ให้เห็นชัดๆ-ไม่มีเบื้องหลัง ‘3 มิตร-สมคิด’ กุมฐาน พปชร.‘เสี่ยแฮงค์’ ขยับรองหัวหน้า

พปชร.จัดทัพใหม่เพิ่มกรรมการบริหารพรรค 17 คนรองก้น ส.ส.-แกนนำก๊กก๊วน “อนุชา-ไพบูลย์” เป็นรองหัวหน้า ด้าน “บิ๊กป้อม” อวดโลโก้พรรคใหม่เปลี่ยนรังผึ้งหกเหลี่ยมเป็นวงกลม โชว์ความสามัคคีกลมเกลียว “สนธิรัตน์” ยิ้มแก้มปริรั้งเลขาฯต่อ “สมศักดิ์” ยันศึกในจบแล้วไร้ปัญหาขบเหลี่ยม เผย “สมคิด” จับมือ “สามมิตร” ผนึกก๊วน กทม. สกัดกลุ่ม “วิรัช-สุชาติ” ดันโละ กก.บห.ยกชุดต่อยอดเขย่าเกลี่ยเก้าอี้ รมต. กล่อม “บิ๊กตู่” อย่าเสี่ยงเปลี่ยนม้ากลางศึก ผู้จัดงานโต้ประชาชนอยู่เบื้องหลังวิ่งไล่ลุง ไม่เหมือน ผบ.ทบ.ทำอะไรทีต้องมีคนอยู่เบื้องหลังตลอด จ่อส่งเทียบเชิญร่วมวง “คารม” ซัดปาก “บิ๊กแดง” เติมเชื้อไฟขัดแย้ง กมธ.กฎหมายเรียก ผบ.ตร.แจงแทรกแซงขวางจัดกิจกรรม “อนุดิษฐ์” ฉะรัฐบาลล้มเหลวชาวบ้านถึงลุกฮือ คนเชียงใหม่นัด 4 ม.ค.63 วิ่งไล่ป้า “ศรีนวล”

พรรคพลังประชารัฐประชุมใหญ่ปรับทัพใหม่ โดยมีการเพิ่มกรรมการบริหารพรรคดึง ส.ส.และแกนนำกลุ่มก๊วนการเมืองเข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรคอีก 17 คน สยบข่าวการแย่งชิงการนำของแกนนำกลุ่มต่างๆภายในพรรค โดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ยังคงเป็นเลขาธิการพรรคต่อไป ขณะเดียวกันมีการเปลี่ยนโลโก้พรรคใหม่ปรับพื้นหลังจากรูปรังผึ้งหกเหลี่ยมเป็นวงกลม สื่อถึงพลังความสามัคคีกลมเกลียวกัน

...

พปชร.ประชุมใหญ่แกนนำพรึบ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ธ.ค. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น พรรคพลังประชารัฐจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 มีแกนนำพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังและหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานและเลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่ 1 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ส.ส. รวมถึงสมาชิกพรรคจากสาขาต่างๆ ทั่วประเทศเข้าร่วม บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะนายสุริยะแม้จะป่วย แต่ได้นั่งรถเข็นมาเข้าร่วมประชุม แต่ขาดเพียงแกนนำของภาค กทม. ทั้งนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ รองหัวหน้าพรรค และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กรรมการบริหารและประธานยุทธศาสตร์ภาค กทม.ที่ไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุม

“สุริยะ” นั่งรถเข็นร่วมตั้ง กก.บห.ตัวจริง

นายสุริยะให้สัมภาษณ์ว่า สัปดาห์ก่อนลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงที่ จ.ขอนแก่น มากเกินไป จนทำให้เป็นโรคกระดูกทับเส้นประสาท แพทย์สั่งพักฟื้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แต่วันนี้ต้องมาร่วมประชุม เพราะถือว่ามีความสำคัญมาก ต้องคัดเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติม ทุกคนมีหน้าที่ติดตามการทำงานให้นโยบายหาเสียงของพรรคถูกขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม หากทำสำเร็จพรรคจะอยู่ในหัวใจประชาชน และคนที่ทำได้ต้องเป็นคนที่มีความทุ่มเท มีประสบการณ์ และต้องมีส่วนผสมทั้งนักการเมืองและนักวิชาการเข้าไปอยู่ด้วย เมื่อถามว่า การเพิ่มจำนวนคณะกรรมการบริหารพรรค จะทำให้การทำงานของซีกรัฐบาลมีเสถียรภาพมากขึ้นหรือไม่ นายสุริยะกล่าวว่าแน่นอน เพราะหลายคนจะเข้ามาช่วยแสดงความรู้ความสามารถ ผนึกกำลังขับเคลื่อนพรรคไปด้วยกัน ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า คณะกรรมการบริหารชุดนี้ ถือว่าเป็นตัวจริงแล้วใช่หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า “ถูกต้อง ถูกต้องเลยครับ”

“บิ๊กป้อม” กดปุ่ม “สนธิรัตน์” ได้ไปต่อ

นายสุริยะกล่าวอีกว่า การเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค จะไม่มีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าและเลขาธิการพรรค เพื่อให้การทำงานในส่วนของพรรคเกิดความต่อเนื่องต่อไป จริงๆตอนเลือกตั้งเข้ามา มีแกนนำหลายคนได้ช่วยเหลือกันทำให้พรรคเกิดขึ้น โดยเฉพาะนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ทุ่มเทให้กับพรรค แต่ปรากฏว่าไม่ได้เป็นรัฐมนตรีตามที่ช่วยเหลือกัน แต่ พล.อ.ประวิตร บอกเป็นประกาศิตมาแล้วให้นายสนธิรัตน์ เป็นเลขาธิการพรรคต่อไป นายอนุชาก็เห็นด้วย

“สุริยะ–สมศักดิ์” นำทีมเพิ่ม 17 กก.บห.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมเริ่มจากแจ้งให้ที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินการของพรรคที่ผ่านมา โดยนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค รายงานว่า พรรคพลังประชารัฐมีสมาชิกรวม 33,325 คน ลาออก 217 คน และมีสาขาครบทั้ง 4 ภาคตามกฎหมายกำหนด จากนั้นที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่มสัดส่วนกรรมการบริหารพรรคจากเดิม 17 คนเป็น 34 คน และเปิดให้ลงคะแนนลับเลือกเพิ่มอีก 17 คน ผู้ที่ได้รับการรับเลือก คือ 1.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 2.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 3.นายสันติ พร้อมพัฒน์ 4.นายสุพล ฟองงาม 5.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 6.นายวิรัช รัตนเศรษฐ 7.นายสุชาติ ชมกลิ่น 8.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ 9.นางประภาพร อัศวเหม 10.นายนิโรธ สุนทรเลขา 11.นายไพบูลย์ นิติตะวัน 12.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ 13.นายสกลธี ภัททิยกุล 14.นายไผ่ ลิกค์ 15.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ 16.นายสุรชาติ ศรีบุศกร 17.นายนิพันธ์ ศิริธร

“อนุชา-ไพบูลย์” เป็นรองหัวหน้า

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมพรรค ว่า มติที่ประชุมได้ตั้งนายอนุชา นาคาศัย และนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นรองหัวหน้าพรรคเพิ่ม 2 คน เพื่อให้ช่วยงานหัวหน้าพรรคที่มีมาก ที่ประชุมยังไม่ได้หารือถึงการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ส่วนข่าวที่ปรากฏก่อนหน้าว่าพรรคจะปรับเปลี่ยนไม่รู้สึกแปลกใจ เข้าใจว่าเป็นเพียงข่าวและความเห็นที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ผลการประชุมไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่มีแกนนำกลุ่มสามมิตร อาทิ นายสมศักดิ์ นายสุริยะ เข้ามามีตำแหน่งบริหารไม่ใช่สยบประเด็นการแบ่งขั้วหรือแบ่งก๊ก แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นคือพรรคพลังประชารัฐคือพลังสามัคคี ความเห็นต่างที่เกิดขึ้นถือเป็นปกติ แต่พอถึงเวลาทำงานคือมองทางเดียวกัน และร่วมกันทำงาน

แก้โลโก้พรรคกลมเกลียวสามัคคี

นายอุตตมกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของคณะกรรมการบริหารพรรค มีตัวแทนจากทุกภาค แกนนำของพรรคที่อยู่ในภาคต่างๆ เข้ามาร่วมกันทำงาน ตนคิดว่าทำการประสานงานและการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะได้ใช้ศักยภาพของบุคลากรภายในพรรคที่มี หลังจากนี้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะหารือประสานงานยึดโยงงานในพื้นที่ ตามยุทธศาสตร์และนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะแกนนำรัฐบาลเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติให้ปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ตรงพื้นหลัง จากเดิมใช้รูปหกเหลี่ยมสีธงชาติ ไปเป็นรูปวงกลมแต่คงสีสันเหมือนเดิม แสดงถึงความกลมเกลียวสามัคคีและพลังของคนในพรรค

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับเปลี่ยนโลโก้พรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้พรรคมีความกลมเกลียวเพิ่มมากขึ้นใช่หรือไม่ว่า ใช่ๆ พร้อมกับจับอกเสื้อแจ็กเกต ปักโลโก้ใหม่ของพรรคโชว์ให้สื่อมวลชนดู

“สนธิรัตน์” ปลื้มสมาชิกยังไว้ใจ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า นับจากนี้พรรคพลังประชารัฐจะมีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น จากการปรับเพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการบริหารพรรคเป็น 34 คน เปิดโอกาสกว้างให้ ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อที่เป็นตัวแทนของประชาชนในแต่ละกลุ่มก้อนทางสังคม ได้เข้ามามีส่วนร่วมกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนของพรรคให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานยุทธศาสตร์พรรค และสมาชิกพรรคทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจต่อการทำหน้าที่เลขาธิการพรรค
โดยมั่นใจว่าในปี 2563 พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเดินหน้าบริหารประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยความร่วมมือร่วมแรงของทุกคน สอดคล้องกับโลโก้พรรคที่ปรับเหลี่ยมมุม โดยใช้ลายเส้นที่เป็นวงกลมมาแทนที่ เปรียบเสมือนความกลมเกลียวของรัฐบาลและประเทศไทยที่เปี่ยมไปด้วยความสามัคคี

“สมศักดิ์” ชี้ปรับตามสถานการณ์

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการเพิ่มกรรมการบริหารพรรค ว่า ตามแนวนโยบายแล้ว ถ้ามี ส.ส.เข้าไปเป็นกรรมการบริหารพรรค จะเป็นผลดี เพราะจะได้นำนโยบายไปสู่ประชาชน และนำปัญหาของประชาชนมาสู่พรรคได้ เมื่อถามว่าขณะนี้ถือว่าเกลี่ยตำแหน่งสำคัญๆภายในพรรคลงตัวแล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เกลี่ยแล้ว การปรับกรรมการบริหารพรรคเป็น 34 คน ถือเป็นการปรับตามสถานการณ์ เวลาและความจำเป็นในการ บริหารที่พรรคจะต้องไปกำกับนโยบายของรัฐบาล ในอนาคตอาจจะเพิ่มขึ้นไปอีกได้ เพราะยังเพิ่มได้ตามข้อบังคับพรรค

ปรับโลโก้รังผึ้งเป็นลูกโลกดูยิ่งใหญ่

เมื่อถามว่าจากนี้ไปในพรรคจะไม่มีปัญหาความไม่เข้าใจกันแล้วใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ยอมรับว่าใช่ ความจริงเมื่อก่อนเข้าใจกันดี ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสื่อช่วยพวกเราสร้างบทบาทให้มีความโดดเด่นขึ้นมา เมื่อถามว่าจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องเปลี่ยนโลโก้พรรคเพื่อลบภาพความขัดแย้งใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า จากรังผึ้งเปลี่ยนมาเป็นลูกโลกที่มีความใหญ่ขึ้น เป็นพระจันทร์เป็นพระอาทิตย์ มีประเทศไทย สีธงชาติ ดูยิ่งใหญ่

แกนนำ กทม.หายแสดงว่าไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่าการปรับกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้เป็นการปรับเพื่อรองรับการเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เป็นการเตรียมการบริหารงานเพื่อทำให้ประชาชนได้รับผลที่เป็นเชิงบวกมากขึ้น เมื่อถามถึงการประชุมใหญ่วันนี้ไม่มีแกนนำภาค กทม.มาร่วมด้วย มีปัญหาอะไรหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่มีบางคนมา ส่วนบางท่านที่ไม่มาอาจคิดว่าไม่เป็นไร เพราะคิดว่าหลายนโยบาย กทม.ทำได้ดีอยู่แล้ว จึงคิดว่าไม่เป็นไรถ้าไม่มาร่วมประชุม เขาอาจคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร คนที่ไม่มาแสดงว่าไม่มีปัญหา เมื่อถามว่าแม้จะเปลี่ยนโลโก้แล้ว แต่ความเป็นกลุ่มก้อนในพรรคยังมีอยู่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า “ที่ไหนก็เป็นกลุ่มเป็นก้อนทั้งนั้น เป็นธรรมดาอยู่แล้ว หัวหน้ากลุ่มจะรับแนวนโยบายไปปฏิบัติ และจะทำให้งานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อหัวหน้าพรรคสั่งอะไรมาปุ๊บจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันหมด”

4 กุมารจับมือ 3 มิตรบล็อกเกมเขย่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการเดินเกมเขย่าปรับฐานอำนาจภายในพรรคพลังประชารัฐจากฝั่งกลุ่มนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ที่เสนอให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และประธานยุทธศาสตร์พรรค รื้อโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคใหม่ทั้งชุด โดยผลักดันเสนอชื่อนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรคแทน จนเกิดแรงกระเพื่อม ทั้งภายในพรรคและที่ทำเนียบรัฐบาล ทำให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯต้องออกหน้าพานายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าพูดคุยกับนายกฯคัดค้านการเปลี่ยนตัว และรื้อกรรมการบริหารพรรคยกชุด ซึ่งนายกฯเห็นด้วยไม่อยากให้เปลี่ยนตัวกลางคันท่ามกลางสถานการณ์การเมืองเวลานี้เหมือนเปลี่ยนม้ากลางศึก โดยได้ประสานกับกลุ่ม กทม.อีกกลุ่มให้ร่วมกันคัดค้านด้วย และก่อนประชุมใหญ่เพียง 1 วัน นายสมคิดยังเรียกนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรค นายอุตตม นายสนธิรัตน์ เข้าหารือโดยยกข้อบังคับพรรคยืนยันจะเปลี่ยนทั้งชุดไม่ได้ นอกจากกรรมการบริหาร พรรคจะลาออกทั้งคณะ ทำให้ความพยายามจะโละกรรมการบริหารใหม่หมด เพื่อนำไปสู่แผนเขย่าขอปรับ ครม.เกลี่ยตำแหน่งรัฐมนตรีในอนาคตสะดุดหยุดลง และในที่สุดนายสนธิรัตน์ยังคงเหนียวหนึบรั้งเก้าอี้เลขาธิการพรรค

“สามมิตร-สมคิด” ยังกุมเสียงแน่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการบริหารพรรคทั้ง 34 คน พบว่ากลุ่มสามมิตรรวมกับกลุ่มนายสมคิด ยังมีเสียงมากสุด 15 คน ได้แก่ 1.นายอุตตม สาวนายน 2.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ 3.นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ 4.นายอนุชา นาคาศัย 5.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ 6.นายวิเชียร ชวลิต 7.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 8.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ 9.นายชวน ชูจันทร์ 10.นายสันติ พร้อมพัฒน์ 11.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล 12.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 13.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน 14.นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ 15.นายสุรชาติ ศรีบุษกร กลุ่ม กทม.มี 5 คน 1.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 2.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 3.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 4.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 5.นายสกลธี ภัททิยกุล ขณะที่กลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น หรือเสี่ยเฮ้ง และกลุ่มโคราชของนายวิรัช รัตนเศรษฐ มี 4 คน คือ 1.นายวิรัช รัตนเศรษฐ 2.นายสุชาติ ชมกลิ่น 3.นายนิโรธ สุนทรเลขา 4.นายสัมพันธ์ แทนทรัพย์ ขณะที่กลุ่มผู้กองธรรมนัส มี 4 คนเช่นกัน คือ 1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 2.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ 3.นายไผ่ ลิกค์ 4.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส่วนกลุ่มตัวแทนก๊กอื่นๆ และภาค 1.นายอิทธิพล คุณปลื้ม กลุ่มชลบุรี 2.นางประภาพร อัศวเหม กลุ่มปากน้ำ 3.นายสุพล ฟองงาม กลุ่มอุบลราชธานี 4.นายนิพันธ์ ศิริธร กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ 5.นายไพบูลย์ นิติตะวัน 6.นายสันติ พร้อมพัฒน์ กลุ่มเพชรบูรณ์ เมื่อรวมแล้วสัดส่วนกลุ่มสามมิตรและนายสมคิดผนึกกำลังกับกลุ่ม กทม.มีถึง 20 เสียง มากกว่ากลุ่มของนายวิรัชกับนายสุชาติ ทำให้ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงขุมอำนาจในพรรคได้

ผู้จัดงานโต้ ปชช.อยู่เบื้องหลังวิ่งไล่ลุง

ส่วนการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 12 ม.ค.63 ที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาระบุว่ามีบางกลุ่มบางพวกวิ่งแบบมีนัยแอบแฝง วันเดียวกัน นายธนวัฒน์ วงศ์ไชย นิสิตคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้จัดงานวิ่งไล่ลุง กล่าวว่า กรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อเหมือนกับว่าการจัดงานวิ่งไล่ลุงมีคนอยู่เบื้องหลังนั้น ขอบอกว่าวิ่งไล่ลุงมีคนอยู่เบื้องหลัง ตามที่ท่านเข้าใจจริงนั่นคือประชาชน เพราะแม้ว่าจะประกาศเชิญชวนให้คนที่มาร่วมลงทะเบียนวิ่งฟรี แต่มีการเก็บค่าใช้จ่ายในส่วนของคนอยากซื้อเสื้อ ซื้อเหรียญวิ่งไล่ลุง เงินที่ได้มาส่วนนี้จะมาเป็นท่อน้ำเลี้ยงของเราในการจัดกิจกรรมครั้งต่อๆไป

ส่งเทียบเชิญ “บิ๊กแดง” ร่วมให้เห็นกับตา

นายธนวัฒน์กล่าวอีกว่า เงินรายได้จากการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ไม่ได้มาจากเงินในกระเป๋าของนักการเมือง หรือพรรคการเมืองพรรคใด เหมือนกับที่ ผบ.ทบ.ละเมอเพ้อพก และเพื่อให้ ผบ.ทบ.ได้เห็นด้วยตาตัวเองทางผู้จัดงานวิ่งไล่ลุงตัดสินใจว่าช่วงต้นเดือน ม.ค.63 จะส่งหนังสือไปที่กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อขอเชิญให้ท่าน ผบ.ทบ.มาร่วมวิ่งกับเราด้วย จะได้เข้าใจเสียทีว่าเบื้องหลังของนักศึกษาคือใคร

สวน ผบ.ทบ.ทำอะไรก็มีคนอยู่เบื้องหลัง

“เราไม่เหมือนท่าน ผบ.ทบ.ที่จะออกมาทำอะไรที ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังตลอด นักศึกษาเราคิดเองทำเองได้ แต่การทำหนังสือเชิญให้ท่านมาร่วมวิ่งด้วยนั้น คงจะต้องเชิญเป็นคนท้ายๆ เนื่องจากต้องไปเชิญนักการเมืองตัวแทนพรรคต่างๆ รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาร่วมก่อน ยืนยันว่าอยากให้ท่านมาวิ่งด้วยกันจริงๆ ไม่ได้ประชด เห็น ผบ.ทบ.เองท้าให้มาวิ่งแข่งกับท่านอยู่ ถ้าไม่มาแสดงว่า ผบ.ทบ.เหมือนทุกครั้งที่ตอนแรกออกมาด่าๆแล้วสุดท้ายบอกไม่ได้พูดถึงใคร หรือถ้ามีความกล้าหาญน่าบอกไปเลยใครอยู่เบื้องหลังเรา ถ้า Proxy crisis ที่ท่านว่าหมายถึงประชาชนอยู่เบื้องหลังวิ่งไล่ลุงนั้นถูกต้อง แต่ถ้าหมายถึงพรรคการเมืองหรือนักการเมืองอยู่เบื้องหลังนั้นไม่จริง” นายธนวัฒน์กล่าว

“คารม” ซัด “บิ๊กแดง” เติมเชื้อไฟขัดแย้ง

นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ออกมาแสดงความเห็นว่าการจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” มีคนคอยกำกับอยู่เบื้องหลัง เพื่อใช้ต่อสู้กับรัฐ เป็นภาวะ Proxy Crisis ว่า คิดว่าในฐานะ พล.อ.อภิรัชต์ เป็นผู้ใหญ่ เป็นผู้นำของบ้านเมือง สถานการณ์การเมืองแบบนี้ ไม่ควรออกมาพูดในลักษณะดังกล่าว เพราะสิ่งที่ท่านพูดออกมามีข้อเท็จจริงหรือข้อมูลจริงหรือไม่ ไม่ควรกล่าวหาว่าใครอยู่เบื้องหลัง การพูดเช่นนี้เจตนาคืออะไร ในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำกองทัพ การพูดแบบนี้เหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟความขัดแย้ง หลายครั้งที่ท่านออกมาพูดคิดว่าไม่ค่อยเหมาะสม ท่านควรจะพูดถึงแนวทางแก้ไขปัญหา แนะนำให้คนทำตามระบบและระเบียบของสังคม ไม่ใช่พูดให้เกิดความขัดแย้ง แบบนี้จะดูหล่อและสมฐานะกว่า กิจกรรมวิ่งไล่ลุงเป็นการบอกต่อกันผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย ที่วันนี้โลกออนไลน์มีการกระจายตัวไปอย่างรวดเร็ว ที่ท่านกล่าวหาว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเป็นการพาดพิงใครหรือไม่

ม็อบต้านผุดเพราะรัฐบาลทำตัวเอง

นายคารมกล่าวอีกว่า การที่จะเกิดม็อบต่อต้านรัฐบาล วันนี้ไม่ง่ายที่จะชักจูงคนออกมาร่วม เพราะมีกฎหมายควบคุมเข้มข้น และต้องใช้ทุนจำนวนมาก ที่ผ่านมาม็อบใหญ่ๆเกิดจากสถานการณ์บางอย่างที่คนมาร่วมมีจุดหมายเดียวกัน ต้องการการเปลี่ยนแปลงและมีผู้นำที่ดี แต่วันนี้ยังยากที่จะเกิดได้ หากวันนี้จะเกิดม็อบได้ อยู่ที่ปัญหาเศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำทางกฎหมายและสังคม และการทำตัวของรัฐบาลเท่านั้น หากรัฐบาลบริหารบ้านเมืองได้ดี ใส่ใจประชาชน ม็อบต่อต้านจะเกิดขึ้นได้ยาก รัฐบาลควรเอาใจใส่ประชาชนที่วันนี้หลายคน หลายพื้นที่อดอยากไม่ใช่ไปจัดงานกินเลี้ยง แสดงออกถึงความสุข เหมือนไม่เห็นหัวประชาชน ทั้งนี้ กิจกรรมวิ่งไล่ลุงไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง และพรรคอนาคตใหม่ไม่ต้องการให้เกิดม็อบ เราเน้นการทำงานในระบบรัฐสภาเป็นหลัก

กมธ.เรียก ผบ.ตร.แจงแทรกแซงวิ่งไล่ลุง

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษกกรรมาธิการกฎหมายกระบวนการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงกรณีที่นายธนวัฒน์ วงค์ไชย นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกนนำจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงระบุมีเจ้าหน้าที่ นอกเครื่องแบบติดตามกดดันไม่ให้จัดงานวิ่งไล่ลุงว่า เบื้องต้นได้สอบถามนายธนวัฒน์แล้ว แต่นายธนวัฒน์ไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยใด ดังนั้น กมธ.จะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาอีกครั้ง โดยมีมติเชิญเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องมาเข้าชี้แจงใหม่ในวันที่ 25 ธ.ค. หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐประสานงานมาว่ายังไม่สะดวกที่จะเข้าชี้แจงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหน่วยงานที่ กมธ.เชิญมาชี้แจงประกอบด้วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลุมพินีคนใหม่ และคนเก่าที่เพิ่งย้ายไป รวมถึงตัวผู้ที่ร้องเรียน เนื่องจากเป็นประเด็นที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้อำนาจจนกระทบสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ จะสอบถามรายละเอียดทั้งหมดตามที่นายธนวัฒน์ยื่นร้องมา แต่ยังไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่ กมธ.เชิญจะมาเองหรือว่าจะส่งตัวแทนเข้าชี้แจงต่อคณะ กมธ.

“อนุดิษฐ์” ฉะ รบ.เหลว ปชช.ถึงลุกฮือ

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาระบุว่าขณะนี้มีวิกฤติตัวแทน (Proxy crisis) มีผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวต่างๆว่า สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์พูดเป็นการพูดจากข้อมูลของตัวท่าน เชื่อได้ว่าเป็นข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงเพราะดูแลอยู่ แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัวเชื่อว่าการแสดงออกทางการเมืองขณะนี้ไม่น่าจะมีใครอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น แต่น่าจะเกิดจากการบริหารประเทศที่ล้มเหลวของรัฐบาลส่งผลให้คนส่วนใหญ่ของประเทศอดอยากยากจนไร้ที่พึ่ง จึงเกิดการแสดงออกเพื่อสะท้อนความต้องการของประชาชนไปสู่ผู้มีอำนาจให้แก้ไขปัญหาต่างๆ เพราะตัวแทนที่เขาเลือกมาไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่บริหารประเทศด้วยกลไกรัฐธรรมนูญ แต่กลับกลายเป็นฝ่ายรัฐประหารที่ใช้ช่องว่างดังกล่าวสืบทอดอำนาจกลับเข้ามาบริหารประเทศอีกครั้ง แต่ไม่สามารถบริหารประเทศให้ดีขึ้นได้

พท.ถก “กรุงเทพฯปลอดภัย ใครช่วยได้”

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย จัดเสวนา “กรุงเทพฯปลอดภัย ใครช่วยได้” โดยนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานเปิดงาน มีประชาชนชาวกรุงเทพฯเข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยนายเกรียงไกล จุ่มเจริญ นักสังคมสงเคราะห์ชำนาญการ กทม. กล่าวว่า ปัญหายาเสพติดใน กทม.ยังไม่น่าไว้วางใจต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอด เพราะ กทม.ยังเป็นพื้นที่พักยาเสพติด เพื่อรอกระจายไปยังพื้นที่อื่น นางจันทร์เพ็ญ จิตรวิวัฒน์ ผอ.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กทม. กล่าวว่า ป.ป.ส.มีระบบเฝ้าระวังและดำเนินการจากการเก็บสถิติพบว่าราคายาเสพติดลดลง เช่น ยาบ้าเหลือเม็ดละ 20 บาท เพราะคนเริ่มเบื่อยาบ้าจึงแข่งขันราคาลดลง ปัจจุบันการซื้อขายง่ายขึ้น เช่น ขนส่งทางไปรษณีย์และสั่งทางออนไลน์ ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาต่อยอดมาจากเรื่องอื่นๆ บางพื้นที่ต้องอาศัยการข่าวเป็นผู้แจ้งให้เข้าไปแก้ปัญหา ป.ป.ส.อยากให้ประชาชนช่วยกันแจ้งและให้ข้อมูล เพื่อนำเข้าบำบัดอย่างถูกต้องโดยไม่มีประวัติ

ฝ่ายค้านถกซักฟอกหลังปีใหม่

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ที่พรรคเพื่อไทยเปิดรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายมาแล้ว 5 ชื่อในส่วนของพรรคประชาชาติจะยื่นอภิปรายรัฐมนตรีท่านใดบ้างว่า ขณะนี้ 7 พรรคฝ่ายค้านยังไม่ได้พูดคุยเรื่องตัวบุคคลที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเป็นทางการ แต่ส่วนตัวเห็นว่าการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหมในช่วงที่ผ่านมา มีประชาชนเสียโอกาสจากการบริหาร และมีหลายประการที่ดูว่าอาจเข้าข่ายทุจริตเชิงนโยบาย แต่ละพรรคมีข้อมูลของตัวเองอยู่ในมือ ดังนั้นสัปดาห์แรกหลังปีใหม่ทั้ง 7 พรรคจะนำข้อมูลของแต่ละพรรคมาพูดคุยกันอีกครั้ง เพื่อกำหนดแนวทางยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไป

“วันชัย” จี้เลิกโยนบาป ส.ว.ขวางแก้ รธน.

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองระบุ ส.ว.ขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะจะแก้ไขอำนาจ ส.ว. และการโหวตนายกฯว่าอะไรเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ส.ว.250 คน คงไม่มีใครขวางแน่ อย่าโยนบาปหรือความเกลียดชังมาให้ ส.ว.ว่า ส.ว.เป็นติ่งเป็นส่วนเกิน รัฐธรรมนูญให้มี ส.ว. 250 คน เพื่อทำภารกิจเฉพาะกาลในระยะเปลี่ยนผ่าน ไม่มีใครยึดติดตำแหน่ง ส.ว. ไม่ได้มารักษาอำนาจให้ใคร รัฐธรรมนูญให้มาหนุนการทำงานเพื่อประเทศ มารักษาเสถียรภาพความมั่นคงทางการเมืองให้เดินไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ต้องการให้การเมืองกลับไปวังวนเดิม ใช้เงินสร้างอำนาจแล้วโกงกินทุจริต หาเงินไปรักษาอำนาจ ในที่สุดก็ชุมนุมประท้วงขับไล่ ปฏิวัติรัฐประหาร วงจรอุบาทว์ทั้งนั้น จึงออกแบบให้ถ่วงดุลกันทั้งสองสภาฯ มี ผบ. เหล่าทัพอยู่ในสภาฯได้รู้ได้เห็นแก้ปัญหาในสภาฯจะได้เลิกปฏิวัติรัฐประหาร ทุกคนยืนยันว่าจะเป็นหรือไม่เป็น ส.ว.ถ้าบ้านเมืองเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าทุกคนพร้อมเสียสละ เรื่องตำแหน่งเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องประเทศและประชาชนยิ่งใหญ่กว่า

อนค.ไม่สอบ “ธัญวัจน์” ได้บทเรียนแล้ว

อีกเรื่อง พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมการตรวจสอบวินัยและจริยธรรมพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่กระแสสังคมวิจารณ์ชาย 2 คนจูบกันในรัฐสภา หลังการแถลงข่าว และมีภาพปรากฏว่า นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ ยืนกำกับและนับถอยหลังให้ชายทั้งสองคนจูบปากว่า เรื่องนี้ทางพรรคคงไม่ต้องเรียกนายธัญวัจน์มาสอบเรื่องจริยธรรม เพราะไม่ได้ทำให้พรรคเสียหาย แต่อาจจะมีพูดคุยกันบ้าง สิ่งที่นายธัญวัจน์ทำเขาได้รับกระแสตีกลับจากสังคมไปแล้ว เขาต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไปด้วยตัวเอง เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่จะทำอะไรคราวหน้าคราวหลังต้องคิดให้รอบคอบ

จัดฉากจูบในสภาฯเกินไปคนรับไม่ได้

รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอีกว่าเรื่องการกอดจูบในต่างประเทศอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่ในประเทศไทยด้วยวัฒนธรรมและประเพณีทำให้มองเรื่องนี้แปลกประหลาด และการจะทำอะไรต้องคิดให้ดี อย่าให้มากจนเกินไปจนคนอื่นรับไม่ได้ ต้องมีจุดกึ่งกลางที่เหมาะสม กรณีนี้คิดว่ากลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBT) อาจจะอยากต้องการแสดงออกให้สังคมรับรู้ เหมือนนางร้ายในละครที่ต้องเด่นแย่งซีนจากนางเอก เพราะถูกกดทับจากสังคมมานาน แต่ด้วยอารมณ์ที่แสดงออกมามันมากจนเกินไป

“วราวุธ–จุรินทร์” ติดโผ รมต.ใจดี

วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซุปเปอร์โพล เผยผลสำรวจ เรื่อง จัดอันดับรัฐมนตรี วัดคนอนาคตใหม่จาก 1,010 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 16-20 ธ.ค. โดยสอบถามถึงรัฐมนตรีที่ใจดี เรียบง่าย ไม่มีพิษ ไม่มีภัย ทำงานเก่ง มุ่งช่วยเหลือเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย พบว่าอันดับที่ 1 ได้แก่ นายวราวุธ ศิลปอาชา ร้อยละ 23.1 อันดับ 2 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 21.9 อันดับ 3 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 15.2 อันดับ 4 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 10.7 อันดับ 5 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 8.0 อันดับ 6 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ร้อยละ 7.5 อันดับ 7 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ร้อยละ 5.5 อันดับ 8 นายอุตตม สาวนายน ร้อยละ 5.0 ส่วนรัฐมนตรีที่ทำตามสัญญาช่วงเลือกตั้งมากที่สุด อันดับ 1 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ร้อยละ 22.8 อันดับ 2 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ร้อยละ 18.1 อันดับ 3 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 17.5 อันดับ 4 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 11.1 อันดับ 5 นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ร้อยละ 9.5 อันดับ 6 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร้อยละ 9.1 อันดับ 7 นายอุตตม สาวนายน ร้อยละ 4.0 อันดับ 8 นายวราวุธ ศิลปอาชา ร้อยละ 3.4

“ปิยบุตร” เรตติ้งดีเหนือ “ธนาธร”

เมื่อถามถึงคนที่ประชาชนนิยมชื่นชอบในพรรคอนาคตใหม่ ร้อยละ 36.8 ระบุ นายปิยบุตร แสงกนกกุล รองลงมาคือคนอื่นๆ เช่น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ร้อยละ 29.8 ขณะที่ 1 ใน 3 หรือร้อยละ 33.4 ไม่ชื่นชอบใครเลย เมื่อถามถึงผลลัพธ์ของพรรคอนาคตใหม่ ที่มีการขับไล่ 4 ส.ส.ของพรรคออกจากพรรค ชักชวนให้คนลงถนน ถูก กกต.ยื่นเรื่องให้ยุบพรรค เหล่านี้จะทำให้พรรคอนาคตใหม่เป็นอย่างไร กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 40.2 ระบุว่าอยู่ยาก ร้อยละ 31.3 อยู่ไม่เป็น และร้อยละ 28.5 ระบุว่าอยู่เป็น

คนเชียงใหม่นัด 4 ม.ค. วิ่งไล่ “ป้าศรี”

ส่วนความเคลื่อนไหวของชาว จ.เชียงใหม่ ที่แสดงความไม่พอใจ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ ที่ทำตัวเป็น ส.ส.งูเห่า และถูกขับออกจากพรรคอนาคตใหม่ วันเดียวกันมีชาวบ้านออกเชิญชวนประชาชนที่เดินอยู่ในตลาดทุ่งฟ้าบด ตลาดค้าวัว อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ออกมา “วิ่งไล่ป้าศรี” วันที่ 4 ม.ค.63 เวลา 06.00 น. ขณะเดียวกันระหว่างเชิญชวนชาวบ้าน มีการแจกจ่ายปฏิทินสวัสดีปีใหม่ 2563 เป็นภาพคู่ของนายทักษิณ ชินวัตร กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองพี่น้องอดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมคำอวยพรของทั้งคู่

แจกปฏิทิน “ทักษิณ–ปู” อวยพรปีใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำอวยพรของนายทักษิณบนปฏิทิน เป็นตัวอักษรเขียนด้วยลายมือมีข้อความว่า “สวัสดีปีใหม่ 2563 ปีนี้เศรษฐกิจจะไม่ดี ผมขอฝากกำลังใจมายังพี่น้องทุกคน ให้ฝ่าฟันให้ผ่านพ้นไปได้ สำคัญที่สุดคือสุขภาพและความรักความเข้าใจกันในครอบครัว อย่าสร้างหนี้ใหม่โดยไม่จำเป็น ผมและครอบครัวเคยผ่านภาวะแบบนี้มาแล้ว จึงขอฝากกำลังใจมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ด้วยความรักและห่วงใย” ส่วนคำอวยพร น.ส.ยิ่งลักษณ์ เขียนด้วยลายมือเช่นกันว่า “สวัสดีปีใหม่ 2563 ค่ะ ปีใหม่ปีนี้ ดิฉันขอส่งมอบความสุขและความห่วงใย มายังพี่น้องประชาชนชาวไทย ให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ สามารถก้าวพ้น ปัญหาอุปสรรคต่างๆไปได้ ขอให้เจริญรุ่งเรืองในทุกสาขาอาชีพ มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรงนะคะ ด้วยความรักและคิดถึงเสมอค่ะ”

“ช่อ” เปิดเวทีเรียกร้องแก้ รธน.

ที่ศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ จ.อุตรดิตถ์ ซอยเอื้อประเสริฐ อ.เมืองอุตรดิตถ์ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และนายปัณณวัฒน์ นาคมูล หัวหน้าคณะทำงานพรรคอนาคตใหม่ จ.อุตรดิตถ์ ร่วมเปิดเวทีปราศรัยในโอกาสครบรอบ 1 ปีการเปิดศูนย์ประสานงานพรรคอนาคตใหม่ โดย น.ส.พรรณิการ์ขอให้ชาวอุตรดิตถ์รณรงค์ออกมามีส่วนร่วม เรียกร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและให้สนับสนุนการเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร มีประชาชนมาร่วมฟังกว่า 500 คน หลังปราศรัยเสร็จ น.ส.พรรณิการ์และคณะได้เยี่ยมพบปะประชาชนในตลาดนัดบ้านวังยาง และตลาดเทศบาล 5 หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ด้วย

ส่งมอบหีบบัตร ลต.ซ่อมขอนแก่น

สำหรับการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 7 ขอนแก่น ในวันที่ 22 ธ.ค. สายวันเดียวกัน ที่หอประชุมที่ว่าการ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการมอบหีบบัตรและวัสดุอุปกรณ์เลือกตั้งให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งทั้ง 118 หน่วยเลือกตั้งใน 8 ตำบลของ อ.มัญจาคีรี ตามแผนการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ซึ่งมีผู้สมัครทั้งหมด 4 คน คือ นายธนิก มาสีพิทักษ์ จากพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 นายสมศักดิ์ คุณเงิน จากพรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 2 พ.ต.อ.กิตติกูร กาญจนสกุล จากพรรคเสรีรวมไทย หมายเลข 3 และนายสุทัศน์ ผลบุญ จากพรรคพัฒนาชาติ หมายเลข 4 นายฉัตรไชยเผยว่า ทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบเหตุผิดปกติแต่อย่างใด ได้ส่งมอบหีบบัตรและวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้งทั้ง 271 หน่วยเลือกตั้งใน 2 อำเภอของเขตเลือกตั้งที่ 7 คือ อ.มัญจาคีรี 118 หน่วยเลือกตั้ง และ อ.หนองเรือ 153 หน่วยเลือกตั้ง