ “เฮลิคอปเตอร์มันนี่” ผลาญแสนล้าน แจกหัวละ 2 พันกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาพิษโควิด-19 “จิราพร” กระทุ้ง “บิ๊กตู่” ลาออกดับวิกฤติได้ดีที่สุด “อิสระ” สอนมวยต้องไม่ก่อหนี้รัฐ ลดภาระประชาชน “รองโฆษก พปชร.” โวยอย่าบิดเบือนหยิบความตายมาเล่นการเมือง “เทพไท” ปูดวิปรัฐบาลห้าม ส.ส.ลงชื่อในญัตติ สกัดเปิดสภาฯวิสามัญรับฟังข้อเรียกร้องนักศึกษา “ชินวรณ์” โต้ถ้าเป็นประโยชน์จริงไม่กีดกัน โบ้ยแก้ รธน.มีหลายช่องทางอยู่แล้ว “กรุงเทพโพล” สะท้อน ครม. “ลุงตู่” บ้อท่า อยากได้มือดีมาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

หลังจากผ่านมรสุมการเมืองถูกยุบพรรคจากคดีเงินกู้ 191 ล้าน ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ได้ย้ายเข้าสังกัดพรรคก้าวไกลบ้านหลังใหม่ โดยมี ส.ส.ที่ประกาศยึดมั่นอุดมการณ์เดียวกัน ร่วมเดินหน้าลุยงานการเมืองต่อไปรวม 55 คน จากเดิมที่เคยสร้างประวัติศาสตร์การเมืองเป็นพรรคหน้าใหม่ที่ผ่านการเลือกตั้งครั้งแรกกวาด ส.ส.มาได้ถึง 81 คน

“ณัฐชา” ยัน 55 ส.ส.เข้าพรรคก้าวไกล

เมื่อวันที่ 7 มี.ค. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และอดีตรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองได้รับแจ้งการขอเปลี่ยนแปลงชื่อพรรคร่วมพัฒนาชาติไทยเป็นชื่อพรรคก้าวไกล ว่า วันที่ 8 มี.ค. เวลา 11.00 น. ที่ศูนย์ประสานงานอดีตพรรคอนาคตใหม่ ฝั่งธนบุรี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 55 คน จะมีการประชุมและตัดสินใจร่วมกันว่าเราจะไปสังกัดพรรค การเมืองใด ขอให้รอมติที่ประชุมพร้อมกัน ชื่อพรรคใหม่มาจากการโหวตและสมาชิกพรรคร่วมกันเสนอ จากนั้นวันที่ 14 มี.ค.จะมีการประชุมวิสามัญ เพื่อคัดเลือกกรรมการบริหารพรรค และกำหนดทิศทางในการทำงานของพรรคต่อไป

...

“พิธา” หน.พรรค–“ชัยธวัช” เลขาฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพรรค การเมืองใหม่ที่ 55 ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่จะย้ายไปเข้าสังกัด จะใช้ชื่อว่าพรรคก้าวไกล เป็นพรรค การเมืองน้องใหม่ซึ่งเพิ่งแจ้งขอเปลี่ยนชื่อกับ กกต. จากเดิมชื่อพรรคร่วมพัฒนาชาติไทย โดยจดทะเบียนตั้งแต่ 1 พ.ค.2557 ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นพรรคผึ้งหลวง และเพิ่งแจ้งเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคก้าวไกล มีสมาชิก 2,690 คน มีสาขาพรรค 4 สาขา มีตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด 13 เขตเลือกตั้ง โดยจะเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นหัวหน้าพรรค นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตรองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เพื่อนสนิทของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นเลขาธิการพรรค

ย้อนประวัติ อนค.สถิติหรูคว้า 81 ส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอดีตพรรคอนาคตใหม่ สร้างปรากฏการณ์ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค.2562 ได้ ส.ส.ถล่มทลายพลิกความคาดหมายถึง 81 ที่นั่ง เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 50 คน และ ส.ส.เขต 31 คน แต่หลังจากนั้นนางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม เขต 5 ลาออกเนื่องจากป่วยไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ต้องเลือกตั้งซ่อม พรรคอนาคตใหม่พ่ายแพ้ให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา ทำให้เหลือ ส.ส. 80 คน ต่อมาในการลงมติร่าง พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯและร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 มี 4 ส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรค จนมีมติขับงูเห่าทั้ง 4 คนออกจากพรรค ประกอบด้วย 1.น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี 2.พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี 3. น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ และ 4.นายจารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี ทำให้เหลือ ส.ส.76 คน โดยหลังถูกขับออกจากพรรค พ.ต.ท.ฐนภัทรย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ น.ส.ศรีนวลย้ายไปพรรคภูมิใจไทย น.ส.กวินนาถและนายจารึกย้ายไปอยู่พรรคพลังท้องถิ่นไท

11 กก.บห.ตายหมู่เซ่นคดียุบพรรค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 20 พ.ย.2562 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส.กรณีถือหุ้นสื่อ บริษัทวีลัค มีเดีย และได้นายมานพ คีรีภูวดล บัญชีรายชื่อลำดับที่ 51 เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส.แทนนายธนาธร ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 63 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ จากคดีเงินกู้ 191.2 ล้านบาท ทำให้กรรมการบริหารพรรคที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 11 คน ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี คือ คือ 1.นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค 2. น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ รองหัวหน้าพรรค 3.นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรค 4.พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค 5. น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค 6.นายไกลก้อง ไวทยการ 7.นายนิรามาน สุไลมาน 8.น.ส.เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ 9.นายสุรชัย ศรีสารคาม 10.นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ และ 11. น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ทำให้เหลือ ส.ส.อยู่ 65 คน

ผึ้งแตกรังเหลือ 55 คนกอดคอลุยไฟ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ผึ้งแตกรัง มี ส.ส.10 คนที่ย้ายสังกัดไปอยู่ซีกรัฐบาล โดย 9 คนย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภนมณี ส.ส.กทม. ร.ต.ต.มณฑล โพธิ์คาย ส.ส.กทม. นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.กทม. นายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.แพร่ นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส.ขอนแก่น นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนนายสมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร ย้ายไปพรรคชาติไทยพัฒนา ทำให้สุดท้ายแล้ว ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ที่จะย้ายไปร่วมสังกัดพรรคใหม่ด้วยกันเหลืออยู่ 55 คน มาจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเดิม 37 คน ส.ส.เขต 18 คน

ฝ่ายค้านเก็บตกซักฟอกนอกสภาฯ

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายนอกสภาฯ ของฝ่ายค้านวันที่ 12 มี.ค.ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน 5 พรรค หารือกันว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯยังไม่จบ เพราะข้อจำกัดเรื่องเวลา หน้าที่ของฝ่ายค้านคือตรวจสอบถ่วงดุลทั้งในและนอกสภาฯ เมื่อยังอภิปรายไม่ครบถ้วน มีอีกหลายเรื่องยังไม่ชัดเจนโดยเฉพาะปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (ไอโอ) วันที่ 12 มี.ค.เวลา 10.00-12.00 น.พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเปิดอภิปรายนอกสภาฯ ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ให้ ส.ส.และสมาชิกฝ่ายค้านนำข้อมูลที่ชี้ว่าการทำไอโอไม่เหมาะสมถูกต้อง มานำเสนอประชาชนให้ครบถ้วนว่ามีการกระทำเช่นนั้นจริงหรือไม่ ส่งผลเสียหายอย่างไร

งัดข้อมูล 70 เปอร์เซ็นต์ขยี้ต่อปมไอโอ

นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า ผู้อภิปรายจะประกอบด้วย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่ออดีตพรรคอนาคตใหม่ ที่พูดไปได้เพียง 30% ยังมีข้อมูลที่ไม่ได้พูดอีกมาก ส่วน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)และรองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย จะอภิปราย ชี้กระบวนการที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาความมั่นคงควรเป็นอย่างไร นอกจากนี้ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย จะพูดเนื้อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

เดินหน้าถล่มอีกหลายเรื่อง

เมื่อถามว่า หลังการอภิปรายวันที่ 12 มี.ค.จะมีการอภิปรายนอกสภาฯ ต่อเนื่องอีกหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า คงมีประเด็นอื่นๆอีก กำลังพิจารณาว่ามีประเด็นอะไรค้างคาอีกหรือไม่ ข้อมูลส่วนไหนพร้อมจะจัดอภิปรายก่อน ยืนยันเราจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลต่อเนื่องทั้งในและนอกสภาฯ การทำงานร่วมกันของพรรคร่วมไม่มีปัญหา หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคและแกนนำของทุกพรรคฝ่ายค้าน ทุกคนแลกเปลี่ยนพูดคุยกันเข้าใจแล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องการบริหารจัดการซึ่งต้องแก้ไขต่อไป แต่ทุกฝ่ายยืนยันจะเดินหน้าทำงานด้วยกันต่อไป

“จิราพร”จวกแจกเงินสู้ไวรัสไม่เวิร์ก

น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลใช้มาตรการแจกเงินช่วยผู้ได้รับผลกระทำโรคไวรัสโควิด-19 อ้างว่าทำตามต่างประเทศว่า น่าจะเป็นความเข้าใจผิด การแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจลักษณะ “Helicopter Money”ที่หลายประเทศนำมาใช้เป็นกรณีที่เศรษฐกิจดี จัดเก็บภาษีได้เกินกว่าประมาณการ จึงแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ แต่ประเทศไทยเศรษฐกิจแย่ ประชาชนถูกซ้ำเติมจากวิกฤติโควิด-19 การแจกเงินในภาวะเช่นนี้นอกจากไม่ทำให้ไทยพ้นจากวิกฤติไวรัส ยังเร่งให้ประเทศเดินเข้าสู่วิกฤติทางเศรษฐกิจเร็วขึ้น นโยบายการแจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ตั้งแต่ยุค คสช.จนถึงปัจจุบัน ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ซ้ำร้ายยังสร้างความเหลื่อมล้ำมากขึ้น แม้ปี 2562 จะแจกเงินมหาศาลแต่ GDP ไตรมาสสุดท้ายกลับขยายตัวต่ำสุดในรอบ 5 ปี

กระทุ้ง “บิ๊กตู่” ลาออกแก้วิกฤติดีที่สุด

น.ส.จิราพรกล่าวอีกว่า ล่าสุดธนาคารโลกประกาศ ว่าไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มีคนจนเพิ่มขึ้น สะท้อนว่าการแจกเงินไม่ใช่วิธีกระตุ้นเศรษฐกิจ หากรัฐบาลยังมักง่ายแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยการแจกเงินแบบนี้ ต้องแจกต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด หากต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆต้องอัดฉีดเงิน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิต ไม่ใช่กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย รัฐบาลควรให้ ความสำคัญกับมาตรการรับมือ เพื่อหยุดการระบาดเป็นอันดับแรก ที่ผ่านมารัฐบาลห้ามคนไทยเดินทางไปยังประเทศเสี่ยง แต่กลับเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกหนแห่ง เป็นมาตรการย้อนแย้งกันเอง และไม่ สามารถรับมือแรงงานจากเกาหลีใต้กว่า 5,000 รายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุ่มเสี่ยงที่เชื้อไวรัสจะกระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ

ละเลงแสนล้านชี้ชัด รบ.ไร้ประสิทธิภาพ

“เงินกว่าแสนล้านบาทที่รัฐบาลอ้างว่าจะแจกเพื่อลดผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ควรจะนำมาซื้ออุปกรณ์ป้องกันเชื้อไวรัสเบื้องต้น แจกจ่ายให้กับประชาชนผ่านกลไกที่มีอยู่แล้ว รวมถึงเน้นการสื่อสาร กับประชาชนอย่างทั่วถึง การแก้ปัญหาตั้งแต่เกิดวิกฤติต่างๆในอดีต รวมถึงการรับมือกับวิกฤติล่าสุดอย่างไวรัสโคโรนา เป็นการตอกย้ำให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถนำพาประเทศให้รอดพ้นจากวิกฤติไหนได้เลยแม้แต่วิกฤติเดียว ดังนั้น วิธีการแก้วิกฤติที่ดีที่สุดในตอนนี้ คือ พล.อ.ประยุทธ์และคณะควรพิจารณาลาออกจากตำแหน่ง” น.ส.จิราพรกล่าว

ยัน “เจ๊ต้อย” ไขก๊อกไร้ข้อขัดแย้ง

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลาออกจากพรรคเพื่อไทยว่า นางลดาวัลลิ์ลาออกไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งใดๆในพรรค การสมัครสมาชิกหรือลาออกจากพรรคของบุคคลย่อมเป็นไปด้วยความสมัครใจ ไม่มีใครไปครอบงำได้ ทราบว่านางลดาวัลลิ์จะตั้งพรรคใหม่ ถือเป็นสิทธิเสรีภาพจากที่ติดตามการให้สัมภาษณ์เข้าใจว่ามีเป้าหมายทางการเมืองเป็นการเฉพาะ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ตนรู้จักนางลดาวัลลิ์มานานเป็นคนมีความรู้ความสามารถ เมื่อออกไปตั้งพรรคขอให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจ เมื่อถามว่าจะมีสมาชิกระดับแกนนำพรรคเพื่อไทยลาออกอีกหรือไม่ น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี แต่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่มีสมาชิกจำนวนมาก การเข้าออกเป็นเรื่องธรรมดา คงไม่มีเรื่องใดที่ทำให้เราต้องกังวลใจ

“ลดาวัลลิ์” แต่งตัวตั้งพรรคใหม่

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 8 มี.ค. จะแถลงข่าวจัดตั้งพรรคใหม่ ที่โรงแรมเอส.ดี. อเวนิว ปิ่นเกล้า ยึดฤกษ์วันสตรีสากล เป็นวันเริ่มต้นเพราะทำงานเพื่อผู้หญิงมาตลอดชีวิตจึงอยากใช้วันนี้เป็นวันเริ่มต้น ส่วนชื่อพรรคใหม่ยังไม่ตกผลึก มีผู้แสดงความจำนงเข้าร่วมจำนวนมาก แต่ยังไม่ขอบอกว่ามีใครบ้าง หัวหน้าพรรคจะเป็นใครขอให้จัดตั้งพรรคเรียบร้อยก่อน จะบอกถึงความตั้งใจว่าจะทำงานการเมืองอย่างไร ต่อไป ส่วนเหตุผลที่ตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร แจ้งจุดยืนจะจัดตั้งใหม่ ถือว่าจากกันด้วยดีเป็นพี่น้องกัน ต่อไปวันข้างหน้าถ้าอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทยได้ เมื่อถามว่า จะมีคนเพื่อไทยไปร่วมด้วยหรือไม่ นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่มี แต่อดีตผู้สมัครอาจจะเข้าร่วมพรรคกับตนบางส่วน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ

ปัดไม่เกี่ยวดีล “ผู้กองธรรมนัส”

เมื่อถามว่า การตั้งพรรคการเมืองใหม่นี้เตรียมเข้าร่วมงานกับรัฐบาลหรือไม่ นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า พรรคเรายังไม่ได้จดทะเบียนเลย อีกทั้งยังไม่ได้มี ส.ส. รัฐบาลมีคนพร้อมอยู่แล้วคงไม่จำเป็นที่จะนำเราไปช่วยงานตอนนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเราตั้งพรรคแล้วเราก็สามารถแนะนำรัฐบาลได้ในประเด็นที่เห็นสมควร เมื่อถามว่าการจัดตั้งพรรคใหม่นี้ ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการไปทำงานการเมืองร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ ที่เตรียมแตกตัวตั้งพรรคการเมืองใหม่โดยรวบรวม ส.ส.และอดีต ส.ส.ภาคเหนือมาร่วมงาน นางลดาวัลลิ์ตอบว่า ไม่เลย การตั้งพรรคไม่มีการติดต่อกับ ร.อ.ธรรมนัสไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้ติดต่อกันเป็นการตัดสินใจและดำเนิน การด้วยตัวเอง

“สามารถ” ขออยู่ในที่ตั้ง ไม่ไปร่วมด้วย

ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงรายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนางลดาวัลลิ์เตรียมจัดตั้งพรรคจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ว่า ไม่เคยคุยกันถึงเรื่องการตั้งพรรค ตอนนี้นางลดาวัลลิ์ ลาออกก็ได้พูดคุยถึงสาเหตุที่ลาออก ว่ามีบางอย่างที่ไม่สะดวกในการทำงานตอนที่อยู่พรรคเพื่อไทย และทราบจากที่นางลดาวัลลิ์เขียนข้อความว่า มีความฝันอยากตั้งพรรคการเองเป็นของตัวเอง ซึ่งส่วนตัวคงไม่ไปร่วมเพราะยังไม่รู้ที่มาที่ไป ตอนนี้ก็ยังแปลกใจว่าทำไมจะตั้งพรรครวดเร็วเพราะกระบวนการตามกฎหมายปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้บุคลากรและงบประมาณจำนวนมาก การที่ทำได้เร็วเช่นนี้แสดงว่าได้เตรียมการมาพอสมควร หากทำได้ถือว่าดีจะได้ทำตามที่ฝัน ขอให้ ทำได้สำเร็จตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ มั่นใจว่านางลดาวัลลิ์เป็นคนตั้งใจทำงานมีประสบการณ์ น่าจะเป็นพรรค การเมืองที่ประชาชนคาดหวังได้ ส่วนอนาคตทางการเมืองของตนยังไม่ตัดสินใจ ขอดูสถานการณ์ทางการเมืองก่อน เพราะการเมืองตอนนี้รู้สึกแปลกๆ จึงขออยู่ในที่ตั้งก่อน

“อิสระ” หยันแค่เฮลิคอปเตอร์มันนี่

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และโฆษกคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีการเตรียมแจกเงิน 2,000 บาท ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ว่า นโยบายการเงินการคลังแบบนี้ เรียกว่า เฮลิคอปเตอร์มันนี่ (Helicopter Money) เปรียบเหมือนถือถุงเงินขึ้นเครื่องบินแล้วโปรยแจกลงมา เงินจะถึงมือผู้ได้รับผลกระทบจริงหรือไม่ยังเกิดคำถาม จากข้อมูลหนี้ครัวเรือนที่ค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่เงินนี้ต้องเอาไปใช้หนี้ก่อน ควรมีมาตรการช่วยเหลือแบบเจาะกลุ่ม อาทิ คนตกงานจากภาคอุตสาหกรรมหรือภาคท่องเที่ยวบริการ รวมถึงการใช้มาตรการที่ไม่ก่อหนี้ของภาครัฐเพิ่ม แต่ลดภาระประชาชนที่กำลังได้รับผลกระทบจากโรคระบาดได้

สอนมวยไม่ก่อหนี้รัฐ ลดภาระให้ ปชช.

“ช่วยเหลือค่าเช่าแผงตามตลาดสด รวมถึงในห้างฯที่พ่อค้าแม่ค้าข้าวแกงแบกรับอยู่ในแต่ละเดือน รัฐหาทางไปพูดคุยกับผู้ประกอบการ เอางบฯตรงนี้ไปลดหรืองดเว้นค่าเช่าแผง 1-3 เดือนได้หรือไม่ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือไม่ก่อหนี้ภาครัฐเพิ่ม แถมแม่ค้าจะกล้าขายราคาถูกลง ชาวบ้านได้อิ่มท้องในราคาประหยัดกว่าเดิม ผู้มีรายได้น้อยเท่านั้นที่ได้รับอานิสงส์มาตรการเยียวยาลักษณะนี้ เพราะเศรษฐีคนมีเงินมากๆคงไม่ค่อยมาเดินกินส้มตำในตลาดสด” นายอิสระกล่าว

เตือนตุนงบฯมหาศาลรับมือระยะที่ 3

นายอิสระกล่าวอีกว่า ที่สำคัญควรจะรักษาสถานะทางการเงินของประเทศให้อยู่ในระดับที่มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่ร้ายที่สุด หากเราเอาโรคไวรัสโควิด-19 ไม่อยู่ เมื่อเข้าขั้นที่ 3 (stage 3) อาจต้องใช้เงินมหาศาลทุ่มสร้างโรงพยาบาลชั่วคราว อาหารและยาเต็มพิกัด ดูแลบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องฝ่าฟันกับโรคระบาด ตนสนับสนุนมาตรการลดภาษี และผ่อนปรนหนี้ เพราะเป็นการลดรายได้ของรัฐ แต่การแจกเงินเป็นการเพิ่มรายจ่ายของรัฐ ในต่างประเทศมักจะใช้มาตรการลักษณะนี้เป็นหนทางสุดท้าย

พปชร.โวยบิดเบือนข้อมูลโซเชียล

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล โดยยกการรับมือไวรัสโควิด-19 มาโจมตีว่าขออย่าเชื่อข้อมูลที่แชร์ในโลกโซเชียลก่อนตรวจสอบให้แน่ชัด รัฐบาลดำเนินการป้องกันปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายภาคส่วนด้วยกัน พรรคพลัง–ประชารัฐได้กำชับ ส.ส.ให้ลงพื้นที่อย่างหนัก ประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนป้องกันตนเองจากไวรัสโควิด-19 กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ

ซัดเลวร้ายเล่นการเมืองบนความตาย

“ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ไม่ได้มีเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นปัญหาร่วมกันทั้งโลก เราควรตระหนักถึงปัญหาและช่วยกันแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลไม่ควรนำเป็นประเด็นโจมตีหรือทะเลาะกัน ควรช่วยกันแก้ไขปัญหา ป้องกันและประชาสัมพันธ์ เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนสำคัญที่สุด คิดถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง เราต้องร่วมมือกันผ่านพ้นปัญหานี้ไปด้วยกัน ขอวิงวอนว่าอย่ามาโจมตีใส่ร้ายกัน ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทางที่ดีควรทำตัวให้เป็นประโยชน์มากที่สุด การนำความเป็นความตายของประชาชนมาเล่นการเมือง เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว

“เทพไท” แฉวิป รบ.ห้าม ส.ส.ลงชื่อยื่นญัตติ

อีกเรื่อง นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี 3 พรรคเล็กยื่นญัตติขอเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญแต่ถูกตีตกไปว่า การลงชื่อในญัตติเพียง 3 คนน่าจะรู้ว่าไม่สมบูรณ์ต้องถูกตีตก คงต้องการให้เป็นประเด็นข่าว ไม่ต่างอะไรกับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่แถลงข่าวต้องการยื่นญัตติเปิดอภิปรายรับฟังความเห็นกรณีการชุมนุมแฟลชม็อบหลังเปิดประชุมสภาสมัยสามัญในเดือน พ.ค.เพียงต้องการเคลื่อนไหวให้เป็นประเด็นข่าว ไม่มีความจริงจังเพื่อรับฟังปัญหาอย่างแท้จริง ถ้าฝ่ายรัฐบาลต้องการเปิดสภาฯสมัยวิสามัญจริง ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ส่งสัญญาณให้พรรคร่วมรัฐบาลหรือ ส.ว. 250 คนร่วมลงชื่อในญัตติทำได้ทันที แต่ความจริงมีการส่งข้อความจากวิปรัฐบาลห้าม ส.ส.ทุกคนลงชื่อในญัตตินี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่พร้อมจะให้ยื่นญัตติเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภา

ท้า รบ.เปิดสภาวิสามัญฟังปมร้อน

“ถ้าจะเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการชุมนุมแฟลชม็อบอย่างเดียวเสียเวลาโดยใช่เหตุ ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญตามข้อเรียกร้องของแฟลชม็อบเป็นต้องสนับสนุน ถ้าเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองมีปัญหารุมเร้าหลายเรื่อง รัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพเสนอให้เปิดสภาสมัยวิสามัญ ให้อภิปรายทั่วไปของสมาชิกรัฐสภา รับฟังความเห็น 2 เรื่องใหญ่คือ 1.การชุมนุมของนิสิตนักศึกษาทุกมหาวิทยาลัย ที่ขยายตัวไปนักเรียนมัธยมลุกลามไปทั่วประเทศ 2.รับฟังความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลก พร้อมลงชื่อสนับสนุน 2 สัปดาห์น่าจะพอ”

ปชป.ชงรื้อระบบ ลต.ใช้บัตร 2 ใบ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเริ่มต้นศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคเตรียมข้อมูลความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ส่งให้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ สภาฯ พิจารณา หลังประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญมีหนังสือถึงหัวหน้าพรรคให้ส่งข้อมูลภายในวันอังคารที่ 10 มี.ค.พรรคนำเสนอข้อมูลหลายส่วน เช่น สิทธิของประชาชนด้านต่างๆจำเป็นต้องศึกษาพิจารณา ระบบการเมืองหลายประเด็นเป็นปัญหาไม่ว่าการเข้าสู่อำนาจหน้าที่ การคำนวณจำนวน ส.ส. การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำอย่างไรจะให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไขง่ายขึ้น และพรรคเห็นด้วยกับคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่หยิบยกการชุมนุมของนิสิตนักศึกษาเพื่อรับฟังมุมมองต่างๆเพื่อให้เข้าใจตรงกันเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ส่วนการขอเปิดสภาฯสมัยวิสามัญ ฝ่ายรัฐบาลและ ส.ส.และ ส.ว.อยากให้ใช้กลไกในระบบรัฐสภา ผ่านคณะกรรมาธิการสามัญชุดต่างๆ รวมถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดอื่นด้วย จะเป็นเวทีพูดคุยหาทางออกให้หลายเรื่องได้ ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯได้

“ชินวรณ์” โต้มีประโยชน์จริงไม่กีดกัน

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้เปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของกลุ่มนักศึกษาว่า การเปิดประชุมสมัยวิสามัญต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 123 ต้องมี ส.ส. และ ส.ว.ทั้งสองสภาเข้าชื่อร่วมกัน ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 250 คน หรือ ส.ส.เข้าชื่อรวมกัน 1 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภาเห็นว่าต้องเปิด ขณะนี้วิปรัฐบาลยังไม่ได้ประชุมพิจารณาเรื่องนี้ เป็นความคิดของ ส.ส. 2-3 คน ส่วนที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชา– ธิปัตย์ระบุว่า วิปรัฐบาลสั่งห้าม ส.ส.ร่วมลงชื่อในญัตติเปิดประชุมสมัยวิสามัญนั้น ไม่ได้สั่งห้าม แต่เพราะมีการเคลื่อนไหวให้ลงชื่อและ ส.ส.แต่ละคนอาจไม่ทราบข่าว จึงไม่อยากให้ลงชื่อ หากจะเปิดวิสามัญรัฐบาลต้องให้เป็นการทำงานให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองจริงๆ

รับฟังแก้ รธน.มีหลายช่องทางอยู่แล้ว

นายชินวรณ์กล่าวอีกว่า การรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญมีหลายช่องทางที่ฟังความคิดเห็นได้ เช่น คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญปี 2560 สภาผู้แทนราษฎร หรือรัฐบาลก็สามารถเปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านส่วนราชการต่างๆได้ การรับฟังความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องดี แต่ควรเปิดสภาฯสมัยวิสามัญหรือไม่ ต้องดูว่าช่วงนี้อยู่ในช่วงปิดสมัยประชุม ดังนั้นการเปิดสมัยวิสามัญต้องมีความชัดเจนพอสมควร ซึ่งการบริหารราชการบางเรื่องรัฐบาลก็ดำเนินการอยู่

“ปรีชาพล” ชี้ประเทศรอผู้นำยึดส่วนรวม

วันเดียวกัน ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กว่า 7 มี.ค.63 ครบ 1 ปี ยุบพรรคไทยรักษาชาติ หนึ่งปีผ่านไป เป็นบททดสอบช่วงสำคัญของชีวิต แม้ยากแต่ต้องผ่านไปให้ได้ เราทุกคนต่างมีความหวังและความฝัน หากมีจิตใจมุ่งมั่นและแน่วแน่ บนพื้นฐานความคิดที่ปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง ซื่อตรงต่อความเชื่อและอุดมการณ์ ซื่อสัตย์ต่อประชาชน เชื่อว่าสักวันความปรารถนานั้นจะเป็นจริง ประเทศกำลังเผชิญปัญหารอบด้าน การแก้ไขต้องอาศัยคนที่มีความพร้อมจะเข้าใจ ยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนและส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มีสติและปัญญาและสำคัญที่สุดคือการสนับสนุนร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่ายในสังคม เวลาไม่เคยรอใคร การพัฒนาประเทศไปอย่างช้าๆในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฉับไวและตลอดเวลาถือเป็นความล้าหลัง จึงจำเป็นต้องเปิดโอกาสและการสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่ออนาคตที่ดีของคนไทยและประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคน ปรารถนาจะเห็นชัยชนะของประเทศไทย ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน ร่วมกันสานฝัน หลอมรวมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียว ฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้ รักและห่วงใยทุกท่านเสมอ

“กรณ์” หน.พรรคกล้าลั่นไม่ใช่พรรคสำรอง

เมื่อเวลา 17.00 น. นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “อีกก้าวของ “กล้า” สู่การเป็นพรรคการเมือง” ว่าได้นัดประชุมผู้ร่วมก่อตั้งเสร็จเรียบร้อย คนล้นห้องเริ่มประชุมตรงเวลาเป๊ะเวลา 13.00 น. ทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ 14.30 น. กระชับตรงประเด็น เป็นประชาธิปไตยขอขอบคุณทุกคนที่กรุณาเดินทางมาจากทั่วประเทศ เราจะทำงานอย่างสร้างสรรค์ ร่วมมือกับผู้รู้ทุกด้าน เพื่อหาคำตอบให้กับประเทศไทย หลังได้รับการเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนแรกของกล้า ได้เน้นว่าเราร่วมกันตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อทำงานรับใช้บ้านเมือง เราไม่ได้เป็นพรรคสำรองของใคร ไม่อยู่ในสังกัดใคร พร้อมทำงานร่วมกับทุกคนไม่ว่าเคยเลือกพรรคไหนหรือเคยเป็นสมาชิกพรรคใด เพียงขอให้เป็นผู้หวังดีกับชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และตั้งใจทำงานรับใช้ประชาชนคนไทย หลัง กกต.อนุมัติอย่างเป็นทางการ ขอเชิญชวนสมัครเป็นสมาชิกพรรค ขอเชิญผู้มีของมาร่วมงานด้านเศรษฐกิจ เกษตร บันเทิง สังคม เทคโนโลยี ท่องเที่ยว และอื่นๆ ทุกสาขาอาชีพ ส่วนช่องทาง และวิธีการเราจะชี้แจงต่อไปเรามีมติปรับโลโก้ เราให้หนักแน่นขึ้นตามคำแนะนำของหลายคน เราพร้อมฟัง พร้อมปรับอย่างเร็ว ในเรื่องนี้ และทุกเรื่อง

กรุงเทพโพลสะท้อน ครม.ตู่ไร้ผลงาน

วันเดียวกัน กรุงเทพโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “รัฐมนตรีผลงานโดดเด่นที่ใช่/ที่โดนในสายตาประชาชนก่อนปรับ ครม.” โดยเก็บข้อมูลกับประชาชนจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ 1,202 คน พบว่ารัฐมนตรีที่ผลงานเด่นชัดเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุดคือ ร้อยละ 11.4 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ร้อยละ 11.3 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ร้อยละ 2.6 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ร้อยละ 2.5 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ร้อยละ 1.6 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ และพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แต่มีถึงร้อยละ 72.9 ไม่ระบุรัฐมนตรีที่มีผลงานเด่นชัด

ขอ รมต.ใหม่มาแก้ค่าครองชีพ–ศก.ดิ่ง

เมื่อถามว่าอยากได้รูปแบบ ครม.แปลกใหม่ แบบไหนที่โดนใจหากมีการปรับ ครม.ร้อยละ 52.2 อยากให้มีรัฐมนตรีที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เหมาะสมกับภาระหน้าที่ของกระทรวง ร้อยละ 51.5 อยากให้มีรัฐมนตรีที่แก้ปัญหาด้านต่างๆให้ประชาชนอย่างจริงจัง ตรงจุด และร้อยละ 33.2 อยากให้มีรัฐมนตรีที่ไม่มีประวัติด่างพร้อย/ไม่มีประวัติทุจริต เมื่อถามว่าหากปรับ ครม.แล้ว เรื่องที่อยากเห็นการแก้ปัญหามากที่สุดจาก ครม.ชุดใหม่ เสียงส่วนใหญ่ร้อยละ 78.4 อยากให้แก้ปัญหาค่าครองชีพ เศรษฐกิจ ข้าวของแพง รองลงมาร้อยละ 50.2 อยากให้ควบคุมการแพร่กระจายไวรัสโควิด-19 และร้อยละ 45.9 อยากให้ช่วยเหลือเกษตรกร ประกันราคาสินค้าเกษตร