เสี่ยหนูลั่นห้ามแตะภท. ‘สุวิทย์’เดือด-โดนแซะ เวทีมก.โดน ‘มือดี’ ป่วน นิด้า#มาน้อยแต่มาโว้ย “อนุดิษฐ์” มั่นใจหลังนัดเคลียร์ใจพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังจับมือทำงานกับกลุ่ม อนค.ต่อไปได้ “เทพไท” แนะ “บิ๊กตู่” ฟังกระแสสังคม เชื่อเจอกดดันหนักจนต้องปรับ ครม.แน่ โฆษกวิปรัฐบาลบอกนายกฯต้องฟังเสียง 17 ส.ส. ปชป.ยี้ “ผู้กองนัส” “ประยุทธ์” ส่งสัญญาณพรรคร่วมปรับ ครม.แน่ “เสี่ยหนู” รีบตีกันโควตา ภท.ใครห้ามแตะ “สุวิทย์” เดือดโดนเพื่อนแซะเก้าอี้ ฉะวงจรอุบาทว์ก่อปัญหาซ้ำซาก ส.ส.เสรีรวมไทยกระทุ้ง “ลุงตู่” อย่ามาขู่น้อง นศ. เย้ยผู้นำเครียดดวงตกพาลขยาดเด็ก “สาทิตย์” ชี้เปรี้ยงเมื่อคนหนุ่มสาวพูดต้องฟัง อย่าอคติมองเป็นม็อบจัดตั้ง นศ.นิด้าติดแฮชแท็ก “มาน้อยแต่มาโว้ย”

ควันหลงหลังศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่นอกจากจะไม่ทำให้รัฐบาลระคายผิวแล้ว ยังเกิดรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านเอง หลังพรรคเพื่อไทยถูกมองว่าผิดฟอร์มฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาลไม่เต็มที่ ขณะที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่ารัฐบาลจะถูกกระแสสังคมกดดันจนต้องปรับ ครม.

“อนุดิษฐ์” มั่นใจจับมือทำงานต่อ

เมื่อวันที่ 29 ก.พ. ที่พรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว ถึงการทำงานร่วมกับ ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่หลังจากนี้ว่า เชื่อว่าหลังจากพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคถอดบทเรียนการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น และมีโอกาสพูดคุยปรับความเข้าใจกันมาแล้วในระดับหนึ่ง คิดว่าความร่วมมือในอนาคตจะเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะเป้าหมายหลักของทุกพรรคเหมือนกัน คือไม่ยอมรับกับการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพราะนำมาซึ่งความเสียหายและความล้มเหลวในการบริหารประเทศ วันที่ 4 มี.ค.นี้ แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านจะนัดทานข้าวกันเพื่อขอบคุณการทำงานร่วมกันในช่วงที่ผ่านมา และคงนำข้อขัดข้องจากการถอดบทเรียนของแต่ละพรรคมาพูดคุยกัน มั่นใจเราจะเป็นหนึ่งเดียว ทำงานตรวจสอบรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

...

“เทพไท” แนะ “บิ๊กตู่” ฟังกระแส

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้นายกฯและ 5 รัฐมนตรีจะได้รับความไว้วางใจจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสอบผ่าน แต่ยังมีคะแนนเสียงจากกระแสสังคมว่าจะให้ความไว้วางใจกับรัฐมนตรีที่ถูก อภิปรายทั้งหมดหรือไม่ ถ้ากระแสทางสังคมไม่ยอมรับย่อมมีผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลแน่นอน อยากให้นายกฯรับฟังกระแสสังคมด้วย และต้องนำข้อมูลจากการอภิปรายมาพิจารณาแก้ไข และปรับปรุงการทำงานของรัฐบาล โดยเฉพาะข้อมูลที่น่าสนใจของ 5 ส.ส. คือ 1.ข้อมูลของนายไชยา พรหมา ส.ส. หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายแผนการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่มีการเปลี่ยนแผนแม่บทการก่อสร้างมีเงื่อนงำไม่ชอบมาพากล 2.ของ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ เรื่องทุจริตเชิงนโยบาย เอื้อประโยชน์ให้เอกชน ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.

เชื่อเจอกดดันต้องปรับ ครม.แน่

นายเทพไทกล่าวว่า 3.ของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ เรื่องขบวนการไอโอ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) 4.ของนายธีระชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ เรื่องคำพิพากษาคดีค้ายาเสพติดของศาลออสเตรเลีย ที่มีคำพิพากษาชัดเจนจำคุก ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ 5.ของนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. อดีตพรรคอนาคตใหม่ เรื่องวุฒิการศึกษาปริญญาเอก และการโอนหุ้นให้กับบริวารของ ร.อ.ธรรมนัส เป็นข้อมูลการอภิปรายที่น่าสนใจ มีน้ำหนัก มีเหตุผลเพียงพอที่รัฐบาลต้องรับฟัง และนำไปปรับปรุงแก้ไข มิฉะนั้นแล้วจะเกิดกระแสกดดันจากสังคมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศว่าหลังการอภิปรายแล้วจะไม่มีการปรับ ครม.นั้น ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีอาฟเตอร์ช็อกหลังการอภิปรายแน่นอน เมื่ออดีตที่ผ่านมาหลังการอภิปรายทุกครั้งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในหลายรูปแบบเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภา นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีลาออก หรือการปรับ ครม. ครั้งนี้ก็เช่นกัน จะนำไปสู่กระแสกดดันให้นายกฯ ต้องปรับ ครม.อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง และรุมเร้า ในการชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่กำลังขยายตัวไปทั่วประเทศเหมือนไฟลามทุ่งอยู่ขณะนี้

ต้องฟัง ส.ส.ปชป.ยี้ “ผู้กองนัส”

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ โฆษกวิปรัฐบาล กล่าวว่า การ ลงมติของพรรคร่วมรัฐบาลถือว่ามีเอกภาพ ส.ส.ทุกคนลงตามมติวิปรัฐบาล แม้จะมี 17 ส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์เสียงข้างน้อย แถลงจุดยืนไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ หลังชี้แจงกรณียาเสพติดไม่ชัดเจน แต่ทุกคนก็ลงมติตามมติวิปรัฐบาลไม่มีใครแตกแถว สิ่งที่ 17 ส.ส.สะท้อนออกมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับฟัง ในฐานะผู้นำรัฐบาลควรนำเรื่องนี้ไปพิจารณาปรับปรุง เพื่อให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดีขึ้น ส่วนสัญญาณนี้จะถึงการปรับ ครม.ตามที่พรรคฝ่ายค้านเสนอหรือไม่ เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องพิจารณาดู

พปชร.ยันพรรคร่วมยังแน่น

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะเร่งเดินหน้าโครงการแก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก และการระบาดไวรัสโควิด-19 รัฐบาลเตรียมออกมาตรการมาช่วยประชาชนทั่วประเทศอย่างเต็มที่ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลมีเสถียรภาพ แม้เสียงโหวตจะไม่เท่ากันก็ไม่มีปัญหา สำหรับพรรคประชาธิปัตย์เป็นปกติของสมาชิกในพรรคที่ความเห็นแตกต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เป็นไปตามมติพรรคที่โหวตไว้วางใจ เพราะพรรคร่วมเข้าใจมารยาททางการเมืองดี ที่สำคัญรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายชี้แจงได้ชัดเจน ไร้ข้อกังขา จึงอยากวิงวอนทุกพรรคลดความขัดแย้ง ช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤติ รัฐบาลจะมุ่งมั่นทำงานโดยหลีกเลี่ยงประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง

ฟิลลิปฯโวยข้อมูลฝ่ายค้าน

นายเจอรัลด์ มาโกลีส ผู้จัดการใหญ่ บริษัทฟิลลิป มอร์ริส เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด กล่าวถึงการอภิปรายไม่วางใจนายกรัฐมนตรี และ 5 รัฐมนตรี ว่า บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นบริษัทในเครือของฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ (PMI หรือพีเอ็มไอ) และเป็นผู้นำ ในธุรกิจนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบจากต่างประเทศ เข้าใจดีว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกระบวนการของรัฐสภาตามปกติ และไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ตลอดระยะเวลา 29 ปีที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ให้ความร่วมมือและทำงานร่วมกับทุกรัฐบาลด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใส เป็นไปตามมาตรฐานและแนวทางปฏิบัติสากล คณะผู้บริหารรู้สึกผิดหวังที่ฝ่ายค้านกล่าวพาดพิงถึงบริษัทระหว่างการอภิปราย อ้างถึงข้อมูลในอดีต และนำเสนอข้อมูลที่คาดเคลื่อนจากความเป็นจริงการปฏิบัติต่อองค์กรธุรกิจต่างชาติอย่างไม่เป็นธรรมด้วยประเด็นทางการเมืองถือ เป็นการส่งสัญญาณด้านลบต่อภาคธุรกิจระหว่างประเทศ และการค้าการลงทุนในประเทศไทย น่าเสียดายข้อมูลที่ถูกนำมากล่าวถึงไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง คณะผู้บริหารจำเป็นต้องปกป้องชื่อเสียงของบริษัทหากมีการกล่าวพาดพิง หรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของเราในประเทศไทย

ล้ม “เฮียมิ่ง” ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ

ที่อาคารพัฒนาบุคลากร มหาวิทยาลัยอีสาน อ.เมืองขอนแก่น พรรคเศรษฐกิจใหม่จัดประชุมใหญ่วิสามัญสมาชิกพรรคทั่วประเทศ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ แทนคณะกรรมการรักษาการโดยมีตัวแทน กกต. และสมาชิกพรรคเข้าร่วม ผลปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเลือกนายเกียรติภูมิ สิริพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ มีนายสุรสิทธิ์ เปล่งสมสมบัติ เป็นรองหัวหน้าพรรค นายทีฆวัฒน์ เวศอุไร เลขาธิการพรรค นายเกียรติภูมิกล่าวว่า สมาชิกพรรคที่มาประชุมวันนี้ถือว่าเป็นเจ้าของพรรค ทุกคนมีอุดมการณ์ร่วมกันดำเนินกิจกรรมต่อเพื่อกอบกู้พรรคไว้ แต่ยังไม่มีมติว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล หลัง กกต.มีหนังสือรับรองคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แล้ว จะมีการประชุมเพื่อลงมติพรรคอีกครั้งว่าจะอยู่ร่วมฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล

นายกฯแจ้งพรรคร่วมปรับ ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยืนยันว่ายังไม่ปรับ ครม.ในเร็ววันนี้ แต่ปรากฏว่าหลังเสร็จสิ้นการลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่ 28 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ได้เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลไปหารือที่ห้องรับรอง รัฐสภา โดยมีแกนนำพรรคร่วม อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร่วมหารือ โดยนายกฯแจ้งว่าจะมีการปรับ ครม.เพื่อปรับปรุงการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ แต่จะเป็นเมื่อไหร่ ยังบอกไม่ได้

“หนู” หวงโควตา ภท.ใครอย่าแตะ

ขณะที่นายอนุทินแจ้งต่อนายกฯว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยขอรักษาโควตาเดิม ไม่ขอขยับเปลี่ยนแปลง แม้ขณะนี้จะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นมา แต่ไม่ขอเรียกร้องเพิ่มตำแหน่ง และขอให้เป็นเรื่องที่นายกฯพิจารณา

“สุวิทย์” เดือดโดนเพื่อนแซะเก้าอี้

ขณะที่นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เล่นการเมืองแบบเดิมๆจะเป็นตัวอย่างให้คนรุ่นใหม่ได้อย่างไร? ที่ผ่านมาผมพูดแต่เรื่องงานที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯ หลีกเลี่ยงไม่พูดการเมือง แต่มีข่าวออกมาเป็นระยะว่าจะมีการปรับ ครม.หลังอภิปราย และมีชื่อผมติดอยู่ในโผถูกปรับออกด้วยเหตุผล (ตามข่าว) อยู่ 3 ข้อ คือ 1.ผมขาลอยในพรรค ไม่ได้เป็น ส.ส. และไม่ได้จ่ายเงินให้พรรค 2.ผมไม่มีฐานเสียงส.ส.ในมือ และ 3.ผมไม่เข้าพรรค และไม่มีพวกในพรรค วันนี้ขอแสดงความเห็นส่วนตัวในฐานะที่ถูกทั้งคนในพรรคและสื่อพาดพิงอยู่เสมอครับ”

ฉะวงจรอุบาทว์ก่อปัญหาซ้ำซาก

นายสุวิทย์ระบุอีกว่า “ผมเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ เมื่อจะมีการเลือกตั้งได้ลาออกจาก รมต.ไปทำหน้าที่รองหัวหน้าพรรค เดินสายช่วยลูกพรรคหาเสียงทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด เมื่อได้รับโปรดเกล้าฯให้เป็น รมต.ก็ทำงานในหน้าที่อย่างเต็มที่ คิดว่าหากมีปรับ ครม. และคัดเลือกรัฐมนตรีด้วย 3 เหตุผลนี้ ประเทศไทยคงไม่มีทางหลุดจากวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ที่สร้างปัญหาซ้ำซากแบบเดิมที่ยังปรากฏอยู่ทุกวันนี้ได้ ขณะนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาวิกฤติเชิงซ้อน นายกฯและ ครม.ต้องมีความรู้ ความสามารถ และมีปัญญานำพาประเทศไปข้างหน้า มากกว่าการปรับ ครม.ตามอำนาจต่อรอง และแรงกดดันจากกลุ่มคนที่รอแสวงหาประโยชน์ในรัฐบาล ผมเข้ามาเป็น รมต.ด้วยความตั้งใจ จริงใจและทำงานอย่างสุดความสามารถ เพราะอยากเห็นประเทศพัฒนาก้าวหน้าขึ้น แน่นอนว่าการเข้ามาร่วมเป็น รมต.ในรัฐบาลที่แล้ว หรือในรัฐบาลนี้ ล้วนมาจากนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คัดเลือกด้วยตัวท่านเอง ผมเคารพและเชื่อมั่นในการตัดสินใจของท่านเสมอ และเชื่อว่าหากท่านจะปรับ ครม.ก็ต้องด้วยเหตุผลที่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มากกว่าประโยชน์ของนักการเมืองครับ ช่วยกันพลิกโฉมการเมืองแบบใหม่กันเถอะ ประเทศไทย รอการพัฒนาอีกหลายอย่าง อย่างแรกที่สำคัญที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาเรื่องอื่นๆคือ นักการเมืองแบบเดิมๆบางคน นี่ละครับควรต้องรีบพัฒนา!!”

กระทุ้ง “ลุงตู่” อย่ามาขู่น้อง นศ.

อีกเรื่อง น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่ควรพูดเรื่องไม่อยากให้นักเรียนนิสิตนักศึกษาร่วมกิจกรรม “แฟลชม็อบ” เพราะอาจถูกดำเนินคดีอาญาต้องหมดอนาคต ถือเป็นการพูดทำนองข่มขู่ไม่ให้นักเรียนนักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรม อันเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานในการแสดงออกทางการเมือง สาเหตุที่นิสิตนักศึกษาแสดงพลังจัดแฟลชม็อบทั่วประเทศ เกิดจากความผิดหวังที่เราไม่มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริงมาตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 หลังการเลือกตั้งเมื่อเดือน มี.ค.2562 ก็ยังได้รัฐบาลสืบทอดอำนาจ ทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระทั่งมีการยุบพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยด้วยเหตุผลค้านสายตาประชาชน จึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายทำให้ต้องออกมาเรียกร้องความยุติธรรม รัฐบาลควรฟังเสียงเรียกร้องและความต้องการนักศึกษา ที่ต้องการมีส่วนกำหนดอนาคตตัวเอง มากกว่าจะออกมาพูดทำนองข่มขู่ ปล่อยให้ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลใส่ร้ายป้ายสีเรื่องชังชาติ เพราะจะสร้างความขัดแย้งไม่รู้จบ

เย้ยเครียดดวงตกพาลเข็ดขยาด

น.ส.นภาพรกล่าวอีกว่า คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ที่บอกว่าการชุมนุมของนักศึกษาเกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรืออาจถูกชักจูงปลุกปั่นมา แสดงว่า พล.อ.ประยุทธ์ตามไม่ทันความคิดคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะแนวคิดที่ต้องการมีส่วนร่วมทางการเมือง หลังจากถูกคนที่มีแนวคิดแบบเก่าบริหารประเทศโดยไม่เห็นหัวประชาชนมา 5-6 ปี ก่อนหน้านี้เคยมีหมอดูทักว่าช่วงเดือน ม.ค. ดวง พล.อ.ประยุทธ์จะตกหนัก ประกอบกับเรื่องราวฉาวโฉ่ต่างๆ โดยเฉพาะการซื้อตัว ส.ส. และการแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีหลังการอภิปราย อาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เครียดจนพาลไปมองการแสดงออกของนักศึกษาในแง่ลบ

เมื่อคนหนุ่มสาวพูดต้องฟัง

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เมื่อคนหนุ่มสาว กล่าววาจา...เราต้องฟัง” หลายวันมานี้แม้ในสภาฯมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ผมติดตามข่าวการชุมนุมในหลายที่ของนิสิต นักศึกษา และนักเรียน ที่ขยายออกไปในสถานศึกษาเกือบทั่วประเทศ นี่เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้เราอาจติดตามความคิดความเห็นกลุ่มคนเหล่านี้ผ่านโลกโซเชียล ซึ่งเป็นเหมือนโลกคู่ขนานกับโลกจริงข้างนอกมือถือ การออกมาชุมนุมแม้จะแค่แฟลชม็อบ แต่นี่...คือการบรรจบกันของโลกโซเชียลกับโลกจริง พลังจึงไม่ธรรมดาแน่นอน เฝ้าติดตามถามไถ่ผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาล และคนในสภาฯหลายคน ว่าเขาคิดอย่างไร สิ่งที่น่ากังวลคือหลายคนคิดว่าเด็กเหล่านี้โดนปั่นมา ผมไม่เชื่อเช่นนั้นและมีหลายคนในสภาฯเห็นตรงกัน มองปรากฏการณ์นี้ด้วยความเข้าใจ ที่สำคัญคือผู้นำในรัฐบาลมองอย่างไร? ซึ่งตรงนี้จะสะท้อนทัศนะของการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ด้วย”

อย่าอคติมองเป็นม็อบจัดตั้ง

“นายกฯพูดในสภาฯผมนั่งฟังด้วยความเคารพ แต่ผมไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น วันนี้ประเด็นการชุมนุมของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องยุบพรรคอนาคตใหม่อีกแล้ว แต่เป็นเรื่องความเป็นธรรมและการต่อต้านอำนาจนิยม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการยุบพรรคก็มีส่วน แต่เขาเปรียบเทียบกับคดีความของคนในรัฐบาลด้วยว่าปฏิบัติเท่าเทียมหรือไม่ พวกเขากังวลอนาคตของเขาว่าจะอยู่ในสังคมที่มีเสรีภาพในการแสดงออกถึงความคิดความเห็นได้อย่างเสรีหรือไม่? ผมว่านี่เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนเกินกว่าจะมองด้านเดียวว่ามีการจัดตั้งมาต่อต้านรัฐบาล การมองการชุมนุมจึงต้องมีมุมมองที่เปิดกว้างกว่านี้ เปิดใจมากกว่านี้ และละเอียดอ่อนให้มากกว่านี้ ผมว่าการเปิดใจรับฟังเสียงลูกหลานของเรา และรัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมด้วยการปฏิบัติ จะลดเงื่อนไขที่อาจนำไปสู่การชุมนุมในวงกว้างได้ ผมว่าผู้ใหญ่ที่นั่งในสภาฯหรือใน ครม. เวลาที่เราอยู่ในวัยนักศึกษาหลายท่านคงรู้สึกไม่ต่างจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ในวันนี้ ที่ต้องการเปล่งเสียงของตัวเองออกมาด้วยวิธีการต่างๆ ผมเชื่อในพลังของคนหนุ่มสาว แต่อดกังวลไม่ได้ว่าไม่ควรมีใครใช้พลังเหล่านี้เพื่อตนเองหรือกลุ่มตนเองเท่านั้น พลังบริสุทธิ์เช่นนี้เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองและอนาคตประเทศอย่างยิ่ง เมื่อคนหนุ่มสาวกล่าววาจา เราต้องฟัง” นายสาทิตย์กล่าว

รมว.ศธ.แซวแต่งดำประท้วงเด็ก

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เขตปทุมวัน ซึ่งใช้เป็นสนามสอบโอเน็ตชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประจำปีการศึกษา 2562 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และนายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เดินทาง มาตรวจเยี่ยมสนามสอบ โดยทุกคนสวมเสื้อยืดสีดำสกรีนตัวอักษรบนเสื้อเป็นสีขาวว่า “กระทรวงศึกษาธิการ” ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมถึงเลือกตรวจเยี่ยมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นายณัฏฐพลตอบด้วยรอยยิ้มว่า ใกล้บ้าน ใกล้โรงเรียนเก่า อยากมาเห็นโรงเรียน ไม่มีนัยอะไร เมื่อถามย้ำว่า ใส่เสื้อสีดำต้องการประท้วงใครหรือไม่ นายณัฏฐพลตอบทีเล่นทีจริงว่า ประท้วงเด็กไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี พร้อมหัวเราะก่อนยืนยันอีกครั้งว่าไม่มีเหตุผลอะไร

ขอให้ไปใช้เวทีสภาฯแสดงออก

เมื่อถามนักเรียนเตรียมนัดหมายชุมนุมแฟลชม็อบช่วงปิดภาคเรียน นายณัฏฐพลตอบว่า ไม่มีปัญหา เรื่องการแสดงออกของเด็กและเยาวชนเป็นสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ไม่ปิดกั้นตราบใดที่อยู่ภายใต้กฎหมาย และดูความเหมาะสมในการแสดงความคิดเห็น หรือประท้วง เด็กและเยาวชนเข้าใจดีว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เขาสามารถตัดสินใจเองได้ ทราบมาว่ามี ส.ส.ยื่นญัตติให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความคิดเห็นในการพัฒนาประเทศ เด็กและเยาวชนจะมีโอกาสแสดงความคิดเห็นผ่านกระบวนการของสภาฯ ซึ่งเป็นกระบวนการที่สามารถแก้กฎหมายได้หลายๆเรื่อง ช่องทางนี้น่าจะเหมาะสมที่สุด ในการแสดงความคิดเห็น และสามารถเปลี่ยนแปลงตามความต้องการที่เหมาะสมได้จริง ฉะนั้นมีหลายเวทีที่สามารถแสดงออกได้ ทั้งในสภาฯ หรือว่านอกสภาฯในบางกรณี ไม่รู้สึกกังวลใจ ตราบใดที่การแสดงความคิดเห็นที่เหมาะสมได้รับการพิจารณาแก้ไข แต่ถ้าข้อเสนอที่เหมาะสม แต่ไม่ได้รับการพิจารณาจะเป็นปัญหาได้

“เสี่ยหนู” งัดโควิดขู่ นศ.คิดให้หนัก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การนัดชุมนุมแสดงจุดยืนทางการเมืองของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เราไม่ปิดกั้นแต่ขอให้ท่านคำนึงถึงภาพรวมของสังคม เพราะ Covid-19 เป็นโรคที่รักษาได้ แต่ติดง่าย การไปอยู่รวมกันโอกาสติดโรคสูง หากติดเชื้อ 1 คน ทางกระทรวงต้องตามไปคุมโรคกับคนใกล้ชิดอย่างน้อยที่สุดคือ 30 คน แล้วถ้าเกิดรับเชื้อพร้อมกันทีละมากๆ ย่อมเป็นงานหนักในการคุมโรคแน่นอน ขอให้คิดกันให้หนักๆ ก่อนจะร่วมกิจกรรมใดๆ “ผมเข้าใจปัญญาชน แต่ตอนนี้มีการระบาดของโรค ผมไม่ได้ปิดกั้น แต่ขอให้ทุกคนช่วยกันระมัดระวัง อยากขอร้องให้ลองคิดดูว่ามันจะมีวิธีแสดงออกด้วยวิธีอื่นไหม เป็นห่วงและขอให้ผู้ชุมนุมระมัดระวัง เราไม่ได้ถือกฎหมายความมั่นคง หากจะห้ามต้องให้ฝ่ายความมั่นคงห้าม ก็ต้องเป็นเรื่องต่อนายกฯและรองนายกฯ”

“นิด้ามาน้อยแต่มาโว้ย”

ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) มีกลุ่มนักศึกษากว่า 20 คน ร่วมจัดกิจกรรมแฟลชม็อบลามทุ่งไล่เผด็จการ พร้อมติดแฮชแท็ก “นิด้ามาน้อยแต่มาโว้ย” มีการนำโหลยาดองปิดด้วยผ้าสีแดงด้านในมีภาพศีรษะของหญิงสาวอยู่ภายใน พร้อมระบุข้อความ “ดองเสรีภาพเพื่อความสงบ” น.ส.โบ (นามสมมติ) นักศึกษาปริญญาโท ชั้นปีที่ 2 คณะนิเทศศาสตร์ ตัวแทนนักศึกษากล่าวว่า ที่จัดกิจกรรมในวันนี้เป็นการคุยกันกับกลุ่มเพื่อนไม่กี่คน ว่าอยากจะทำตรงนี้เพราะมีแนวคิดที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารประเทศของรัฐบาลนี้ ส่วนขวดโหลที่นำมาด้วยเป็นงานศิลปะที่ตนทำส่งอาจารย์เมื่อเทอมที่แล้ว คิดว่ายังคงสอดคล้องกับสภาพปัจจุบันที่สื่อถึงการมีเสรีภาพแต่ถูกดองไว้ด้วยบางอย่าง ถึงจะดูว่าสงบแต่ก็ไม่ได้มีชีวิตชีวาเพราะอยู่ในโหล จากนั้นทั้งหมดเปิดไฟจากมือถือ ส่องสว่างฝ่าความมืด และร่วมกันร้องเพลงชาติแล้วแยกย้ายกันกลับใช้เวลาราว 5 นาที

#คืนสู่เหย้าไม่เอาไอโอ (ชา)

ที่ลานหน้าหอประชุมมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย หรือดีอาร์จี นำโดย น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว อดีตนศ.มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ที่เคยเป็นแกนนำต่อต้าน คสช. ร่วมกับแกนนำนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัย อาทิ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น.ส.สุนิชชา แก้วประเสริฐ ม.เกษตรศาสตร์ รวมถึงแกนนำนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ม.มหิดล ฯลฯ จัดการชุมนุม#คืนสู่เหย้าไม่เอาไอโอ (ชา) มีผู้เข้าร่วมกว่า 500 คน มีการชูป้ายข้อความโจมตีรัฐบาล ส่วนบนเวทีแกนนำนักศึกษาได้เปิดปราศรัยโจมตีรัฐบาลอย่างดุเดือด พร้อมการแสดงดนตรีจากกลุ่ม RAD เจ้าของเพลงแร็ปเสียดสีสังคมชื่อดัง “ประเทศกูมี”

เริ่มมีส่งตัวป่วนเวทีนักศึกษา

นายพริษฐ์กล่าวว่า การยุบพรรอนาคตใหม่เป็นแค่สะเก็ดไฟ ขณะนี้ไฟนั้นได้ลุกขึ้นแล้วตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่ ก็เหมือนยังมีเชื้อไฟ หลังการสอบปลายภาคเสร็จน่าจะมีการนัดหมายตัวแทนนักศึกษาสถาบันต่างๆมาร่วมหารือกัน เชื่อว่าจะมีการยกระดับอย่างแน่นอน กระทั่งเวลา 18.40 น. ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นระหว่างที่ นายพริษฐ์กำลังปราศรัยได้มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อเชียร์ธรรมศาสตร์เดินขึ้นมา ไปยืนประกบข้างนายพริษฐ์ก่อนจะพูดแทรกว่า “ที่คุณพูดมานั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มีหลักฐานอะไร” ก่อนจะพยายามแย่งไมค์จากนายพริษฐ์ ทำให้การ์ดบนเวทีเข้ามารวบตัวไปด้านหลัง ท่ามกลางเสียงโห่ฮาจากผู้ชุมนุม และบางส่วนกรูขึ้นมาจะรุมทำร้าย ทำให้นักศึกษากว่า 30 คน ที่อยู่บนลานปราศรัยคล้องแขนกันเพื่อสกัดกั้นเอาไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถามเหตุที่มาป่วน ทราบชื่อภายหลังนายมลสิช วิเศษโชติกุล อายุ 38 ปี จึงเชิญตัวไปสอบปากคำต่อที่โรงพัก