ฝ่ายค้านดาหน้า อัด "ดอน" เละคาสภา สับแหลกปม "สหรัฐฯ-อิหร่าน" ตะเพิดพ้น ครม."ชวน" เบรก อภิปรายงบฯ ไม่ใช่พฤติกรรมรมต.สุดท้าย ม.10 ผ่านฉลุย 248 ต่อ 6 เสียง งดออกเสียง 200 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 1

วันที่ 9 ม.ค ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญที่มี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานฯ ได้พิจารณาเสร็จแล้ว เป็นวันที่สอง

โดยในการอภิปรายในมาตรา 10 งบกระทรวงการต่างประเทศนั้น ปรากฏว่า กมธ. เสียงข้างน้อยและ ส.ส. พรรคฝ่ายค้านต่างอภิปรายโจมตี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จากกรณีที่นายดอน ได้ระบุว่า รู้ล่วงหน้าว่า สหรัฐฯ จะดำเนินการทางการทหารกับประเทศอิหร่าน เช่น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. เสียงข้างน้อย อภิปรายว่า ตนไม่สามารถไว้วางใจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศใช้งบประมาณปฏิบัติภารกิจได้ เนื่องจากพฤติกรรมที่ผ่านมาตั้งแต่กรณีไม่ยอมชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาว่า มีคุกลับในปี 2557 หรือในปี 2558 กรณีสหรัฐอเมริกาตำหนิเรื่องการเลื่อนเลือกตั้ง และขอให้ยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ภาคใต้ แต่กลับชี้แจงว่า กฎอัยการศึกเป็นเพียงตัวหนังสือเท่านั้น ทั้งที่คนไทยส่วนใหญ่รู้สึกว่า กฎอัยการศึกกำลังกดทับอยู่ จนไปถึงกรณีล่าสุดที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศระบุว่า รับทราบสัญญาณล่วงหน้าก่อน 1 วันที่สหรัฐอเมริกาจะโจมตีนายพลระดับสูงของอิหร่าน เสี่ยงที่จะดึงประเทศไทยเข้าสู่ความขัดแย้ง หากเหตุการณ์บานปลายเกิดความรุนแรงในประเทศไทย ตัวรัฐมนตรีและรัฐบาลจะรับผิดชอบได้หรือไม่ ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจึงไม่สมควรปฏิบัติหน้าที่ และหากไม่ลาออกนายกรัฐมนตรีก็ควรพิจารณาปรับออกจากคณะรัฐมนตรี

...

ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เตือนสมาชิกขอให้อภิปรายเรื่องงบประมาณ ส่วนพฤติกรรมของรัฐมนตรีก็เป็นองค์ประกอบหนึ่ง แต่อย่าถึงขั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

ด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายแปรญัตติตัดงบกระทรวงการต่างประเทศร้อยละ 5 โดยวิจารณ์ท่าทีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพราะนอกเหนือจากนายกรัฐมนตรีแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศถือเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ แต่กลับไปพูดรู้ล่วงหน้าว่าสหรัฐอเมริกาจะโจมตีนายพลอิหร่าน แล้วค่อยให้เจ้าหน้าที่มาแถลงว่าเข้าใจคลาดเคลื่อน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่รมว.ต่างประเทศพูดออกมาต้องรับผิดชอบ การที่มีสมาชิกออกมาปกป้อง แต่ตนจะไม่ปรับลดงบประมาณของกระทรวงต่างประเทศด้วยเหตุผลนี้ สิ่งที่เคยคาดการณ์ตัวเลขการเจริญโตทางเศรษฐกิจจะโต 3% นั้น เป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีรัฐมนตรีผีเจาะปากทำลายความเชื่อมั่น ใครจะมาท่องเที่ยว ค้าขายกับเรา เพราะไม่รู้ที่ถูกที่ควร ไม่รู้กาลเทศะ ไร้วุฒิภาวะ แต่ขอชื่นชมข้าราชการกระทรวงต่างประเทศที่ช่วยออกมาปกป้องประเทศ ถือว่า มีสมอง

ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลส่วนใหญ่ก็อธิบายถึงความจำเป็นในการใช้งบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ อาทิ นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายชี้ถึงความจำเป็นของงบประมาณในการรักษาความมั่นคงระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการตั้งศูนย์ปฏิบัติการเพื่อดูแลคนไทยที่อยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง ขณะที่การชี้แจงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ไม่ได้ระบุเจาะจงไปที่การทหาร เพราะอาจจะหมายถึงการส่งสัญญาณเตือนเรื่องอื่นๆ ในตะวันออกกลาง ซึ่งการชี้แจงของกระทรวงการต่างประเทศในภายหลังก็สามารถลดความตึงเครียดของสถานการณ์ไปได้ และยังเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมขอให้คำนึงถึงงบประมาณในการดูแลจุดผ่อนปรนตามแนวชายแดนชั่วคราวด่านสิงขร เพื่อพัฒนาเป็นจุดผ่านแดนถาวร

นอกจากนั้น ก็ยังมี ส.ส.หลายราย ได้อภิปรายเพื่อขอให้ทางกระทรวงการต่างประเทศ มีบทบาทในการดำเนินการเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อย ผู้อพยพ และคนไทยไร้สัญชาติ โดยขอให้มีการประสานในการทำงานใกล้ชิดกับทางกระทรวงมหาดไทยด้วย

เมื่อเวลา 12.15 น. หลังจากที่ ส.ส. อภิปรายจนครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมสภาได้มีการลงมติเพื่อให้ความเห็นชอบมาตรา 10 กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม จำนวน 455 คน ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ความเห็นชอบตามกรรมาธิการฯเสียงข้างมาก ด้วย 248 ต่อ 6 เสียง งดออกเสียง 200 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง จากนั้น จึงได้มีการพิจารณางบประมาณของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นลำดับต่อไป