นั่งเลขาต่อ ปธ.วิปด้วย "ชวน" เตือนต่อมสํานึกคนในสภา บิ๊กป๊อกติดโผซักฟอก!

“ชวน” เชื่อ “มุกดา” ไม่มีเอี่ยวฉากจูบกลางสภา กรีดยับคนไม่รู้สำนึก อะไรควรไม่ควร ระเบียบไม่สำคัญเท่าสำนึกความรับผิดชอบของคน “ป้อม” ย้ำไม่โละ “สนธิรัตน์-วิรัช” ลั่น “ผมยังอยู่” เสียงในสภาฯไม่มีปัญหา 3 หัวหอก พปชร.ดอดพบ “สมคิด” “อุตตม” โวโซฟาแม่บ้าน พปชร.แน่นปึ้ก “สนธิรัตน์” ถึงกับยิ้มระรื่นใส่สื่อ “สุริยะ-สมศักดิ์-ธรรมนัส-วิรัช-ไพบูลย์” นั่ง กก.บห. “กวินนาถ” ฟุ้ง มีคนจีบเพียบ พลังชลขอแจมดูด 3 งูเห่าด้วย คนเชียงใหม่ยังฮือไล่ “ศรีนวล” ไม่เลิก “เหลิม” เพิ่ม “บิ๊กป๊อก” เข้าบัญชีซักฟอก “บิ๊กแดง” จุดพลุ “Proxy crisis” กระพือมีคนอยู่เบื้องหลัง “วิ่งไล่ลุง” “พงศกร” ฉะให้ร้ายพลัง นศ.บริสุทธิ์ พท.ท้าแน่จริงเปิดชื่อมาเลย “หมวดเจี๊ยบ” ซัดใช้กองทัพค้ำยันรัฐบาล พท.จับมือ ภท.ชงสอบสร้างสภาฯ ปชป.ส่อร้าวหนัก “วิลาศ” ฉุนขาดชื่อหลุดได้ไง โพลชี้คนวิตกปัญหาปากท้อง

หลังเกิดภาพฉาวกลุ่มเพศเดียวกันโชว์จูบภายในอาคารรัฐสภา ระหว่างการแถลงข่าวเรียกร้องในเรื่องความหลากหลายทางเพศ จนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งให้มีการสอบสวนเรื่องดังกล่าว ล่าสุดนายชวนระบุว่าถึงแม้จะมีระเบียบอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ความสำนึกและความรับผิดชอบของคนมากกว่า

...

“ชวน” เชื่อ “มุกดา” ไม่เอี่ยวฉากจูบ

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงกรณีเกิดเหตุการณ์จูบกันภายในอาคารรัฐสภาระหว่างการแถลงข่าวเรียกร้องในเรื่องความหลากหลายทางเพศ ว่า เรื่องมีระเบียบอยู่แล้ว แต่ระเบียบไม่สำคัญเท่ากับความสำนึกและความรับผิดชอบ กรณีที่เกิดขึ้นมาจากคนในเอง คนนอกไม่มีทางเข้ามาได้ ถ้าคนในไม่ได้วางแผนร่วมมือด้วย นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เข้ามาชี้แจงเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.เชื่อว่านางมุกดาไม่ได้เป็นคนที่จะทำอย่างนั้น แต่ยอมรับว่าอาจเป็นคนในกรรมาธิการฯกันเองที่เตรียมกันมา

กรีดคนไม่รู้สำนึกควรไม่ควร

นายชวนกล่าวต่อว่า เรื่องระเบียบก็ปรับปรุงให้ทันกับเหตุการณ์ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าคนไม่รับผิดชอบ คนไม่สำนึกในสิ่งที่ควรหรือไม่ควร ระเบียบออกมาอย่างไรก็ควบคุมคนประเภทนั้นได้ยาก เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้วถือว่าเป็นบทเรียนที่ กมธ.ชุดอื่นๆต้องระวัง เพราะอาจมีคนที่ตั้งใจ หรือคนในเราเองที่ตั้งใจสร้างข่าวขึ้นมา “ภาพไม่ดีเลย ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนโทรศัพท์มาว่าขณะที่ด้านหนึ่งพยายามสร้างมาตรฐานให้ดีขึ้น แต่ยังหนีไม่พ้นมีคนบางกลุ่มพยายามทำให้ภาพสภาเสียหาย โดยอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือไปคิดเอาเองว่าเรื่องนี้เหมาะสม แต่จริงๆแล้วใครก็รับไม่ได้ เชื่อว่าข่าวที่ออกมาจะทำให้ กมธ.หลายคณะระวังกันมากขึ้น ถ้าเราอ่านระเบียบและยึดตามนั้นปัญหาจะน้อยลง คนในอย่าไปเอาสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของเรามาใช้ทุกเรื่อง เพราะบางเรื่องก็ไม่เหมาะกับประเทศเรา ความเป็นอิสระ ส.ส.ก็เป็นประโยชน์ เพราะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่คนที่มีความรับผิดชอบจะรู้ว่าในเมื่อเขามีสิทธิก็ต้องมีหน้าที่ด้วย ตรงนี้คือปัญหาของประเทศเราด้วย ไม่ใช่แค่ปัญหาภายในสภา เราต้องฝึกคนของเราให้รู้จักหน้าที่เพื่อให้เกิดความรับผิดชอบควบคู่กันไป”

“ป้อม” ย้ำไม่โละเลขาฯ–ปธ.วิป รบ.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐ ท่ามกลางกระแสข่าวอาจปรับเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคใหม่ว่า ต้องแล้วแต่สมาชิกพรรค แต่เขาทำงานได้ก็โอเค ไม่มีอะไร ที่ผ่านมาไม่มีการจะเปลี่ยนอะไรเลย และตนไม่จำเป็นต้องให้แนวทางอะไร เป็นเรื่องของสมาชิก เมื่อถามว่านายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ส.ส.นครราชสีมา ประธานวิปรัฐบาล มีคดีค้างอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า เป็นเรื่องของศาลต้องรอให้สิ้นสุดกระบวนการก่อน ส่วนการทำงานในฐานะวิปรัฐบาลไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไร เขาทำงานดีอยู่แล้วจะเปลี่ยนให้ป่วนทำไมและไม่จำเป็นต้องเพิ่มใครเข้ามาแค่นี้ก็แข็งอยู่แล้ว

ลั่น “ผมยังอยู่” เสียงไม่มีปัญหา

พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงการจัดงานเลี้ยง ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลที่ผ่านมาว่า ทุกอย่างเรียบร้อยดี ไม่รู้ว่าเรียกว่าชื่นมื่นหรือไม่ แต่ก็ดีมาตลอด อย่าไปคิดอะไรกันมากไม่มีอะไร ไม่มีทะเลาะกัน เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีปัญหาเรื่องเสียงในสภาอีกหรือไม่ พล.อ. ประวิตรตอบว่า ไม่มีหรอก ส่วนการควบคุมเสียงช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเรื่องของอนาคต อย่าถามเรื่องอนาคตใครจะไปรู้ เมื่อถามถึงการควบคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลที่มีถึง 18 พรรค จะไม่เป็นปัญหาใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ไม่เป็น ผมยังอยู่ ไม่เป็นปัญหา”

3 หัวหอก พปชร.ดอดพบ “สมคิด”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน และเลขาธิการพรรคพปชร. และนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยใช้เวลาหารือประมาณ 2 ชั่วโมง คาดว่าน่าจะ เป็นการหารือถึงการประชุมใหญ่สามัญพรรค พปชร. จากนั้นนายสมคิดปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค และเพิ่มกรรมการบริหารพรรคว่า “ไม่รู้ผมทำงานอย่างเดียว พวกคุณเชื่อไหม” ผู้สื่อข่าวตอบว่าไม่เชื่อ นายสมคิดรีบเดินขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที

“อุตตม” โวโซฟาเลขาฯ พปชร.ปึ้ก

นายอุตตม สาวนายน ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า กระแสข่าวเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค ข่าวก็คือข่าว ไม่ได้มีอะไรมาตั้งแต่ต้น เมื่อถามอีกว่ามีข่าวว่าจะมีการเลื่อยเก้าอี้เลขาธิการพรรค นายอุตตมตอบว่า ไม่มี ความเห็นเราตรงกัน ในทางการเมืองถือเป็นเรื่องธรรมดามาก ที่ประชุมใหญ่สามัญวันที่ 21 ธ.ค. ไม่มีการเลื่อยขาเก้าอี้ ไม่มีอะไรตื่นเต้น ทุกอย่างราบเรียบ เมื่อถามย้ำว่าเก้าอี้นายสนธิรัตน์ยังแข็งแรง นายอุตตมตอบว่า “ที่บอกว่าแข็งมันไม่ได้เรียกว่าเก้าอี้ มันเรียกว่าโซฟา เป็นโซฟานั่งด้วยกันไม่ใช่เก้าอี้ส่วนตัว”

“สนธิรัตน์” ยิ้มระรื่นให้สื่อรอดู

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยเรื่องการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรค เรื่องนั้นจบไปนานแล้ว เมื่อถามย้ำว่าที่บอกว่าจบไปนานแล้วคือ เลขาธิการพรรคยังเป็นคนเดิมใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “พรุ่งนี้ลองไปตามดูสิครับ เจอกันพรุ่งนี้”

“สุริยะ–ธรรมนัส–ไพบูลย์” กก.บห.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า การประชุมใหญ่สามัญพรรค มีวาระการประชุมที่สำคัญ อาทิ การพิจารณาเพิ่มเติมในตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายวิรัช รัตนเศรษฐ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายสุชาติ ชมกลิ่น นางประภาพร อัศวเหม นายไผ่ ลิกค์ ส.ส. กำแพงเพชร นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง นายวันชัย ปัญญาศิริ ส.ส.สงขลา รายชื่อทั้งหมดนี้ส่งถึงมือนายสนธิรัตน์แล้ว รอพิจารณาอีกครั้งในที่ประชุมใหญ่

“เทวัญ” เชื่อสัมพันธ์พรรคร่วมดีขึ้น

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า บรรยากาศในงานเลี้ยง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเป็นไปด้วยดี เชื่อว่าการทำงานระหว่างนายกฯ และพรรคร่วมจะดีขึ้น เพราะมีการพบปะสังสรรค์แลกเปลี่ยนความคิดเห็น บางครั้ง ส.ส. ทำงานอยู่ในสภาฯ ต่างคนต่างทำงาน ไม่มีโอกาสพูดคุยกัน ในงานเลี้ยงจึงเป็นบรรยากาศแบบสบายๆ นายกฯ เองก็เดินทักทายทุกโต๊ะ รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีทุกคนได้เดินทักทายกันทั่วถึงทุกโต๊ะ ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจยังไม่มีการพูดคุยกัน

“กวินนาถ” ฟุ้งมีคนมาจีบเพียบ

น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี ที่ถูกพรรคอนาคตใหม่ขับออกจากพรรค กล่าวว่า ยังไม่ตัดสินใจว่าจะไปอยู่พรรคไหน แต่มีติดต่อมาหลายพรรคทั้งพรรคฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ไม่ได้โฟกัสว่าจะไปอยู่พรรคใหญ่หรือพรรคเล็ก เน้นว่าหากไปอยู่แล้วต้องทำงานได้ การที่เราจะไปร่วมกับพรรคไหน ต้องคำนึงถึง ส.ส.ที่อยู่ในพรรคนั้นด้วยว่าไปแล้วจะมีผลกระทบอะไรบ้าง จึงไม่ง่ายที่จะตัดสินใจ ยังมีเวลาตัดสินใจอยู่ คาดว่าจะชัดเจนก่อนปีใหม่ เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับ ส.ส.อีก 3 คน คือ นายจารึก ศรีอ่อน พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี และ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ หรือไม่ น.ส.กวินนาถตอบว่า ได้คุยกับนายจารึก และ พ.ต.ท.ฐนภัทร เขายังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหน ส่วน น.ส.ศรีนวลชัดเจนแล้วว่าไปอยู่พรรคภูมิใจไทย

พลังชลขอแจมดูด 3 งูเห่าด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังชลว่า ทางแกนนำพรรคพลังชลได้ทาบทาม 3 ส.ส. คือ นายจารึก ศรีอ่อน พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี และ น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี โดยต้องการได้ทั้ง 3 คนมาร่วมงานเพราะเป็น ส.ส.ในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่พรรคเคยมี ส.ส.อยู่ และนโยบายพรรคเน้นงานในภาคตะวันออกเป็นพรรคของคนท้องถิ่น มีโครงสร้างที่ดีอยู่แล้ว จึงพยายามใช้หลักการนี้โน้มน้าวใจให้ทั้ง 3 คนมาร่วมพรรคขณะนี้กำลังเจรจากันอยู่เนื่องจากพรรคชาติไทยพัฒนาก็ต้องการได้ตัวนายจารึก และ พ.ต.ท.ฐนภัทรไปร่วมงานเช่นด้วยกัน

คนเชียงใหม่ยังฮือไล่ “ศรีนวล”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ว่า กระแส ความไม่พอใจในตัว น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ ที่ถูกขับออกจากพรรคอนาคตใหม่ ที่มีชาวเชียงใหม่ออกมาชุมนุมขับไล่ยังคงมีต่อเนื่อง โดยช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่บริเวณหน้าที่ทำการเทศบาลตำบลแม่วาง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ มีกลุ่มชาวบ้านจาก 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.แม่วาง อ.ดอยหล่อ อ.จอมทอง และ อ.สันป่าตอง รวมตัวกันประมาณ 500 คน ชูป้ายขับไล่ น.ส.ศรีนวล บุญลือ โดยกลุ่มตัวแทนผลัดกันขึ้นกล่าวโจมตี น.ส.ศรีนวล ถึงพฤติกรรมทำตัวเป็นงูเห่าทรยศต่อเสียงประชาชน พร้อมทั้งแจกใบขอถอดถอน น.ส.ศรีนวล ออกจากการเป็น ส.ส. ขณะที่ผู้ชุมนุมบางส่วนเตรียมเดินทางไปยังบ้านของ น.ส.ศรีนวล ใน ต.แม่วิน อ.แม่วาง แต่มีการร้องขอให้ชุมนุมอย่างสงบ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรูปภาพและข้อความโจมตี น.ส.ศรีนวล พร้อมพวงหรีดมาจุดไฟเผาและเปิดเพลงแห่ศพก่อนแยกย้ายสลายการชุมนุม

“เหลิม” เพิ่ม “บิ๊กป๊อก” เข้าบัญชี

ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำ พรรคเพื่อไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทยนัดแรก ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จากเดิมวางตัวรัฐมนตรีที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 4 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ แต่หลังจากประมวลภาพรวมแล้วได้ข้อสรุปว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเพิ่มคือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รัฐบาลพยายามจะบอกว่า เพิ่งเป็นได้ 6 เดือน แต่แท้จริงเป็นมา 5 ปีกว่า โดยใช้อำนาจ คสช.ตามมาตรา 44 ทำให้ไม่มีใคร สามารถยื่นญัตติอภิปรายพวกคุณได้ และจากเดิมจะยื่นญัตติช่วงวันที่ 6-10 ม.ค. อาจต้องเลื่อนไปยื่น วันที่ 13 ม.ค. เพื่อให้วันอภิปรายไม่ไปตรงกับช่วงเทศกาลตรุษจีน

“วิษณุ–ดอน” ติดบ่วง “ฟิลลิปมอร์ริส”

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า กรณีที่นายดอนระบุว่าที่ถูกยื่นอภิปรายน่าจะเพราะไปติดตามนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น นายดอนเข้าใจผิด การติดตามผู้ต้องหาเป็นเรื่องของอัยการสูงสุด และตำรวจสากล นอกจากนี้ นายดอนไม่มีหน้าที่ออกเอกสาร 2 ฉบับ ยื่นถึง พล.อ.ประยุทธ์ให้ถอนฟ้อง บริษัทฟิลลิปมอร์ริส ดังนั้นเข้าใจหรือยังว่าโดนเพราะอะไร และต้องถามนายวิษณุว่า ใช้อำนาจอะไรไปเรียกข้าราชการ 29 คนที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณาคดีของบริษัทฟิลลิปมอร์ริสหนีภาษี แต่ถึงแม้จะพยายามช่วยกันทุกอย่าง แต่ท้ายที่สุดก็ช่วยไม่สำเร็จ คณะทำงานจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อนำไปใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเหล่านี้ต่อไป เพราะเป็นรัฐบาลที่สร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมือง ไม่สามารถปล่อยให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศได้อีกต่อไป เรามีหลักฐานเชื่อได้ว่ารัฐบาลบริหารราชการส่อไปในทางทุจริต ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านหากมีหลักฐานจะเสนอชื่อบุคคลที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเข้ามาเพิ่มเติม เราไม่ขัดข้องเพราะถือเป็นสิทธิ์

“บิ๊กแดง” จุดพลุ “Proxy crisis”

ที่โรงเรียนเสนาธิการทหารบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. กล่าวว่า ประเทศไทยผ่านวิกฤติมาหลายอย่าง แต่วิกฤติ หรือ crisis ในปัจจุบันนี้มองว่าเป็น Proxy (ผู้แทน) คือขณะนี้เป็น Proxy crisis ยังไม่ใช่ Proxy War (สงครามตัวแทน) หากพูดภาษาไทยตรงๆก็คือสงครามมองกันว่าเป็นการห้ำหั่นกัน แต่ Proxy crisis คือ วิกฤตการณ์ ที่มีคนบางคนอยู่เบื้องหลังไม่ออกมาสู้ โดยไม่สามารถต่อสู้กับภาครัฐได้โดยตรง ก็ต้องมีการสร้างตัวแทนขึ้นมา อยากให้ลองไปหาอ่านกันเองว่า Proxy war หรือ Proxy crisis คืออะไร ที่สำคัญคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงฝ่ายการเมืองต้องเคารพกฎหมาย ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับหลักการตัดสินทุกอย่าง ในเมื่อเรามีองค์กรกลาง องค์กรอิสระ ศาล ตุลาการ ก็ต้องเคารพ ถ้าคนไทยไม่เคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญ จะทำให้ต่างชาติมองเราไม่ดี ว่าทำไมเรามีเลือกตั้ง และทุกอย่างเดินไปตามกลไก แต่สถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อยู่

โหมมีคนอยู่เบื้องหลัง “วิ่งไล่ลุง”

พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า คนที่อยู่เบื้องหลังมีทั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มี Proxy การเมืองเองก็มี Proxy พูดแบบหลักวิชาการไม่ได้เจาะจงถึงสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง รวมถึงกล่าวถึงชื่อใคร แต่พูดให้ไปคิดกัน ส่วน Proxy เป็นการต่อสู้ทางความคิดในสังคมไทยหรือไม่นั้นให้ลองไปดูว่าเป็น deception (การหลอกลวง) หรือไม่ เมื่อถามว่ามีการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง พล.อ.อภิรัชต์ตอบว่า มีบางกลุ่มบางพวกวิ่งแบบมีนัยแอบแฝง มองว่าหากวิ่งในเชิงสร้างสรรค์มาแข่งกัน เหมือนกับต่างประเทศแข่งกันระหว่างทหาร ข้าราชการ พลเรือน ถือเป็นการทดสอบ เป็นการแข่งขันเชิงสร้างสรรค์

“พงศกร” ฉะให้ร้ายพลังบริสุทธิ์

ขณะที่ พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ กล่าวตอบโต้ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ว่า การออกมาพูดแบบนี้เป็นวิธีการที่แสดงออกว่ารัฐบาลรู้สึกไม่สบายใจที่จะมีการวิ่งไล่ เพราะการมีประชาชนจำนวนมากออกมาร่วมกิจกรรม ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว ระหว่าง ผบ.ทบ.และรัฐบาลจะส่งสัญญาณกันเอง แต่สิ่งที่ พล.อ.อภิรัชต์ พยายามโยงคือ พวกที่ออกมาวิ่งไล่ไม่ใช่ประชาชนบริสุทธิ์ และเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองบางพรรค เพื่อลดความน่าเชื่อถือของการเคลื่อนไหว จึงบอก ส.ส.ในพรรคอนาคตใหม่ว่า ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมวิ่งไล่ลุงนี้ ให้การเคลื่อนไหวเป็นพลังบริสุทธิ์จะขลังมากขึ้น พวกนักศึกษาถือเป็นพลังบริสุทธิ์ อย่าเอาเรื่องของการเมืองไปแปดเปื้อนเด็ก ขอให้เข้าใจเด็กและเยาวชนรุ่นใหม่ ไม่มีใครไปสั่งใครได้หรอก ลูกเรายังสั่งไม่ค่อยได้เลย

พท.ท้าแน่จริงเปิดชื่อเลยว่าใคร

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถือเป็นแอ็กชันมันๆเรียกเรตติ้งของ ผบ.ทบ. จนคนสงสัยว่าระหว่างภารกิจสนับสนุนรัฐบาลสืบทอดอำนาจ กับงานในหน้าที่ ผบ.ทบ.พัฒนากองทัพ ท่านแบ่งสัดส่วนการทำงานอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์อย่าพูดในลักษณะตีหัวเข้าบ้านตีกินทางการเมือง ถ้ามีข้อมูลอยู่จริงบอกชื่อมาเลยว่าใครอยู่เบื้องหลัง อย่ากล่าวหาคนอื่นโดยไม่รับผิดชอบ ทหารมืออาชีพต้องกลับเข้ากรมกอง อย่านำองค์กรทหารมาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง จุดไฟความขัดแย้งเสียเอง ทั้งนี้ พล.อ.อภิรัชต์มาแล้วก็ไป องค์กรทหารต้องเป็นทหารมืออาชีพ รักชอบรัฐบาลไหนก็ต้องระมัดระวัง ประเทศบอบช้ำเพราะคนไม่รู้จักบทบาทหน้าที่ตัวเองมามากแล้ว

ซัดใช้กองทัพเป็นเสาค้ำยันรัฐบาล

ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เห็นว่าเป็นข้อมูลที่น่าตื่นเต้นตรงไหน เป็นแค่ Hate Speech หรือมุกฝืดๆแบบเดิมๆที่รัฐบาลทหารทุกยุคนิยมใช้เพื่อดิสเครดิตคนคิดต่างมาตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ที่จริงใครจะอยู่เบื้องหลังงานวิ่งไล่ลุง ยังไม่สำคัญเท่ากับคำถามที่ว่าทุกวันนี้ ผบ.ทบ.วางตัวทางการเมืองได้เหมาะสมหรือไม่ เพราะกฎหมายวางกรอบไว้ชัดว่ากองทัพต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง อยากถาม พล.อ.อภิรัชต์ ว่า ผบ.ทบ.ที่เอากองทัพมารับใช้พรรคการเมืองบางพรรค เพื่อส่งสัญญาณว่ามีทหารหนุนหลัง ทั้งยังส่งกำลังทหารไปคอยข่มขวัญและกดดันทีมงานพรรคฝ่ายค้านทั่วประเทศ แต่ช่วยหาเสียงให้พรรครัฐบาล ทั้งยังอุ้มประชาชนที่คิดต่างไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร ตลอดจนยัดข้อหาความมั่นคงต่างๆให้ เพื่อปิดปาก รวมทั้งเบื้องหลังการยุบพรรคการเมืองต่างๆ อยากถามว่าสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำสงคราม Proxy War หรือ Proxy Crisis ตามทฤษฎีของ ผบ.ทบ.ด้วยหรือไม่ ท่านไม่มีสิทธินำกองทัพมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้พรรคใด ภาพที่เกิดขึ้นมันแทงหูแทงใจประชาชน ทำให้ประชาชนทนไม่ไหวและพร้อมใจกันลงถนนเพื่อขับไล่รัฐบาล

พท.จับมือ ภท.ชงสอบสร้างสภาฯ

ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมพิจารณาญัตติทั่วไปขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ผู้เสนอญัตติ กล่าวว่า มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าที่ขยายสัญญาไป 4 ครั้ง รวมเวลาก่อสร้าง 2,000 วัน เป็นเพราะเจตนาทำให้แบบก่อสร้างมีปัญหาเพื่อเป็นข้ออ้างให้ผู้ว่าจ้างขยายสัญญากับผู้รับจ้างโดยไม่ผิดกฎหมายหรือไม่ ขณะที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ผู้เสนอญัตติ อภิปรายว่า ความพยายามขยายสัญญารอบที่ 4 ปัญหาสำคัญ คือ ผู้ปฏิบัติงานในรัฐสภาไม่ทราบและไม่แจ้งเหตุผลว่าไม่แล้วเสร็จเพราะอะไร แต่นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาฯ ระบุว่าเป็นความผิดของทางราชการต้องขยายเวลาให้เอกชนจึงต้องตรวจสอบ

ป่านนี้ยังไร้บริษัทวางท่อร้อยสาย

นายไกรก้อง ไวทยาการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การขยายสัญญารอบที่ 4 จากการตรวจสอบพบงานระบบสารสนเทศหรือไอซีทีที่มีมูลค่า 3,000 ล้านบาทใน 10 ระบบ อาทิ ศูนย์รับส่งสัญญาณดาวเทียม ไอทีทีวี ศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางคอมพิวเตอร์ ระบบห้องเครื่องเสียงและภาพ ระบบการลงคะแนนในห้องประชุม และการพัฒนาระบบแอปพลิเคชันการประชุม มีความคืบหน้าเพียง 40% ตามแผนต้องแล้วเสร็จ 80% โดยเฉพาะงานระบบเน็ตเวิร์กงานท่อร้อยสาย พบว่ายังไม่สามารถหาผู้รับจ้างเดินท่อร้อยสายได้ เชื่อว่าจะทำให้เกิดการขยายสัญญาครั้งที่ 5 อีก

“ชลน่าน” หวั่นโง่ซ้ำคดีคลองด่าน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มั่นใจว่าการก่อสร้างที่ขยายสัญญารอบที่ 4 จะไม่แล้วเสร็จและต้องต่อสัญญาครั้งที่ 5 ปัจจัยสำคัญ คือ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำตามมติ ครม.ดังนั้นต้องตั้ง กมธ.ขึ้นมาศึกษาเพื่ออุดช่องโหว่ที่นำไปสู่การเสียค่าโง่ ไม่อยากให้สภาฯต้องเสียค่าโง่คล้ายกับคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ทั้งนี้ ปัญหาที่อาจทำให้ต้องต่อสัญญารอบต่อไป คือ การขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ก่อนรับมอบงาน ทำให้มีงานที่ต้องซ่อมแซมและอาจถูกเรียกค่าเสียหาย ที่สภาฯต้องเตรียมงบฯเพื่อจ่ายในปี 2563-64 หลังจาก ส.ส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง ที่ประชุมลงมติเห็นด้วยให้ตั้ง กมธ.ชุดดังกล่าวเป็น 354 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง มีกรอบเวลาพิจารณาภายใน 60 วัน ทั้งนี้นายชวนแจ้งให้ทราบด้วยว่า ตนให้เลขาธิการสภาฯศึกษากระบวนการใช้พื้นที่อาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นเรื่องเตรียมการไว้ในอนาคตด้วย

ปชป.ส่อวุ่นลักไก่ถอนชื่อ “วิลาศ”

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่า หลังที่ประชุมสภาฯมีมติตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยสัดส่วนกรรมาธิการฯ ในโควตาพรรคประชาธิปัตย์ 5 คน คือนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอันวา สาและ ส.ส.ปัตตานี นายเดชอิศม์ ทองขาว ส.ส.สงขลา นายสราวุธ อ่อนละมัย ส.ส.ชุมพร และนายอภิชาต ศักดิเศรษฐ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช แต่ไม่มีชื่อนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. ที่ติดตามตรวจสอบเรื่องนี้มาแต่ต้น และที่ประชุม ส.ส.พรรคเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.มีมติส่งชื่อนายวิลาศเป็น กมธ.ชุดนี้ด้วย แต่ปรากฏว่าพอมีการเสนอชื่อจริงในสภาฯกลับไม่มีชื่อนายวิลาศตามมติพรรครับรอง

เจ้าตัวฉุนจัดนัดสื่อแฉยิบ

ด้านนายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ กล่าวว่า เคยแจ้งแต่ต้นแล้วว่าไม่อยากเป็น กมธ.ชุดนี้ ถ้าจะตั้งขอให้ตั้งนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.เป็น แต่กลับเสนอชื่อตนในที่ประชุม ส.ส.พรรค และมีมติรับรองเสร็จสรรพ แล้วอยู่ๆ มาเปลี่ยนชื่อนอกห้องประชุมใช้ได้ที่ไหน “แล้วทะลึ่งเสนอชื่อทำไม ขอนัดสื่อมวลชนแถลงข่าววันที่ 22 ธ.ค.นี้ ที่พรรค หัวข้อ “ตั้งกรรมาธิการกลัวใคร? เพื่ออะไร?” จะสะท้อนให้เห็นปัญหาว่าผู้บริหารพรรคจะอยู่กับรัฐบาลเท่านั้นหรือ ถ้าจะมีการทุจริตหรือไม่ก็ช่างมัน จะเสียคำพูดที่เคยกำชับกับสมาชิกพรรคว่าต้องหยุดมติรับหรือห้ามฝ่าฝืนมติพรรค ใครแหกคอกต้องถูกลงโทษ และจะเสนอให้พรรคตั้งกรรมการสอบสวนการเปลี่ยนชื่อบุคคล ขอถามถึงเงื่อนไขข้อ 3 ที่อ้างว่าถ้าพบการทุจริต หรือสอบพบทุจริตพรรคจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล แต่กรณีของตนกล่าวหาว่ามีการสอบทุจริตในการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ ไม่รู้ว่าใครเอาน้ำมนต์สาดหัวจึงเปลี่ยนไป กล้าฝ่าฝืนมติพรรค ฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค และฝ่าฝืนสัตยาบันที่ให้ไว้กับประชาชน”

“เทวัญ” ตั้ง 10 ทีมแก้ปัญหาพีมูฟ

ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ นายเทวัญกล่าวภายหลังการประชุมว่า พีมูฟขอให้รัฐบาลแก้ปัญหา 19 ข้อ ขณะนี้ดำเนินการไปบางส่วนแล้ว ที่ประชุมได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 10 คณะ โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆแยกไปดำรงตำแหน่งประธานและตัวแทนหน่วยงานจากกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม คาดว่าคำสั่งแต่งตั้ง 10 คณะอนุกรรมการจะออกมาในสัปดาห์หน้า

ผบ.ทบ.ทดสอบความแข็งแกร่ง

เมื่อเวลา 07.00 น.ที่สนามกีฬากรมยุทธศึกษาทหารบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมการทดสอบสมรรถภาพร่างกายผู้บังคับหน่วยระดับกองพันทั่วประเทศครั้งที่ 1 ประจำปี 2563 จำนวน 330 นาย เพื่อให้กองทัพบกเป็นหน่วยที่มีความพร้อมรบอย่างแท้จริง ประกอบด้วย การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย 3 สถานี ได้แก่ ดันพื้น 2 นาที ลุกนั่ง 2 นาที และวิ่ง 2 กิโลเมตร และการวัดดัชนีความหนาของร่างกาย โดย พล.อ.อภิรัชต์ ได้ร่วมทดสอบร่างกายทุกสถานี โดยเฉพาะในสถานีที่ 4 ได้เรียก พล.ท.ภูมิพัฒน์เข้ามาร่วมทดสอบด้วย พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า มีความรู้สึกว่าจะเกษียณฯแล้วอายุใกล้จะ 60 ปีแก่ไปเยอะ สู้แรงของผู้พันและผู้การไม่ได้ ไม่ใช่แค่ทหารแต่พลเรือนในต่างประเทศก็ให้ความสำคัญ อย่าลืมว่าถ้าคนในชาติแข็งแรงเยาวชนแข็งแรง มาเล่นกีฬามากขึ้นจะห่างไกลยาเสพติดหรือสิ่งที่ไม่สร้างสรรค์ได้

กกต.พร้อมเลือกซ่อมขอนแก่น

วันเดียวกันเวลา 09.00 น. ที่หอประชุมอเนกประสงค์ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น และนายอภินันท์ จันทร์อุประ ผอ.กกต.ขอนแก่น ร่วมเปิดกิจกรรมรณรงค์โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง ส.ส.ขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 7 แทนตำแหน่งที่ว่าง มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 2,000 คน

นายอิทธิพรกล่าวว่า จากการเดินรณรงค์เลือกตั้งพบว่าประชาชนตื่นตัวให้คำมั่นสัญญาว่าจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก กกต.มีความพร้อมจัดเลือกตั้งครั้งนี้ มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิไม่น้อยกว่าร้อยละ 71

“สมพงษ์” โวยใช้อำนาจรัฐกดดัน

ที่หอประชุมวิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยีขอนแก่น อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย แกนนำพรรค และ ส.ส.พรรค ลงพื้นที่พบปะประชาชน พร้อมเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยนายธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 พรรคเพื่อไทย ท่ามกลางประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมรับฟังการปราศรัยกว่า 15,000 คน นายสมพงษ์กล่าวว่า พวกเราทำงานกันหนักต่อเนื่องทุกวัน วันนี้รับทราบข้อมูลว่าพรรคคู่แข่งใช้อำนาจรัฐกดดันมาก เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะเข้าพบประธาน กกต. เพื่อแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้รับทราบ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการจัดการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ โปร่งใส และเที่ยงธรรม ขอตั้งข้อสังเกตว่าขณะที่พรรคเพื่อไทยสนธิกำลังกันเข้ามา แต่ไม่เห็นอีกฝ่ายกระตือรือร้น หลังพรรคอนาคตใหม่ขับ ส.ส. งูเห่าออกไป 4 คน เราต้องพยายามให้ได้ ส.ส.ในครั้งนี้ รวมทั้งการเลือกตั้งซ่อมที่จะเกิดขึ้นที่ จ.กำแพงเพชร และสมุทรปราการในอนาคต หากหายไป 4 คน ได้กลับมา 3 คนก็ยังดี

“เจ๊หน่อย” ฝาก กกต.กำชับ จนท.

ที่โรงเรียนหนองเรือวิทยา อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย นายจิรวัฒน์ ศิริพานิชย์ เดินทักทายผู้ค้าบริเวณหน้าโรงเรียนและพบปะเยาวชน เพื่อประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งในวันที่ 22 ธ.ค. จากนั้นขึ้นรถแห่ไปตามถนน คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า อยากให้ กกต.กำชับทุกหน่วยงาน ให้วางตัวเป็นกลาง โดยเฉพาะข้าราชการปกครอง ทหาร ตำรวจ อย่าให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีรอยด่างพร้อย และหากมีผู้ใดมาให้อามิสสินจ้างเป็นเรื่องที่พี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ และขอแนะนำผู้ที่ถูกเก็บบัตรประชาชนไปตามทวงคืน เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย อาจมีความผิดตามมาภายหลัง

โพลชี้คนวิตกปัญหาปากท้อง

สถาบันวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอยูโพล เปิดผลสำรวจเรื่องปีใหม่ 2563 : คนไทยคิดอะไร? จากกลุ่มตัวอย่างในเขต กทม. เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา 2,007 ตัวอย่าง พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 65.82 ระบุเศรษฐกิจปีนี้แย่กว่าปีที่แล้ว และร้อยละ 50.02 คาดว่าปีหน้าจะแย่กว่าปีนี้อีก โดยปัญหาจราจรเป็นปัญหาลำดับแรกๆที่ประชาชนคาดหวังต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาล โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ขณะที่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันส่วนใหญ่เห็นว่ายังคงเหมือนเดิมเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และคาดว่าปีหน้าก็ยังคงเหมือนเดิมเช่นกัน สำหรับกิจกรรมช่วงปีใหม่ประชาชนตั้งใจจะทำมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ 1.ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว 2.ทำบุญ/ไหว้พระ 3.พบปะสังสรรค์ 4.กลับภูมิลำเนา และ 5.เที่ยวตามสถานที่ ท่องเที่ยวต่างๆ ส่วนของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนอยากได้จากรัฐบาลมากที่สุด คือการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ/ลดค่าครองชีพ/ปากท้องของประชาชน รองลงมาอยากให้ปรับเปลี่ยนการบริหารงานใหม่/สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน