“บิ๊กตู่” นำประกาศเจตนารมณ์วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล ย้ำ เป็นปัญหาส่งผลเสียร้ายแรงต่อประเทศ ปลุกทุกฝ่ายเลิกเพิกเฉยต่อการทุจริต ลั่น ทำงานหนักกว่า 5 ปีที่ผ่านมา เมินผลโพลรัฐบาลขึ้น-ลง

ช่วงเช้าวันที่ 9 ธ.ค. 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) ที่ฮอลล์ 6 อาคารอิมแพ็คเอ็กบิชั่น เมืองทองธานี โดยมี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้อนรับ และตัวแทนองค์การสหประชาชาติ แถลงสารสหประชาชาติ และทูตานุทูต หัวหน้าภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายเข้าร่วม โดยนายกรัฐมนตรีมอบรางวัลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 จำนวน 34 หน่วยงาน และรางวัลแข่งขันกิจกรรม Good Guy Run 2019 รวมพลังวิ่งเพื่อส่งเสริมความดี

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานประกาศเจตนารมณ์ในการต่อต้านการทุจริตว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัล โดยถือเป็นตัวอย่างที่ดี จึงขอให้มีการขยายและนำร่องทำต่อไปให้มีความเชื่อมโยงกัน รัฐบาลร่วมกับ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมได้ร่วมกันจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชันขึ้น เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันของคนไทยและทุกภาคส่วนในสังคมในการต่อต้านการทุจริต ตระหนักถึงภัยร้ายแรงของปัญหาคอร์รัปชัน ถือเป็นปัญหาร้ายแรงที่ส่งผลเสียหายต่อประเทศ

ทั้งนี้ ทุกคนทราบอยู่แล้วว่าเราจัดงานนี้กันเพื่ออะไร สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรให้เกิดผลจริงจัง ไม่ใช่พูดแล้วก็จบไม่ทำต่อ ดังนั้นต้องสร้างจิตสำนึกและความร่วมมือ โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสู่สิ่งที่ดีกว่าในทุกมิติ มีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริต ถือเป็นภัยร้ายแรงส่งผลเสียต่อประเทศและทำให้การพัฒนาประเทศเป็นไปได้ช้า ไม่ใช่เฉพาะเรื่องใหญ่ๆ เท่านั้น แต่การทุจริตมีทั้งการทุจริตเวลาราชการและไม่เคารพกฎหมายในเรื่องต่างๆ สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นปัญหาหลายอย่างตามมา เช่น การเรียกรับผลประโยชน์ ความขัดแย้ง และเรื่องอื่นๆ หากมีการทำผิดกฎหมาย

...

“รัฐบาลได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ ทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการประจำ โดยได้ดำเนินการพัฒนา ปรับปรุงกฎหมายต่างๆ ให้ครอบคลุม และเป็นเรื่องที่ต้องแทรกอยู่ในการปฏิรูปทุกๆ ด้าน ทั้งในเรื่องความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐ ส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรมปราศจากการแทรกแซงของนักการเมืองและผู้มีอิทธิพล ตลอดจนการกำหนดให้มีการลงโทษผู้กระทำผิดกรณีทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างจริงจังและรวดเร็ว ซึ่งทุกฝ่ายต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยตรวจสอบและเฝ้าระวังด้วย สิ่งเหล่านี้ยังไม่พอ เราต้องทำต่อไป ต้องเชื่อมั่นในกฎหมายและกระบวนการสื่อเป็นสิ่งสำคัญหลายคนคิดได้แต่ทำไม่ได้ ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ช่วยกันแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ รัฐบาลนี้รวมถึงรัฐบาลต่อไปต้องวางรากฐานทางความคิดของประชาชน วันนี้ความคิดแตกต่างกันซึ่งถือเป็นประชาธิปไตย ขณะเดียวกัน คนไทยจะต้องก้าวข้ามค่านิยมอุปถัมภ์และความเพิกเฉยต่อการทุจริตประพฤติมิชอบ รวมทั้งการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ต้องได้รับความไว้วางใจ และความเชื่อมั่นจากประชาชนว่าสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติ”

นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 พ.ศ.2560-2564 ที่มีเป้าหมายให้ “ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต” โดยมุ่งหวังให้ระยะ 5 ปีข้างหน้าจะเป็นการปฏิรูปกระบวนการทำงานจากเดิมไปสู่กระบวนการทำงานแบบบูรณาการทั้งระบบ และแม้ปัจจุบันสถานการณ์การทุจริตในประเทศไทยดีขึ้นหลายมิติ แต่ต้องเดินหน้าแก้ปัญหาต่อเนื่อง สิ่งสำคัญเรื่องกฎหมายที่ต้องมีการแก้ไข ปรับปรุงให้ทันสมัยต่อสากล แต่คนทุจริตคือคนไม่ดีที่เก่งหาช่องโหว่กฎหมายจนได้ ทุกคนต้องมีจิตใจเริ่มจากตัวเองก่อน อย่าทำอะไรที่เป็นการทุจริต หากทำได้ลดความขัดแย้งได้มาก และกฎหมายก็จะได้รับความเชื่อถือ ผู้ที่ทุจริตจะถูกต่อต้านและถูกลงโทษทั้งจากกฎหมายและสังคม อย่างไรก็ตาม เรามีหลักสูตรด้านการต่อต้านทุจริตที่กำหนดเป้าหมายให้สถานศึกษาทุกแห่งนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อปลูกฝังให้คนในชาติคิดถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม มีจิตสาธารณะ และละอายต่อการทำทุจริตทุกรูปแบบ

“ทุกคนต้องรู้จักคิดและนำมาปฏิบัติ มีจริยธรรม รู้ว่าชาติคืออะไร ประเทศคืออะไร เพราะทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ นายกฯ ทำคนเดียวไม่ได้ วันนี้ผมทำงานเหมือนเดิมและหนักกว่าที่ผ่านมา 5 ปีด้วยซ้ำ มีหลายคนเรียกร้องใช้มาตรการเด็ดขาด แต่ตอนนี้ไม่มีแบบเดิมไม่มีมาตรา 44 แล้ว ทุกคนต้องเรียนรู้และการปรับตัวให้รู้แก้ปัญหาไม่เร็วแบบเดิมเพราะต้องใช้เวลา ฝากทุกคนช่วยคิดด้วย ส่วนการปะเมินรัฐบาลเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงผมไม่สนใจ คิดแต่ทำอย่างไร วันนี้ต้องสร้างหลักคิดทำงานร่วมกัน จับมือเดินไปด้วยกัน และต้องไม่ใช้ความรู้สึกแก้ปัญหาและสร้างความขัดแย้ง ขณะเดียวกันทุกคนคาดหวังผม ตรงนี้เข้าใจและยอมรับ และผมจะทำให้มากสุดเท่าที่จะทำได้ ใจผมทำงานเกินร้อยและทุกคนทำงานหนักทุกเรื่อง ทางเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นวันนี้ขอให้ทุกคนช่วยกันคิดและช่วยกันทำด้วย ใครทำแล้วก็ให้ทำยิ่งขึ้น ขอทุกคนช่วยทำความดี ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปให้ได้”

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ นำกล่าวประกาศเจตนารมณ์ว่า จะประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่กระทำการทุจริต จะยึดมั่นในความยุติธรรม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน จะปกป้องเทิดทูน สถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยจิตอาสา พร้อมทำความดีด้วยหัวใจตลอดไป ก่อนที่จะร่วมทำมือขวาชูกำปั้นสัญลักษณ์ต่อต้านคอร์รัปชัน แล้วลงมาทักทายเด็กนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมและเซลฟี่ด้วย พร้อมเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาลโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ.