พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สั่ง ผู้ว่าฯทั่วประเทศ เข้มบังคับใช้กฎหมายแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 เน้นใช้ตามความเหมาะสมแต่ละพื้นที่ ตามแนวทางปฏิบัติ จากระยะเร่งด่วน-ระยะยาว
วันที่ 24 ม.ค. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวในการประชุมมอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า จากสถานการณ์ ฝุ่น PM 2.5 ที่มีปัญหาค่าฝุ่นเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ ซึ่งครม.มีมติให้การแก้ไขปัญหามลภาวะด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติ และจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองขึ้น ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์จะต้องยึดแผนปฏิบัติการฯนี้เป็นหลัก ร่วมกับแผนป้องและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นแนวทางในการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ทั้งระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว ใน 3 มาตรการ ได้แก่
1. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ 2. การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง 3.การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ โดยแผนเผชิญเหตุในช่วงวิกฤติตามที่กำหนดไว้ 4 ระดับ ซึ่ง ผวจ.และผู้ว่าฯกทม.ต้องอำนวยการสั่งการในการแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ระดับฝุ่นละออง และความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ สถานการณ์ฝุ่นละอองอยู่ในระดับ 2 ผู้ว่าราชการจังหวัด ต้องจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และติดตามข้อมูลสถานการณ์จากกรมควบคุมมลพิษ เพื่อวิเคราะห์และกำหนดแนวทางการปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาและบรรเทาสถานการณ์ โดยนำมาตรการตามแผนปฏิบัติการมาบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรม บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยเน้นมาตรการป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (แหล่งกำเนิด) เช่น ต้นกำเนิดจากยานพาหนะ ต้องมีมาตรการตรวจสอบควบคุมรถควันดำ การกำหนดพื้นที่ในการจำกัดเวลารถบรรทุกเข้ามาในพื้นที่มีปริมาณฝุ่นละอองเกินระดับมาตรฐาน การจำกัดการเผา ต้องห้ามการเผาในที่โล่งแจ้งทุกชนิด สำหรับการเผาทางการเกษตรต้องดูให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และการควบคุมดูแลโรงงานอุตสาหกรรมและการก่อสร้างในพื้นที่อย่างเข้มงวด
...
"ต้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งต้องสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจในมาตรการและข้อกฎหมาย โดยกำชับให้ผู้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่พิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อช่วยเหลือประชาชน เช่น การดูแลประชาชนกลุ่มเสี่ยงโดยหน่วยงานด้านสาธารณสุขและการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยตามอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมทั้งสรุปรายงานผลการดำเนินงานและปรับมาตรการต่างๆ ให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละพื้นที่ด้วย" รมว.มหาดไทย กล่าว...