เทศกาลแห่งความสุขได้ผ่านพ้นไป ชีวิตเรายังต้องดำเนินต่อไป
ทุกชีวิตกลับคืนสู่โลกแห่งความเป็นจริง วันนี้ถือเป็นต้นสัปดาห์แรก ของปี 2563 ที่มนุษย์วัยทำงานอย่างเรากลับมาสู่การใช้วิถีตามปกติ เริ่มทำงานกันเต็มรูปแบบ
ขณะที่สถานการณ์การเมืองไทยตั้งเค้าร้อนแรงกันตั้งแต่ต้นปี ประเดิมคิวแรกคือ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 8-9 ม.ค.นี้ เพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ในวาระ 2-3
แต่คิวนี้น่าจะเป็นแค่ศึกโหมโรง ให้ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านอภิปรายเรียกน้ำย่อยพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะถึงศึกใหญ่ และ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ถือเป็นผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ และแน่นอนว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมกันของนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านด้วย
ยังมีอีก 2 วาระสำคัญให้ต้องห้ำหั่น คือ การเดินเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560
แค่เริ่มเปิดหัวมาก็เริ่มเห็นเกมชักเย่อกันแล้ว หลังจาก “คุณชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาให้ความเห็นปมที่มาของ ส.ว. ที่เขียนกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ กันโควตาให้ ผบ.เหล่าทัพ ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผบ.ทหารสูงสุด, ผบ.ทบ., ผบ.ทร., ผบ.ทอ. และ ผบ.ตร. มาเป็น ส.ว.โดยอัตโนมัติ
คนระดับ “ชวน หลีกภัย” จุดประเด็นนี้ขึ้นมาย่อมไม่ใช่แค่การแสดงความเห็นพื้นๆทั่วไป แต่เป็นการกระแทกเป้าเข้าโฟกัสตรงจุดสำคัญของรัฐธรรมนูญว่าด้วยหมวดที่มาของ ส.ว.
เลยได้เห็น ส.ว.ตั้งแต่หัวขบวนไล่ลงมา ดาหน้าออกมาคัดค้านกันยกใหญ่ เรียกว่า “หม้อข้าวข้า ใครห้ามแตะ” ว่างั้น บางคนผวาหนักถึงขั้นมองว่าจะเป็นการเบิกประตูนำร่องล้มกระดาน ส.ว.ทั้งคณะกันเลยทีเดียว
...
เมื่อประสานเสียงกับคนในฟากฝั่งพรรคพลังประชารัฐที่ตั้งท่าขวางลำด้วยแล้ว เห็นท่าว่ารัฐธรรมนูญฉบับ “ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” คงไม่มีทางปลดล็อกมาตรา 256 ได้ตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการ
อีกวาระสำคัญที่จะเป็นตัวชี้วัดสถานการณ์การเมืองจะร้อนแรงจริงหรือไม่ ก็คือ ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ดูรายชื่อรัฐมนตรีที่เข้าข่ายจะถูกซักฟอกที่ทางฝ่ายค้านแพลมๆ ออกมา ยังอยู่ในโหมดยุครัฐบาล คสช. ทั้งตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มือเศรษฐกิจ, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ มือกฎหมาย, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
โพยรายชื่อเหล่านี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ ต้องรอเอาไปเขย่ารวมกับของพรรคร่วมฝ่ายค้านอีก
แต่ก็เห็นทั้งตัวนายกฯประยุทธ์เอง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มือคุมความมั่นคง หรือแม้แต่ คุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พากันออกอาการขวางลำไม่ให้ซักฟอกไปถึงยุครัฐบาล คสช.
ทั้งที่จะว่ากันจริงๆ รัฐบาลชุดนี้ก็สืบทอดต่อท่อมาจากยุค คสช.นั่นแหละ อำนาจการบริหาร หรือการบังคับใช้กฎหมายพิเศษบางส่วน ก็ยังทับซ้อนกันอยู่
การจะตัดตอนห้ามพูดพาดพิงการใช้อำนาจมากว่า 5 ปีของรัฐบาล คสช. มันคงอลักเอลื่อพิกล
ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอเตือนฝ่ายค้านเช่นกัน ศึกอภิปรายครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี ที่ประชาชนอยากเห็นการตรวจสอบฝ่ายบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ว่ากันเนื้อๆเน้นๆในเนื้อหา อย่าเอาแต่ตีสำบัดสำนวน
หวังว่าผู้นำฝ่ายค้านจะไม่ใช่ “ขนมจีนไร้น้ำยา” ตามฉายาที่สื่อสภาเขาตั้งให้.
เพลิงสุริยะ