30 ประเด็นข้อกล่าวหาซักฟอก “บิ๊กตู่” คนเดียว
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขยายความถึงญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ประกอบด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์
ญัตติซักฟอกเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในกระบวนการการตรวจสอบขั้นสูงสุด ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือประชาชนและประเทศชาติ
ถ้ารัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ดี มีประสิทธิภาพ ไม่บกพร่อง ผิดพลาด ปล่อยปละละเลย เข้าข่ายทุจริตประพฤติมิชอบ ฝ่ายค้านก็ไม่จำเป็นต้องยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ศึกไฟต์นี้นายกฯและ รมว.กลาโหมถูกอภิปรายมากที่สุด ในฐานะที่ท่านเก่ง เปรียบเหมือนยอดมนุษย์ สามารถรับผิดชอบทุกๆเรื่อง
เริ่มตั้งแต่เป็นหัวหน้า คสช.ควบตำแหน่งนายกฯ ครั้งนี้เป็นหัวหน้ารัฐบาล ดูแลด้านความมั่นคง รับบทเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นประธานคณะกรรมการระดับชาติอีกหลายคณะ
และการอภิปรายรัฐมนตรีท่านอื่นก็ต้องอภิปรายพ่วง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะจำเลยร่วมด้วย
ฉะนั้นเนื้อหาหลัก 80 เปอร์เซ็นต์เน้นไปที่นายกฯ
เริ่มตั้งแต่ทำรัฐประหารเป็นต้นมาถึงปัจจุบัน 6 ปี ท่านประกาศทำหน้าที่โดยซื่อสัตย์สุจริต ตั้งใจทำเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน
ท่ามกลางข้อครหามากมาย
หากดีจริง เป็นทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ
ใช้โอกาสนี้บอกมาเลยว่าฝ่ายค้านอภิปรายโกหก
ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงกลางสภาฯ เพื่อให้ประชาชนตัดสินว่าจะเชื่อใคร
...

ก่อนที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติดังกล่าว พรรคเพื่อไทยถูกตั้งข้อสังเกตว่าถูกล็อบบี้จาก 2 ผู้มีบารมีในพรรคพลังประชารัฐ ให้ดึงชื่อรัฐมนตรีบางคนออกจากการถูกซักฟอก น.อ.อนุดิษฐ์ บอกว่า เป็นไปได้ที่มีความพยายามคาดเดาหรือจากการวิเคราะห์ของสื่อมวลชน
แต่ข้อเท็จจริงรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกล้วนมีชื่อมาตั้งแต่ต้น และควรมีคำถามเพิ่มเติมว่ามีรัฐมนตรีอีกหลายคนที่สมควรถูกอภิปรายทั้งหมดมีกว่า 10 คน พอสรุปทำไมไม่มีรายชื่อ
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลาและเนื้อหาของผู้อภิปราย
หากเพิ่มจำนวนรัฐมนตรี จะต้องขอเพิ่มวันอภิปราย ซึ่งเป็นไปได้ยาก หรือตัดเนื้อหาสำคัญของผู้อภิปรายแต่ละท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
สุดท้ายตัดสินใจเคาะเหลือเพียง 6 คน ให้สอดคล้องกับเนื้อหาที่อภิปรายได้ครบถ้วน
หากถูกอภิปรายแล้วรัฐมนตรีและรัฐบาลไม่ปรับปรุงแก้ไข ครั้งต่อไปรับรองถูกอภิปรายอีกแน่ เพราะปีนี้สามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ 2 ครั้ง
กระแสข่าวเครือข่ายรัฐบาลเสนอผลประโยชน์ให้ฝ่ายค้าน เพื่อไม่ให้อภิปรายรัฐมนตรีบางคน บั่นทอนกำลังใจอย่างไรบ้าง น.อ.อนุดิษฐ์ บอกว่า ผมไม่เชื่อเรื่องนี้ ในฐานะที่อยู่สภาฯมานาน ส.ส.ฝ่ายค้าน ส.ส.รัฐบาลทำงานร่วมกันผ่านคณะกรรมาธิการสามัญชุดต่างๆ

การพูดคุยระหว่าง ส.ส.ฝ่ายค้านกับ ส.ส.รัฐบาล ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะสนิทสนมคุ้นเคยกัน ส.ส.บางคนย้ายจากพรรคนี้ไปพรรคนู้น มีเพื่อนฝูงเยอะแยะมากมาย
“การใช้อามิสสินจ้าง หรือผลประโยชน์จูงใจ จน ส.ส.เปลี่ยนอุดมการณ์
หากฝ่ายค้านชี้ให้เห็นถึงข้อกล่าวหาตามญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว
เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยหากไปโหวตสวนหรือสนับสนุนรัฐบาล
ประชาชนจะตัดสินอนาคตการเมืองของ ส.ส.ท่านนั้นอย่างแน่นอน”
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เคยสังกัดพรรคเพื่อไทยก่อนย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ถูกมองว่ามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับส.ส.เพื่อไทย จึงไม่ถูกพรรคเพื่อไทยอภิปราย น.อ.อนุดิษฐ์ ยอมรับว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ได้อภิปราย ร.อ.ธรรมนัส
เพราะพรรคอนาคตใหม่เสนอข้อมูล ข้อเท็จจริง ขออภิปรายตั้งแต่ต้น เกี่ยวกับวุฒิการศึกษาและเคยต้องคดีอาญา มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่
ส่วนข้อหาอื่นให้อดใจรอฟังในวันอภิปราย ไม่ขอเปิดข้อสอบล่วงหน้า
พรรคเพื่อไทยเห็นว่าข้อมูลที่มีซ้ำซ้อนพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ไม่นำมาอภิปราย หากอภิปรายซ้ำซ้อนกันหลายพรรค ประธานสภาฯคงไม่อนุญาตและไม่อยู่ในวิสัยที่จะทำ
นอกจากการบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ล้มเหลว ไม่มีประสิทธิภาพ ฝ่ายค้านมีประเด็นการคอร์รัปชันใหม่เปิดโปงให้สังคมได้รับทราบแค่ไหน

น.อ.อนุดิษฐ์ บอกว่า เราจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง
แม้ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมามีข้อครหาหลายเรื่องโดยปราศจากหลักฐาน แต่ยังไม่ขอลงรายละเอียดในข้อสอบ
ขอย้ำว่าทุกประเด็นมีน้ำหนักจากข้อมูลที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการตรวจสอบผ่านคณะกรรมาธิการสามัญชุดต่างๆ หรือจากหน่วยงานของรัฐ
ส่วนใหญ่เป็นเอกสารราชการ ภาคเอกชนมีบ้าง ได้ตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน พยานบุคคล ทำงานอย่างละเอียด เพื่อชั่งน้ำหนักก่อนเคาะ ส่วนเอกสารเรื่องใดยังไม่สมบูรณ์ จำเป็นต้องรอข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเตรียมไว้อภิปรายในครั้งต่อไป
ฉะนั้น ถามว่าศึกครั้งนี้มั่นใจแค่ไหน ขอบอกว่ามั่นใจมาก
เตรียมอภิปราย รมว.กลาโหมในประเด็นใดบ้าง น.อ.อนุดิษฐ์ บอกว่า การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เป็นหนึ่งในข้อครหามีมาตลอดในยุค คสช.
ต่อมา “รัฐบาลลุงตู่” คำครหานี้ไม่ได้น้อยลง หลายโครงการถูกกล่าวหาว่าไม่โปร่งใส
โดยใช้กระดาษแผ่นเดียวของบประมาณผ่านสภาฯ ผ่านคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วงเงินหลายหมื่นล้านบาท
ปมนี้ รมว.กลาโหมต้องลุกขึ้นชี้แจงข้อกล่าวหา
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถูกอภิปรายด้วย
ข้อกล่าวหาใดบ้าง น.อ.อนุดิษฐ์ บอกว่า กระทรวงนี้ดูแลสารทุกข์สุกดิบของประชาชน แต่รัฐบาลขึ้นชื่อว่าใช้งบลงทุนมากที่สุดตั้งแต่มีประเทศไทย ผ่านโครงการใหญ่ เช่น โครงการประชารัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ปัญหาความยากจน
แต่ผลประโยชน์ตกแก่คนเพียงไม่กี่ตระกูล 6 ปีที่ผ่านมาความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยขยับขึ้นแท่นอันดับ 1 ของโลก เดิมก่อนรัฐประหารมีคนจน 7 ล้านคน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 14.5 ล้านคน
ทำไมการอภิปรายครั้งนี้ไม่คาดหวังถึงขั้นล้มรัฐบาล น.อ.อนุดิษฐ์บอกว่า เสียงในสภาฯเราไม่เพียงพอโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่หลังศึกซักฟอก หากรัฐบาลไม่ปรับปรุงแก้ไข ประชาชนจะรอลงโทษ
ขอให้ประชาชนติดตามการอภิปราย รับรองตื่นเต้น ไม่ผิดหวังแน่นอน
ขอให้นายกฯใช้วิกฤติตรงนี้ สร้างโอกาส ทำใจร่มๆนั่งฟังข้อกล่าวหา
ถ้านายกฯชี้แจงได้ทุกประเด็น
มีโอกาสได้ไปต่อ.
ทีมการเมือง