เส้นทางผู้ป่วยเสียชีวิตรายแรกหลังเข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร เป็นไข้เลือดออกก่อนติดเชื้อโควิด-19 มีประวัติสัมผัสนักท่องเที่ยวจีน แม้หายจากโควิด-19 แต่สุดท้ายอวัยวะภายในล้มเหลว

วันที่ 1 มี.ค. 2563 กระทรวงสาธารณสุข แถลงกรณีผู้ป่วยชายไทย อายุ 35 ปี เป็นพนักงานขายสินค้า เสียชีวิตรายแรกหลังเข้ารับการรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ผู้ป่วยถูกวินิจฉัยว่าเป็นไข้เลือดออกเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2563 จากนั้นถูกส่งจาก รพ.เอกชน มารักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร หลังตรวจพบติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 วันที่ 5 ก.พ. และไทยเป็นประเทศที่ 10 ที่มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้แม้จะดูแลอย่างดี โดยผู้ป่วยรายนี้เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับน้ำเหลืองเลือดของคนขับแท็กซี่ที่หายจากโควิด-19

จากนั้นตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ซึ่งแม้ไม่พบเชื้อแต่ก็ยังคงรักษาอาการต่อใน ICU มาโดยตลอด ใช้เครื่อง ECMO หรือเครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด เราให้ยาต้านไวรัสหลายตัว ให้น้ำเหลืองเลือด พบว่าระดับของภูมิสูงขึ้น เป็นที่ยืนยันว่าเชื้อโควิด-19 หมดไปแล้ว แต่ทิ้งร่องรอยการทำลายไว้มาก อวัยวะภายในล้มเหลว เราได้พยายามอย่างดีที่สุดแล้ว กระทั่งผู้ป่วยเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 29 ก.พ. ที่ผ่านมา และประวัติคือเป็นกลุ่มมีความเสี่ยงสัมผัสกับนักท่องเที่ยวชาวจีน ส่วนเรื่องความกังวลการดำเนินการศพ ยืนยันว่า “ศพไอไม่ได้ ไม่แพร่เชื้อ” ไม่ต้องตื่นตระหนกเรื่องการดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เมื่อได้รับเชื้อโควิด-19 แล้วจะเป็นปอดอักเสบ ปอดบวมเสมอไป มีโอกาสลงปอด 15-20% จากรายงานของประเทศจีนยืนยันว่าระยะฟักตัวอยู่ที่ 2-14 วัน แต่จะเจอมากช่วง 5-17 วัน และการลงปอดมักจะเกิดจากการรับเชื้อในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ซึ่งแต่ละคนมีภูมิต้านทานต่างกัน และกว่า 80% เป็นไข้หวัดหายได้ด้วยตนเอง เชื้อไม่ได้ลงปอด ส่วนสาเหตุที่แท้จริงของผู้เสียชีวิตรายนี้จะต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการก่อน ยืนยันว่าเชื้อโควิด-19 ป้องกันได้ด้วยการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆ หากป่วยต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย เลี่ยงการไปอยู่ในพื้นที่มีคนหมู่มากหรือความสุ่มเสี่ยง และยืนยันว่าไม่มีการปิดข่าวอย่างแน่นอน.

...