เพื่อไทย ชง “เฉลิม” นั่งประธานกรรมการกิจการพิเศษ ภารกิจแรกดูแลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ประยุทธ์-สมคิด-วิษณุ-ดอน” หลังปีใหม่ ชี้ ล้มรัฐบาลยาก แต่อาจนำไปสู่การดำเนินคดีรัฐมนตรีบางคนได้
วันที่ 17 ธ.ค. 2562 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคเพื่อไทย ได้แต่งตั้งตนเองและคณะรวม 10 คน เป็นคณะกรรมการกิจการพิเศษ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย
1. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน
2. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองประธาน
3. นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองประธาน
4. นายอดิศร เพียงเกษ กรรมการ
5. นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล กรรมการ
6. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด กรรมการ
7. ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ กรรมการ
8. นายวัฒนา เตียงกูล กรรมการ
9. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร กรรมการและเลขานุการ
10. นายไพรัช ชัยชาญ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่า หน้าที่ของคณะกรรมการกิจการพิเศษจะเข้ามาขับเคลื่อนเน้นหนักแทนคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า ไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องกัน เราไม่มีหน้าที่ขยายพื้นที่ ตั้งสาขา หรือรณรงค์ในส่วนของพรรค แต่เราจะทำงานเป็นเรื่องๆ ตามกิจกรรมของพรรค
ภารกิจแรกของคณะกรรมการกิจการพิเศษ จะทำหน้าที่ดูแลการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยสาเหตุในการยื่นญัตติอภิปราย คือ 1. เป็นรัฐบาลที่มีการทุจริตคอร์รัปชันมากที่สุดโดยใช้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นเครื่องมือ และแปลงร่างเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 2. แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ล้มเหลว ทำให้มีคนจนมากขึ้น 3. เป็นรัฐบาลที่คนเห็นต่างทางการเมืองถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่าบอกว่าเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย เพราะมาจากการสืบทอดอำนาจโดยตรง 4. การแก้ปัญหายาเสพติดไม่มีประสิทธิภาพ และ 5. ปล่อยให้คนในรัฐบาลทำผิดกฎหมาย
...
ทั้งนี้ จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงวันที่ 6-10 ม.ค. 2563 และรายชื่อที่จะยื่นประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยนายวิษณุจะเป็นเป้าสำคัญ ส่วนที่ไม่มีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีนั้น เพราะคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบชี้มูลแล้วว่าไม่มีความผิด อย่างไรก็ตาม การอภิปรายคงล้มรัฐบาลยาก แต่รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้ และเชื่อว่าจะสามารถขยายผลไปสู่การดำเนินคดีกับรัฐมนตรีบางคนได้.