"ปรับ ครม."–“ยุบสภา”
เป็นวิถีปกติทางการเมืองเมื่อมีความจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงหากประสบปัญหาในรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเพราะรัฐมนตรีบางคนไร้ผลงาน
ข่าวแนะนำ
หรือมีความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล
หรือการโหวตในสภาที่รัฐบาลแพ้ฝ่ายค้านซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื่องจากเสียงไม่เพียงพอ ไม่นับรวมถึงแพ้โหวตกฎหมายสำคัญๆ เช่น เรื่องงบประมาณ การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
“ผมอยู่ไม่ได้ พวกคุณก็อยู่ไม่ได้”
นั่นเป็นสาระสำคัญที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ควงคู่ “3 ป.” ทีมบูรพาพยัคฆ์ไปร่วมมีตติ้งกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเน้นย้ำว่าทุกอย่างต้องจบเรื่องแพ้โหวต
บรรยากาศดูจะชื่นมื่นเฮฮาปาร์ตี้กันอย่างเต็มที่ ถือเป็นครั้งแรกที่นายกฯได้พบใกล้ชิดกับบรรดานักการเมือง
ว่าไปแล้วบรรยากาศอย่างนี้ควรจะได้เห็นกันมานานแล้ว ไม่ใช่พอมีปัญหาหวั่นไหวค่อยมาเจอกันที เพราะต้องทำงานร่วมทีมกัน
เสียงปริ่มน้ำอย่างนี้อย่าทำเป็นเล่นไป พังเอาได้ง่ายๆ
ที่สังเกต พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้กล่าวถึงการ “ลาออก” แต่อย่างใด เพราะคงไม่ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามหยิบชิ้นปลามันไปเสวยสุขแทน
แต่การปรับ ครม. นั้นแม้ขณะนี้ยังไม่มีเงื่อนไขเนื่องจากเพิ่งบริหารประเทศได้เพียงไม่กี่เดือน คงต้องรอดูผลงานของแต่ละคนก่อน
บรรดารัฐมนตรีที่โลกลืม ผลงานไม่ค่อยปรากฏก็ระวังเอาไว้ด้วย การเป็นรัฐมนตรีนั้นต้องสร้างผลงานเพื่อให้เกิดต่อประเทศชาติและประชาชน
ไม่ใช่ตำแหน่งเพื่อเกียรติยศ ชื่อเสียง หรือบุญญาบารมี
ดูท่าแล้วปีหน้าโอกาสที่จะปรับ ครม. มีความเป็นไปได้สูง
การยุบสภาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เพื่อเป็นการ “ล้มกระดาน” แล้วมาว่ากันใหม่ในสนามเลือกตั้ง
ไม่ว่านายกฯคนไหนก็ตามคงไม่อยากให้เกิดสภาพเช่นนี้ เพราะมีความเสี่ยงว่าจะชนะเลือกตั้งหรือไม่
เพราะแพ้ก็จบเกมไปเลย
หรืออีกมุมหนึ่งที่มองกันว่า หากรัฐบาลสามารถสร้างผลงานได้ดี ประชาชนให้ความสนับสนุนสูงอาจจะยุบสภาเลือกตั้งใหม่เพื่อหวังได้เสียงสนับสนุนมากขึ้นไม่ใช่เสียงปริ่มน้ำอย่างนี้
ที่เห็นและเป็น การเมืองประเทศไทยไม่ค่อยปรากฏให้เห็น มีแต่ว่าพยายามรักษาความเป็นรัฐบาลให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
พูดง่ายๆว่า “ดื้อตาใส” จนไปไม่รอดเอง
ว่าไปแล้วการเคลื่อนตัวเองไปอยู่ในแวดล้อมของนักการเมืองเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นในฐานะนายกฯ เนื่องจากการเป็นหัวหน้ารัฐบาลจะต้องมีเสียงสนับสนุนของแต่ละฝ่ามือ
เอาความกันแล้วนอกจากได้ใจบรรดาแกนนำรัฐมนตรีแล้วในระนาบเดียวกันก็ไม่ต่างกับการเตือนว่าหากไม่กระชับจับมือกันให้แน่น
ก็มีทางเลือกที่จะจัดการปัญหาได้
อย่างที่มีข่าวว่าหากมีปัญหาในพรรคร่วมรัฐบาลกันเองอาจจะมีการปรับเปลี่ยนพรรคการเมืองนั้นออกจากรัฐบาล แล้วดึงฝ่ายค้านบางพรรคเข้ามาแทนที่
ลีลาอย่างนี้แหลมคมไม่น้อยเพราะพวกร่วมรัฐบาลที่มีปัญหากันอยู่คงหวั่นไหวไม่น้อย เพราะทุกพรรคล้วนอยากเป็นรัฐบาลทั้งนั้น
ยิ่ง “ยุบสภา” ยิ่งแล้วใหญ่เพราะยังไม่มีพรรคไหนพร้อม!
“สายล่อฟ้า”