เล่นผิดขบวนท่า?
ทำไปทำมาการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากต้องหยุดชะงักไป เนื่องจากการยึดอำนาจ
ข่าวแนะนำ
เป็นรัฐบาล คสช.รูปแบบที่ผิดปกติต่างไป
คือไม่มีฝ่ายค้านที่จะตรวจสอบรัฐบาลได้โดยตรง เป็นสภาที่มาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจ จุดประสงค์ก็คือปฏิบัติตามแนวทางที่มีผู้กำหนด
เมื่อมาเริ่มต้นกันใหม่จึงได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก ยิ่งปัจจุบันการรับรู้ข้อมูลเป็นไปรวดเร็วทันใจ
ความตื่นรู้จึงสูงขึ้น แม้กระทั่งในสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่เข้าถึงการเมืองได้ง่าย และต่อไปจะเป็นแรงกดดันรัฐบาล
ที่มีความสำคัญเหนือกว่าฝ่ายค้านหลายเท่าตัว
ก็ดูได้จากการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแทนที่จะได้ประโยชน์ต่อสังคมประเทศในแง่มุมต่างๆ
เอาเข้าจริงกลายเป็น “ปาหี่” การเมืองอีกฉากหนึ่ง
มีเสียงติฉินนินทากันทำนองว่าไม่ใช่ฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาล แต่เป็นฝ่ายค้านเปิดซักฟอกกันเองจนนำไปสู่ความแตกแยกของฝ่ายค้านด้วยกันไปฉิบ
อย่างประเด็นที่อนาคตใหม่กล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำฝ่ายค้าน “กินเวลา” อภิปรายของพรรคอื่นไม่ได้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้
เป็นเหตุให้ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เวลาในการอภิปรายรัฐมนตรีคนสำคัญที่มีการเตรียมการด้วยข้อมูลมาแล้วอย่างเต็มที่
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและผู้จัดการรัฐบาล
“คุณขอมา”...จริงหรือไม่?
นั่นคงทำให้การร่วมมือกันทำงานของพรรคฝ่ายค้านจากนี้ไปมีปัญหาแน่ เพราะความไม่ไว้วางใจกันเกิดขึ้นแน่
“เพื่อไทย” ที่เป็นแกนนำในการเปิดอภิปรายซักฟอกครั้งนี้ตั้งแต่เริ่มก็มีความขัดแย้งกัน แบ่งเป็น 2 ฝ่ายเบื้องต้น
ยิ่งเกิดเหตุการณ์ในการซักฟอกครั้งนี้ไปกันใหญ่ เพราะแพ้รัฐบาลอย่างหลุดลุ่ยแล้วยังเกิดความเสียหายต่อพรรคอย่างที่อนาคตใหม่กล่าวหา
อนาคตข้างหน้าดูท่าจะไปไม่ได้เสียแล้ว
มาทางซีกรัฐบาลที่ยิ้มแย้มแจ่มใสหลังผ่านศึกมาได้ ที่ แปลกใจกันหน่อยก็ตรงที่นายกฯ แทนที่จะได้คะแนนไว้วางใจมากที่สุด
ปรากฏว่าได้เพียง 272 คะแนน แต่ พล.อ.ประวิตรกลับได้มากกว่า คือ 277 คะแนน มากกว่ารัฐมนตรีคนอื่น
เสียงที่เพิ่มขึ้นมาอีก 5 เสียงนั้นมาจากไหน?
คำตอบก็คือมาจากพรรคเพื่อไทย 2 เสียง ที่ว่ากันว่าเพราะมีความผูกพันช่วยเหลือกันในเรื่องคดีความก็เลยต้องตอบแทนบุญคุณกันในลักษณะนี้
อีก 3 เสียงมาจากพรรคเสรีรวมไทยที่ยกมือให้ พล.อ.ประวิตร แม้หัวหน้าพรรคคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวช จะเป็นคู่กัดสำคัญของ “3ป.” มาตลอด
มีคำตอบจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ว่า 3 คนนี้ไม่ใช่ “งูเห่า” แต่เป็นกลยุทธ์การเมืองเพื่อแสดงให้เห็นถึงผลคะแนนไว้วางใจ
ดิสเครดิต “ลุงตู่” ให้ได้คะแนนน้อยกว่า “พี่ใหญ่”
เขย่ากันตรงๆอย่างนี้เลย...
“สายล่อฟ้า”