สัญญาณเตือนแล้ว

ไม่ใช่ฝ่ายค้าน ฝ่ายตรงข้ามที่ให้ความเห็นหรือแสดงวาทกรรมทางการเมืองต่อรัฐบาลอันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

แต่เป็นความเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศที่สำนักซุปเปอร์โพลที่มีนายนพดล กรรณิกา เป็นผู้อำนวยการได้สำรวจความเห็นมาอย่างต่อเนื่อง

ว่าไปแล้วโพลสำนักนี้ผลสำรวจออกมาเมื่อใดเป็นผลดีต่อรัฐบาลมาตลอดจนชวนให้สงสัยกันไปต่างๆนานา

ทำนองว่ามาจากสำนักทำเนียบรัฐบาลหรือเปล่า?

ก็แค่ชวนให้ “ปุจฉา” หาใช่กล่าวหาไม่?

ทว่าล่าสุดผู้อำนวยการสำนักนี้ได้ออกมาเปิดเผยว่า พบตัวเลขและแนวโน้มของกลุ่ม “พลังเงียบ” ที่เคยสนับสนุนรัฐบาลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

จากช่วงหลังการเลือกตั้งอยู่ที่ 56.1% นับแต่ช่วงเดือน เม.ย.62 ลดลงมาเหลือ 55.5% เดือน ก.ค.62 ลดลงมาเหลือ 46.0% เดือน ก.ย.62 ลดลงเหลือ 43.7% เดือน พ.ย.62 กลับมาที่ 49%

แต่เริ่มต้นปี 63 เดือน ม.ค. กลับตกลงมาเหลือแค่ 29.4%

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า “พลังเงียบ” มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากที่สุดหันไปสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาล 36.6% ยังสนับสนุนรัฐบาล 34.0%

ปัจจัยที่ยังสนับสนุนรัฐบาลก็เพราะไม่ชอบฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลอยู่แล้ว อีกทั้งยังชื่นชอบนโยบายประชารัฐ เช่น บัตรสวัสดิการรัฐ ชิม ช้อป ใช้

สรุปก็คือสถานการณ์ที่เรียกว่า “พลังเงียบเปลี่ยนไป”

เป็นความจริงทางการเมืองที่ให้ภาพความเป็นไปด้วยความเห็นของประชาชนหาใช่ว่าคิดเองปั้นแต่งเองไม่

วันนี้ต้องยอมรับว่าปัญหาต่างๆเกิดขึ้นหลายเรื่องหลายประเด็นถั่งโถมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดที่กำลังกลายเป็นเรื่องใหญ่ของสังคมประชาโลก

...

ทำท่าจะนำพาไปสู่สงครามใหญ่ที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นประเด็นอยู่ที่สหรัฐฯ-อิหร่านกำลังจะเป็นคู่กรณีตัวตั้ง

เมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯสั่งโจมตีเป้าหมายเป็นถึงผู้บัญชาการทหารของอิหร่านด้วยการสังหารจนเสียชีวิตด้วยโดรน

นั่นทำให้ผู้นำอิหร่านและชาวอิหร่านแสดงออกถึงความไม่พอใจด้วยการ “ชักธงแดง” ขึ้นเหนือประเทศ

เพื่อจะบอกว่าพร้อม “รบ” เริ่มด้วยการสั่งล่าหัว “ทรัมป์” ด้วยการลงขันของชาวอิหร่านเองไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนในทุกอณูในพื้นที่ของโลกใบนี้

จีนก็เริ่มขยับหนุนอิหร่าน อังกฤษก็ออกตัวแรงหนุนสหรัฐฯ

แม้นักวิเคราะห์จะมองในแง่ดีว่ายังไม่ถึงขั้นเปิดฉากสงครามใหญ่ เพียงแค่ปะทะกันด้วยอาวุธชุดเล็กๆเท่านั้น

แต่ต้องไม่ลืมว่าอิหร่านนั้นถือว่าไม่ธรรมดามีศักยภาพ มีอาวุธนิวเคลียร์ที่มีการพัฒนาจนถึงระดับสู้กับประเทศมหาอำนาจได้อย่างไม่น้อยหน้า

จึงประเมินต่ำไม่ได้เป็นอันขาด

ที่สำคัญอิหร่านนั้นหาใช่ว่าจะโดดเดี่ยวเดียวดาย แต่เมื่อสหรัฐฯมีพลพรรคสนับสนุน อิหร่านก็ยังมีประเทศตะวันออกกลางหลายประเทศ มีทั้งจีน มีทั้งรัสเซีย ถือหางอยู่ข้างหลัง

ประเทศเล็กอย่างไทยแม้จะอยู่ไกลจากสมรภูมิแต่คงมิอาจหลีกเลี่ยงผลกระทบไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เพราะประเทศไทยเคยมีประวัติเป็นพื้นที่ให้คู่ขัดแย้งเข้ามาซ้อมมือกันมาแล้ว

ห่วงก็แต่ “ลุงตู่” ที่เจอ “ปีชง” เข้าไปมีทั้ง “ศึกนอก-ศึกใน” รุมเร้าไปหมด.

"สายล่อฟ้า"