"สึนามิ" การเมือง

ปรากฏการณ์ทางการเมืองอีกระนาบหนึ่งของไทยที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหนเป็นเรื่องที่จะต้องลุ้นกัน

21 ม.ค.63 ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดแถลงคำพิพากษาคำร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกกล่าวหาว่าล้มล้างการปกครอง

อย่าว่าแต่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และพลพรรคเท่านั้นที่ต้องลุ้นหนัก

ทุกองคาพยพทางการเมืองก็ต้องลุ้นไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่าลุ้นให้ยุบหรือไม่ถูกยุบ เพราะมีผลต่อการเมืองทั้งระบบด้วย

ไม่ถูกยุบก็รอดตัวไป ทุกอย่างยังเหมือนเดิมสามารถดำเนินการทุกอย่างไปได้ตามระบบเพราะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ถูกยุบแน่นอนว่าอนาคตใหม่จะเกิดปัญหาทันที เริ่มต้นพรรคการเมืองนี้ก็หายไปจากสารบบฉับพลันอย่างหนึ่งก็คือ 11 กรรมการบริหารพรรคก็จะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองทำให้จำนวน ส.ส.ลดลงไปด้วย

ก่อนหน้านี้มีการเสนอให้กรรมการบริหารทั้ง 11 คน ลาออกจากตำแหน่งก่อนเพื่อให้คนที่เป็น ส.ส.สามารถดำรงสมาชิกภาพต่อไปได้

หมายถึงว่าเมื่อพรรคถูกยุบก็ไปสังกัดพรรคการเมืองใหม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นกรรมการบริหาร แต่อนาคตใหม่ตัดสินใจว่าไม่ต้องลาออก เมื่อถูกตัดสิทธิก็ไปทำงานนอกพรรคไม่ต้องอยู่ในพรรค ซึ่งได้มีการเตรียมการผลักดันสร้างทีมงานใหม่เอาไว้แล้ว

หากพ้นจากค่ายกลนี้ไปได้ก็ยังลุ้นอีกคดีกรณีที่นายธนาธรให้กู้เงิน 191 ล้านบาท ให้พรรคอนาคตใหม่ไปใช้

ศาลรัฐธรรมนูญกำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ ผลจะออกมาอย่างไรว่ายุบหรือไม่ยุบพรรคเช่นเดียวกัน

พูดง่ายๆ ผ่านด่านแรกแล้วยังต้องไปเจอด่านที่สองอีก

มีคำถามว่าถ้าอนาคตใหม่ถูกยุบจะเกิดผลอะไรตามมา

เริ่มต้นด้วยอนาคตใหม่ หากเตรียมการเรื่อง “พรรคใหม่” เรียบร้อยก็ต้องเฮโลกันไปเข้าสังกัด อยู่ที่ว่าจะไปกันยกคณะหรือบางส่วนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

...

เพราะในพรรคการเมืองนี้ยังมีปัญหาภายในที่ขัดแย้งกันอยู่ บางส่วนออกไปแล้ว แต่บางส่วนที่ยังอยู่นั้นยังยึดมั่นในอุดมการณ์หรือได้เวลาลาจรแล้ว

จะอยู่มากน้อยแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่บรรดาพรรคการเมืองอื่นๆต่างก็จับจ้องที่จะช่วงชิงกันเพื่อเพิ่มจำนวน ส.ส.ให้มากขึ้น

ผมว่าเรื่องนี้ต่างก็พอจะรู้ได้ว่าเป็นอย่างไร?

พลังประชารัฐนั้นถูกจับตามองมากที่สุดว่าจะสำแดงพลังดูดได้มากน้อยแค่ไหน เพราะถือเป็นโอกาสทองที่จะเพิ่มเสียงเพื่อทำให้พรรคมีความมั่นคงมากขึ้น

กรณีนี้รัฐบาลจะเพิ่มความได้เปรียบทำให้เสียงปริ่มน้ำนั้นผ่อนคลายความกดดันลงไปได้มาก เพราะเสียงจะมากกว่าฝ่ายค้านด้วยจำนวนที่มากขึ้น
นั่นทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอลงไปทันที

หากเอามุมนี้ไปสังเคราะห์ก็จะพอเห็นภาพต่อเนื่องกับการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่กำลังเล่นกลเกมอย่างแยบยล
มุ่งหวังข้ามฟากไปอยู่ขั้วรัฐบาล

เป็นการมองจากฟากการเมืองในระบบ แต่การเมืองนอกระบบหรือนอกสภานั้นหากเกิดการ “ยุบพรรค” ขึ้นมา

จะปลุกขึ้นหรือไม่หลังจากสร้างกระแสมาอย่างต่อเนื่อง?

“สายล่อฟ้า”