เมื่อ “ไวรัสโควิด-19” กลายพันธุ์ผสม “ไวรัสแฟลชม็อบ”
ตาม “สถานการณ์อันตราย” กับพาดหัวหนังสือพิมพ์ตัวยักษ์ ผู้มีอำนาจใช้เหตุระบาดของไวรัสโควิด-19 สบช่องชง พ.ร.บ.ความมั่นคง สกัดการเคลื่อนไหวของนักศึกษา
ยิ่งกว่าราดน้ำมันเบนซินออกเทนสูงเข้ากองไฟ
กระแสต่อต้านลุกพึ่บพั่บ เสียงโห่ด่าเต็มกระดานโซเชียลฯ แบบที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าค่ายภูมิใจไทย ต้องรีบต่อสายถึงสำนักข่าวใหญ่เคลียร์ข่าวเป็นพัลวัน ยืนยันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่มีแนวคิดชง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของนักศึกษา
โยน “เฟกนิวส์” โบ้ยข่าวปลอม โวยอย่าโยงการเมืองซ้ำเติมวิกฤติ
แต่ไม่วาย ติดติ่งทิ้งท้าย ถ้าเกิดเหตุไวรัสโควิด-19 ระบาดในม็อบนักศึกษา ต้องรับผิดชอบเอง
จับอาการ “เสี่ยหนู” สะท้อนชัดเลยว่า มวยบุกของรัฐบาล ห้าวเป้ง บุ่มบ่าม “ห่าม” ยังไง ก็ไม่กล้าล้อเล่นกับพลังไฟคนรุ่นใหม่ อารมณ์นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่กำลังจุดติด
เทรนด์ฮิตในโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ
ที่สำคัญจากเหตุการณ์สดๆร้อนๆที่กลุ่มผู้ชุมนุมนักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงแนวร่วมในโลกโซเชียลมีเดีย ได้มีปฏิกิริยาต่อต้านนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เบรกนักเคลื่อนไหวขาเฮี้ยว ไม่ให้ขึ้นเวทีปราศรัยด้วยเฮทสปีช ปลุกความเกลียดชัง
ออกแนวยั่วยุ นำไปสู่ความรุนแรง
แสดงให้เห็นความพยายามเคลียร์ “พลังบริสุทธิ์” ในการแสดงออกของคนรุ่นใหม่ ปลอดจากเกมแฝงของพวกหาผลประโยชน์ทางการเมืองที่จ้องโหนเด็กโค่นรัฐบาล
...
แฟลชม็อบจุดติด โดยการ “ยกระดับความชอบธรรม”
ตรงกันข้ามพรรคร่วมรัฐบาลเองกลับลดระดับ “ความชอบธรรม” ในการบริหารอำนาจลงทุกวัน
ตามรูปการณ์ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองฟันธงตรงกันเลยว่า “ตัดสินใจพลาดอย่างมหันต์” กับปฏิบัติการหาม “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พ่วงกระเตง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ฉุดกระชากลากถูให้รอดจากการโดนเชือด
วิปรัฐบาลชิงปิดปากฝ่ายค้าน ตัดเกมไม่ให้แตะต้อง“พี่ใหญ่-พี่รอง” หลังจากปล่อยให้ถล่ม “น้องเล็ก” อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จนน่วม 3 วัน 2 คืน
เป็นไปตามแผนการที่หัวหอกวิปรัฐบาลทั้งนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กับนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ประกาศเป็นองครักษ์พิทักษ์ “นาย” ปกป้องพล.อ.ประวิตรแบบสุดกำลัง
เป็นจังหวะให้ทีมเชือดยี่ห้อ “อนาคตใหม่” ลากข้อมูลแฉนอกสภา เชือด “บิ๊กป้อม” แบบเน้นๆกลายเป็นไฮไลต์ที่คนดูทางบ้านให้ความสนใจมากกว่าการอภิปรายในสภา
นั่นไม่เท่ากับว่าผลโหวตยังออกมา “ผิดธรรมชาติ”
“บิ๊กป้อม” ครองแชมป์ ได้คะแนนไว้วางใจมากที่สุด ทั้งๆที่แทบไม่ได้ชี้แจง
อย่าว่าแต่คนนอกจะเอะใจ แม้แต่คนสำคัญในรัฐบาลอย่าง พล.อ.ประยุทธ์เองก็น่าจะค้างคาใจกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อย ตอกย้ำรอยร้าวอาการทางใจทีม “พี่น้อง 3 ป.”
“พี่ใหญ่” คุม “กล้วยกองกลาง” แสดงตัวเป็นผู้ถือดุลอำนาจตัวจริง
ใช้กล้วยเลี้ยงฝูงลิงในค่ายพลังประชารัฐ กวาดต้อนลิงพรรคเล็กพรรคน้อย แถมยังข้ามขั้วไปตก “งูเห่า” ฝ่ายตรงข้าม ทั้งพรรคเพื่อไทยกับพรรคเสรีรวมไทยได้อีกต่างหาก
ภาพชัดเจน ผู้มากบารมีเหนือนายกรัฐมนตรี
ถ้าไม่บังเอิญว่า โดยทิศทางการเดินเกมโชว์พลังไฮเพาเวอร์ของทีมแห่ “บิ๊กป้อม” มันสวนกระแสอย่างจังกับการเคลื่อนไหวของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่เหม็นเบื่ออำนาจ 3 ป.
ไล่ล้างการเมืองน้ำเน่า เรียกร้องการเมืองใหม่
อารมณ์แบบที่รุมถล่ม “เสี่ยหนู” โชว์พลังดูดไดโว่ยี่ห้อซิโน-ไทย ไล่ต้อน “งูเห่า” ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ 9 คน ตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบค่ายสีส้มไม่ครบ 7 คืน 7 วัน
เสียงหนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างไม่ชอบธรรม โกงเจตนารมณ์ผู้หย่อนบัตรเลือกตั้ง
อย่างที่สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลแข็งแกร่งขึ้นจากเสียงพรรคฝ่ายค้านที่แตกทัพมาหนุน ตรงกันข้ามกับสถานะของ “นายกฯลุงตู่” ที่อ่อนแอลงเพราะวิกฤติศรัทธา
โดยเงื่อนไขสถานการณ์ มันถึงจุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องคิดหนัก
ลากไปตายตอนจบ แบบที่ไม่ต้องพึ่งโหรท็อปบูตส่องทางใน หรือเสี่ยงทิ้งไพ่ใบสำคัญ ยกเครื่องการบริหารอำนาจใหม่ เคลียร์พันธนาการพี่น้องรอบเอว ลุ้นวิกฤติศรัทธาพลิกกลับ
นายกฯเคลียร์ไวรัสความชอบธรรม ตามสภาพรัฐบาลแน่นกว่าฝ่ายค้าน
ผ่านจุดพลิกคว่ำพลิกหงายได้ ก็ยากที่ใครจะล้มกระดาน.
ทีมข่าวการเมือง