เนื่องในโอกาสสำคัญ วันคล้ายวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและ วันพ่อแห่งชาติ การน้อมนำ ศาสตร์พระราชาของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปฏิบัติในยามที่ประเทศชาติกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม เป็นเรื่องที่คนไทยควรจะตระหนักเป็นอย่างยิ่ง
การบริหารจัดการเพื่อแก้ปัญหา และสร้างการกินดีอยู่ดีให้กับประชาชนและชุมชนของภาครัฐ ที่หน่วยงานภาครัฐช่วยกันขับเคลื่อนและสนับสนุนทั้งด้านองค์ความรู้และทรัพยากร เป็นปัจจัยที่สำคัญมากกว่าการเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น
ในอนาคตอันใกล้นี้จากการประเมินของ สหประชาชาติ โลกจะเกิดวิกฤติ 3 ด้านด้วยกัน ประกอบด้วย น้ำ อาหารและพลังงาน ซึ่งจะต้องมีการศึกษาหาทางแก้ไขเอาไว้ล่วงหน้า ด้วยพระปรีชาสามารถที่มองเห็นปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ตรงกับศาสตร์พระราชาที่ทรงกำหนดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ว่าจะเป็น การบริหารจัดการน้ำ และพื้นที่การเกษตร การใช้พลังงานทางธรรมชาติ การรักษาป่าและต้นน้ำ ซึ่งสามารถแก้ปัญหาและสร้างจุดเปลี่ยนให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี
ตามแนวทางศาสตร์พระราชาที่จัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน 30 : 30 : 30 : 10 สำหรับแหล่งน้ำร้อยละ 30 สำหรับปลูกข้าวอีกร้อยละ 30 สำหรับปลูกป่าอีกร้อยละ 30 และอีกร้อยละ 10 ใช้เป็นที่อยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์
มีหน่วยงานรัฐที่น้อมนำศาสตร์พระราชาไปปฏิบัติและเห็นผลชัดเจน ยกตัวอย่าง กฟผ. จัด โครงการชีววิถี ส่งเสริมการทำเกษตรด้วยการลดการใช้สารเคมี และนำจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ หรือ EM มาทำเป็นปุ๋ยหมักชีวภาพ เพื่อใช้ทำการเกษตร เลี้ยงปลา ดูแลสิ่งแวดล้อม ประสบความสำเร็จเป็นการนำร่องมาจนถึงวันนี้
...
จัดโครงการปลูกป่าในพื้นที่ต้นน้ำและป่าชายเลน สร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ ทำให้เป็นแหล่งอาหารในชุมชนที่อุดมสมบูรณ์ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวบ้านในชุมชน
ในฐานะที่ กฟผ. ต้องขับเคลื่อนแผนงานในระดับประเทศ ระดับลุ่มน้ำ และระดับพื้นที่พัฒนาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติตามแนวทางศาสตร์พระราชา ใน 7 เขื่อนพระนาม 3 โรงไฟฟ้า ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนสิรินธร เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนอุบลรัตน์ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ โรงไฟฟ้าวังน้อย และ โรงไฟฟ้าบางปะกง
โดยในปี 2563 กฟผ. จะมีการนำร่องใน 3 พื้นที่คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิรินธร และ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ นำความรู้เรื่องของเกษตรทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดำริ ไปจัดสรรพื้นที่ทำกินให้กับเกษตรกรควบคู่กับการสร้างรายได้ให้กับชุมชนและการกินดีอยู่ดีของคนในชุมชนตามรอยปณิธานของพ่อต่อไป
การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาพัฒนาและแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างเหมาะสมทุกยุคทุกสมัย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่สถิตอยู่ในดวงใจในฐานะพ่อของคนไทยทุกคน.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th