“อนุทิน” ลั่น ไม่มีเช่าเหมาลำรับ “ผีน้อยเกาหลี” กลับไทย มอบหมายกระทรวงต่างประเทศประสานเกาหลีใต้ขยายระยะเวลาคัดกรองเป็น 14 วัน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 มี.ค. 2563 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นัดประชุมด่วนผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานประชุมร่วมชี้แจงด้วย ในประเด็นการดำเนินการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 และนโยบายรับมือการเดินทางกลับของแรงงานไทยที่เข้าเมืองผิดกฎหมายในเกาหลีใต้
นายอนุทิน กล่าวในที่ประชุมว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยยังอยู่ระยะที่ 2 การแพร่เชื้อในวงแคบ ยังไม่เข้าใกล้ระยะที่ 3 แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะมีแรงงานไทยผิดกฎหมาย หรือ ผีน้อย ที่อยู่ในเกาหลีใต้ 120,000 คน และส่วนหนึ่งประสงค์จะเดินกลับประเทศไทย อีกทั้ง เกาหลีใต้ได้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้สามารถเดินกลับไทยและกลับเข้าเกาหลีใต้ได้ โดยต้องเดินทางออกก่อนเดือน มิ.ย. จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กลุ่มผีน้อยต้องลงทะเบียนก่อนเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการคัดกรองโรคในระยะแรกจากประเทศต้นทาง โดยใช้เวลาประมาณ 6-7 วัน เบื้องต้นจึงได้ขอให้กระทรวงการต่างประเทศประสานไปยังเกาหลีใต้ ให้ขยายระยะเวลาคัดกรองออกไปเป็น 14 วัน พร้อมย้ำ ไม่ว่าจะเดินทางกลับจากประเทศใด ก่อนขึ้นเครื่องจะต้องมีใบรับรองการตรวจวัดไข้เพื่อยืนยันจึงจะสามารถเดินกลับได้
นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเป็นห่วงเรื่องความกังวลใจของประชาชนถึงกลุ่มผีน้อยที่จะเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทย เนื่องจากเกาหลีใต้เป็นประเทศกลุ่มเสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 รุนแรง กระทรวงสาธารณสุข จึงร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทยในการกักตัวกลุ่มผีน้อยให้อยู่ในพื้นที่ควบคุมของรัฐบาล และผ่านกลไกของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ซึ่งนอกจากควบคุมในพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดยังสามารถประกาศให้ยุติการรวมกลุ่มของประชาชนจำนวนมากหากเห็นว่าจะเกิดความเสี่ยง และสามารถสั่งให้บุคคลที่มีความเสี่ยงไปตรวจรักษาได้ในฐานะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ พร้อมยืนยันว่าจะไม่มีกรณีการเช่าเหมาลำเครื่องบินเพื่อนำกลุ่มผีน้อยเดินทางกลับประเทศไทย
...
ส่วนปัญหาหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลน นายอนุทิน ระบุว่า อยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปทำความเข้าใจ และรณรงค์การใช้หน้ากากอนามัยแบบผ้า ที่มีข้อดีทั้งการประหยัด ปลอดภัย ที่สำคัญสามารถผลิตใช้งานเองได้ อีกทั้ง จะเป็นการแก้ไขปัญหาเรื่องการกักตุนและฉวยโอกาสขึ้นราคา ทำลายวงจรอุบาทว์ที่เอาเปรียบประชาชนในช่วงวิกฤติ อีกทั้ง หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้งมีส่วนประกอบของสารสังเคราะห์ และมียางยืดพลาสติกที่ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ หากระบบจัดการทำลายไม่ถูกวิธีจะส่งผลกระทบ ให้เกิดตกค้างได้.