"หมวดเจี๊ยบ" กระทุ้ง "บิ๊กแดง" แฉ กิจกรรมวิ่งไล่ลุง มีผู้แอบสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ยันไม่เห็นน่าตื่นเต้น และไม่เห็นจะแปลกตรงไหน ถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมาย เย้ย "ผบ.ทบ." ทำตัวเป็นไอ้โม่งช่วยทำสงครามแย่งอำนาจแทนพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็น Proxy War หรือ Proxy Crisis ถือเป็นเรื่องใหญ่ และผิดกฎหมายแน่นอน และนี่คือ สาเหตุหลักที่ทำให้ประชาชนทนไม่ไหวจนต้องลงถนนขับไล่ ซึ่ง"บิ๊กตู่"ควรเสียสละลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เชื่อบ้านเมืองจะสงบและดีขึ้น
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.62 ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาแฉว่า การจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุง มีคนสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนั้น ตนไม่เห็นว่าเป็นข้อมูลที่น่าตื่นเต้นตรงไหน ก็เป็นแค่ Hate Speech หรือ มุกฝืด ๆ แบบเดิม ๆ ที่รัฐบาลทหารทุกยุคนิยมใช้เพื่อดิสเครดิตคนคิดต่างจากรัฐบาล ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น
อันที่จริง ใครจะอยู่เบื้องหลัง งานวิ่งไล่ลุง ยังไม่สำคัญเท่ากับคำถามที่ว่า ทุกวันนี้ ผบ.ทบ. วางตัวทางการเมืองได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ เพราะกฎหมายวางกรอบไว้ชัดเจนว่ากองทัพต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า อยากถาม พล.อ. อภิรัชต์ ว่า ผบ.ทบ. ที่เอากองทัพมารับใช้พรรคการเมืองบางพรรค เพื่อส่งสัญญาณว่ามีทหารหนุนหลัง ทั้งยังส่งกำลังทหารไปคอยข่มขวัญและกดดันทีมงานของพรรคฝ่ายค้าน ทั่วประเทศ แต่ช่วยหาเสียงให้พรรครัฐบาล ทั้งยังอุ้มประชาชนที่คิดต่างไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร ตลอดจนยัดข้อหาความมั่นคงต่าง ๆ ให้เพื่อปิดปาก รวมทั้ง เบื้องหลังการยุบพรรคการเมืองต่าง ๆ นั้น อยากถามว่าสิ่งเหล่านี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการทำสงคราม Proxy War หรือ Proxy Crisis ตามทฤษฎีของ ผบ.ทบ. ด้วยหรือไม่
"ในส่วนของงานวิ่งไล่ลุงนั้น ต่อให้มีคนสนับสนุนเบื้องหลังอย่างที่ ผบ.ทบ. พูดจริง ๆ แต่ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย และไม่ทำอะไรที่กระทบสิทธิผู้อื่น ก็ไม่ใช่เรื่องผิดและไม่ใช่เรื่องแปลก ต่างจาก กรณี ผบ.ทบ. ซึ่งไม่มีสิทธินำกองทัพมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้พรรคการเมืองใด เพราะผิดกฎหมาย และขัดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เนื่องจาก กองทัพต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง เพียงแต่ทุกวันนี้ ส่วนราชการอื่น ๆ โดยเฉพาะตำรวจคงไม่กล้าทำอะไรกองทัพ เพราะเกรงใจรัฐบาลทหาร และมองว่า กองทัพกับรัฐบาลเป็นเนื้อเดียวกัน กล่าวคือ เมืองว่าเป็น Proxy หรือตัวแทนของกันและกัน ใคร ๆ จึงไม่กล้าแตะต้อง แต่ภาพที่เกิดขึ้น มันแทงหูแทงใจประชาชน จึงทำให้ประชาชนทนไม่ไหวและพร้อมใจกันลงถนนเพื่อขับไล่รัฐบาล แม้ว่าทุกวันนี้ ประชาชนจะมีตัวแทนนั่งอยู่ในสภาแล้วก็ตาม"ร.ท.หญิง สุณิสากล่าว
...
รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่า ดังนั้น กองทัพต้องมองเรื่องการแสดงออกของประชาชนให้เป็นเรื่องปกติ อย่าไปมองว่าเป็นภัยความมั่นคง เพราะนี่เป็นเรื่องการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในชีวิตประจำวัน เพราะประชาชนไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่การหย่อนบัตรเลือกตั้ง 3-4 วินาที ในคูหาเลือกตั้งเท่านั้น แต่ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะชุมนุมเพื่อแสดงออกทางเมืองได้ตลอดเวลา ตราบใดที่พวกเขาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย
ดังนั้น กองทัพและรัฐบาลทหารก็ควรทำตัวให้ชินและแก้ปัญหาในสังคมประชาธิปไตยด้วยความเข้าใจ อย่าไปใช้วิชามารเพื่อสกัดกั้นแบบโอเว่อร์แอ๊คชั่น เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลแล้ว ยังจะกลายเป็นการช่วยเรียกแขก ทำให้ม็อบยิ่งโตขึ้นด้วย ทั้งนี้ การสกัดม็อบ ที่ได้ผลชะงัดที่สุดและง่ายที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเป็นฝ่ายเสียสละ แล้วรีบลาออกไป ทันที ซึ่งนอกจาก จะทำให้บ้านเมืองสงบแล้ว รับรองว่าจะทำให้ประเทศดีขึ้นทุกด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจ ก็จะคึกคักและเติบโตได้ตามเป้า เพราะทุกฝ่ายจะเกิดความเชื่อมั่นว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าเดิม.