องอาจนัดถก ส.ส.
ประชาธิปัตย์โต้ป่วนสภาฯ ล่มถอนแค้นพลังประชารัฐ “องอาจ” ยันเป็นเหตุสุดวิสัย ส.ส.ป่วย-ติดภารกิจ-ไปต่างประเทศ ประชุม ส.ส.กำชับต้องครบองค์ประชุม “วิรัช” โบ้ย “จุรินทร์” แก้ปัญหาไม่ใช่เอะอะไม่พอใจโหวตสวน “สนธิรัตน์” นัดค่ำ 3 ธ.ค. สังสรรค์พรรคร่วมฯ แก้เขินตั้งใจพบปะกันนานแล้ว “วิปฝ่ายค้าน” ถกท่าทีก่อนร่วมประชุมสภาฯ
“สุทิน” โวย รบ.อย่ามาโยนบาป เลื่อนซักฟอกต้นปี 63 มีเวลาเก็บข้อมูลเพิ่ม “คารม” ซัดเสพติดอำนาจ จี้ประธานวิปรัฐบาลถอนญัตตินับคะแนนใหม่ “ธนาธร” หาแนวร่วมเลิกเกณฑ์ทหาร ชี้ทิ้ง กมธ.งบฯเปิดพื้นที่การเมืองใหม่ สับงบกลาโหมหมกเม็ดเลี่ยงตรวจสอบ พท.เครื่องรวน 68 ส.ส.อีสานแห่บินดูไบพบ “ทักษิณ” ฟ้อง “เจ๊หน่อย” ล้วงลูกยัดคนใกล้ชิดนั่ง กมธ. “สุดารัตน์” งดหาเสียง ลต.ซ่อมขอนแก่นรีบบึ่งเคลียร์ใจ “หัวเขียง” ปัดไม่พอใจอ้าง ส.ส.ไปเที่ยว-เยี่ยมนายเก่า
กรณีปัญหาองค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่ครบ จนเกิดเหตุสภาฯล่มถึงสองครั้งติดต่อกัน โดยพรรคแกนนำรัฐบาลหวาดระแวงว่า พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเล่นเกมการเมืองต่อรองชิงไหวชิงพริบกันเอง พร้อมทั้งกล่าวโทษพรรคฝ่ายค้านไม่ยอมให้ความร่วมมือ เพื่อให้การทำงานในสภาฯเดินหน้าไปได้ ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันสาเหตุไม่ใช่เกมการเมือง แต่เป็นเหตุสุดวิสัย พร้อมเรียกประชุม ส.ส.กำชับให้เข้าประชุมสภาฯให้พร้อมเพรียง
“องอาจ” กำชับ ส.ส.แก้สภาฯล่ม
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 3 ธ.ค.จะเรียกประชุม ส.ส.พรรค เพื่อพิจารณาระเบียบ วาระการประชุมสภาฯ ที่จะดำเนินการต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ที่เกิดกรณีองค์ประชุมสภาฯไม่ครบ ระหว่างกำลังอยู่ในญัตติขอให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการใช้ประกาศคำสั่งของ คสช.และคำสั่งของหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 ในที่ประชุม ส.ส.พรรคคงมีการขอความร่วมมือ ส.ส.ทุกท่าน ให้เข้าร่วมประชุมสภาฯ ให้ครบองค์ประชุม เพื่อเดินหน้าในสภาฯต่อไป
...
ปัดปั่นเกมการเมืองยันเหตุสุดวิสัย
นายองอาจกล่าวอีกว่า กรณีองค์ประชุมไม่ครบรอบที่เเล้วมีหลายสาเหตุ ในส่วนของพรรค ส.ส.บางท่านติดภารกิจ บางคนป่วยอยู่โรงพยาบาลและติดภารกิจต่างประเทศ เป็นเรื่องสุดวิสัย ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นเกมการเมืองใดๆเหมือนอย่างที่มีการพยายามวิเคราะห์กัน เชื่อว่าการประชุมสภาฯวันพุธที่ 4 ธ.ค.จะถึงนี้คงไม่น่าจะมีปัญหา นอกจากนี้ สถานที่ประชุมสภาฯแห่งใหม่รับทราบกันดีว่าได้ยืมวุฒิสภามาใช้ก่อน การก่อสร้างหลายส่วนยังไม่เสร็จเรียบร้อย ถ้าเป็นสภาฯแห่งเดิมจะมีลำโพงหลายจุด และมีจอโทรทัศน์ตามห้องต่างๆเพียงพอ ทำให้ ส.ส.ที่ประชุม กมธ.ตามห้องต่างๆจะมองเห็นความเคลื่อนไหวการประชุมสภาฯ แต่ปัญหาติดขัดเหล่านี้ เราไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างได้ เราจะต้องปรับปรุงแก้ไข เพราะหน้าที่รับผิดชอบหลักอย่างหนึ่งของ ส.ส.คือการเข้าร่วมประชุมสภาฯ
ยังไม่เห็นเทียบเชิญมีตติ้งพรรคร่วมฯ
นายองอาจกล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม อยากให้จัดมีตติ้งของพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อกระชับความสัมพันธ์ในวันที่ 3 ธ.ค.ว่า ขณะนี้ยังไม่มีเเจ้งมาว่าจะมีมีตติ้งในวันที่ 3 ธ.ค. ตามที่มีกระแสข่าว แต่หากมีการเเจ้งมาจริง ถ้าใครไม่ติดภารกิจก็คงจะไปร่วม เพราะการพบปะพูดคุยกันก็เป็นเรื่องที่ดีที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
“สนธิรัตน์” รับนัดสังสรรค์ค่ำ 3 ธ.ค.
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลจะพบปะหารือกันค่ำวันที่ 3 ธ.ค.ว่า กำหนดไว้เบื้องต้นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลจะมีนัดพบปะหารือกันจริง ช่วงค่ำวันที่ 3 ธ.ค.ที่สโมสรราชพฤกษ์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐรับทราบแล้ว และได้ประสานแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว แต่ทั้งนี้จะต้องรอความชัดเจนอีกครั้งวันเวลาอาจจะขยับได้
แก้เขินบอกตั้งใจพบปะกันนานแล้ว
เมื่อถามว่า เป็นเพราะจากปัญหาสภาฯล่ม รัฐบาลแพ้เสียงโหวตฝ่ายค้านจากการลงมติตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้มาตรา 44 หรือไม่ นายสนธิรัตน์ตอบว่า ความจริงตั้งใจพบปะกันแบบนี้มานานแล้ว แต่ช่วงที่ผ่านมาต่างยุ่งกับการทำงาน เพิ่งมีโอกาสที่แกนนำจะมานัดพบปะกัน ขณะที่แต่ละพรรคไม่ได้ลงลึกว่าต้องเป็นใครมาจะพาแกนนำใครมาก็ได้ และน่าจะเห็นการพูดคุยกันแบบนี้ของพรรคร่วมรัฐบาลอยู่เรื่อยๆจากนี้ เมื่อถามว่า ครั้งหน้ามีโอกาสที่ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด จะมาพบปะกันด้วยหรือไม่ นายสนธิรัตน์ตอบว่า ถือเป็นสิ่งที่ดี ในอนาคตจะได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกัน
“วิรัช” โยน ปชป.แก้ไม่ใช่งอแงโหวตสวน
ด้านนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงการแก้ปัญหาสภาฯล่มว่า เรื่องนี้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ เพราะไม่ได้ทำตามมติวิปรัฐบาล มี ส.ส.โหวตสวนมติพรรคและวิปรัฐบาล โดยไม่สอบถามวิปรัฐบาลว่าต้องเดินหน้าไปทางทิศทางไหน วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าเป็นสิทธิที่กระทำได้ ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องแก้ในส่วนที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์โหวตสวนมติ อยากขอให้พรรคประชาธิปัตย์รักษาองค์ประชุมให้ครบ ไม่ใช่ไม่พอใจแล้วไม่มาและโหวตสวน ขอให้ทำตามมติวิปรัฐบาล เข้าไปเป็นองค์ประชุมให้กับฝ่ายรัฐบาล เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์รู้ดีว่าต้องทำตามมติวิปรัฐบาลเป็นสำคัญเพราะเคยเป็นผู้นำรัฐบาลมาก่อน
ตอก “จุรินทร์” ต้องตอบ “บิ๊กตู่” เอาเอง
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำว่าญัตติตั้ง กมธ.พิจารณาศึกษาผลกระทบจากคำสั่ง คสช. และมาตรา 44 เป็นญัตติของสภาฯ ไม่ใช่รัฐบาล หากแพ้โหวตไม่ใช่เรื่องใหญ่ไม่ส่งผลต่อรัฐบาล นายวิรัชตอบว่า คำตอบนี้เป็นคำตอบที่นายจุรินทร์จะต้องไปตอบผู้นำรัฐบาล เพราะวิปรัฐบาลไม่สามารถเข้าไปมีความเห็นข้ามพรรค หรือให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวบุคคลได้ เมื่อถามว่า จะนำเรื่องนี้ไปเคลียร์นัดทานข้าวของนายกฯกับพรรคร่วมวันที่ 3 ธ.ค.หรือไม่ นายวิรัชตอบว่าในฐานะประธานวิปรัฐบาลพร้อมพูดคุยเรื่องนี้ แต่ไม่รู้ว่าไปแล้วจะได้คุยเรื่องนี้ได้หรือไม่
พปชร.เฟ้นสเปกผู้ว่าฯกทม.ทำจริง
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ กทม. กล่าวถึงการสรรหาบุคคลลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า ยังไม่ได้ตั้งกรรมการสรรหาและยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เมื่อใด ได้ส่ง ส.ส.กทม.และอดีตผู้สมัคร กทม.ลงพื้นที่สอบถามปัญหาที่ประชาชนต้องการให้แก้ไข ซึ่งมีมากและเป็นปัญหาใหม่ๆ เช่น ฝุ่น PM 2.5 ทำให้วิถีชีวิตคนกรุงเปลี่ยน แปลงไป จึงต้องหาคนที่เหมาะสม เข้าใจ มีวิสัยทัศน์ ทำงานจริงจัง ลงมือทำจริง เพื่อให้ได้สเปกผู้ว่าฯ กทม.ตามที่ต้องการ ในอดีตหลายนโยบายขายฝันสวยงาม แต่ปัญหาไม่ได้แก้ไขเลย ต้องเป็นนโยบายที่ไม่ว่าใครเข้ามาต้องลงมือทำได้จริง หรือลงมือทำสักทีน่าจะตรงใจคนกรุงมากที่สุด และต้องดูทีมงานรองผู้ว่าฯ กทม.ด้วย หากได้คนเหมาะสมแม้จะเปิดตัวช้า ไม่ใช่ปัญหาไม่มีผลอะไร
วิปฝ่ายค้านนัดถกท่าทีเช้า 4 ธ.ค.
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์กรณีวันที่ 4 ธ.ค. สภาฯยังค้างญัตติการพิจารณาตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบการใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ฝ่ายค้านจะร่วมพิจารณาหรือไม่ว่า เช้าวันที่ 4 ธ.ค.พรรคร่วมฝ่ายค้านจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการเช่นไร จะยืนตามมติเดิมไม่ร่วมประชุมในญัตติดังกล่าวหรือจะยืดหยุ่นอย่างไรหรือไม่ แต่ถึงอย่างไรเชื่อมั่นว่ารัฐบาลคงจัดการองค์ประชุมของพรรคร่วมรัฐบาลได้ ไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นรัฐบาลที่อ่อนแอที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อคนในประเทศและต่างชาติ
อย่ามาโบ้ยโยนบาปเสียงข้างน้อย
เมื่อถามว่ารัฐบาลอาจโยนความผิดให้ฝ่ายค้านที่ไม่เข้าร่วมประชุม มัวแต่เล่นเกมการเมือง นายสุทินกล่าวว่า รัฐบาลจะพูดเช่นนั้นไม่ได้เพราะในอดีตที่พรรคเพื่อไทยเคยเป็นรัฐบาลเราไม่เคยโยนความผิดเรื่ององค์ประชุมให้ฝ่ายค้าน และฝ่ายค้านไม่เคยทำให้องค์ประชุมล้มได้ ที่พรรคเพื่อไทยรักษาองค์ประชุมได้เพราะตระหนักดีว่าต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ ด้วยการรับผิดชอบองค์ประชุมของเราสมัยที่เป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านตอนนั้นทำหน้าที่ของเขา การวอล์กเอาต์เป็นมาตรการหนึ่งที่ฝ่ายค้านต้องทำ เพื่อกำกับการทำงานของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลนี้มีความรับผิดชอบเหมือนรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ต่อให้ฝ่ายค้านเล่นเกมอย่างไรสภาฯ ไม่มีวันล้ม การทำงานของรัฐบาลไม่สะดุด
ซักฟอกต้นปี 63 มีเวลาเก็บข้อมูลเพิ่ม
เมื่อถามถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะยื่นภายในปี 62 เหมือนมติเดิมของพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ นายสุทินกล่าวว่า เรื่องนี้จะได้ข้อสรุปในเช้าวันที่ 4 ธ.ค.เช่นกัน เนื่องจากมีข้อมูลใหม่จากประธานสภาฯว่าการนับวงรอบปีนับจากสมัยประชุม จะไปหมดเขตอภิปรายไม่ไว้วางใจการทำงานปีแรกของรัฐบาลในวันที่ 28 ก.พ. 2563 แต่เดิมเราเข้าใจว่านับเป็นปี พ.ศ. ที่จะจบวันที่ 31 ธ.ค.เมื่อประธานสภาฯชี้แจงมาเช่นนี้เราก็มีเวลาเพิ่มขึ้นจึงจะทบทวนว่าอภิปรายช่วงไหนจะเป็นประโยชน์ที่สุด และมีความเป็นไปได้ว่าเราจะเลื่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจออกไป
“สงคราม” อัดแพ้ต้องรู้จักยอมรับ
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณีองค์ประชุมสภาฯไม่ครบในการพิจารณาตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบจากมาตรา 44 ว่า การรักษาองค์ประชุมสภาฯ เป็นหน้าที่ของรัฐบาล การที่องค์ประชุมไม่ครบ ไม่ใช่ความผิดของฝ่ายค้าน เพราะเราไม่ยอมสังฆกรรมกับรัฐบาลในเรื่องไม่ถูกต้องเนื่องจากญัตติการตั้ง กมธ.ได้ผ่านไปแล้ว แต่พอรัฐบาลแพ้จึงขอให้นับใหม่ เมื่อรัฐบาลแพ้ต้องยอมรับ ไม่ใช่ตีรวนขอให้มีการนับใหม่เช่นนี้ ต่อไปหากทำแบบนี้จะเกิดความวุ่นวายมากขึ้น หากรัฐบาลอยากให้สภาฯเดินหน้า รัฐบาลต้องรักษาองค์ประชุมให้ครบ จะปล่อยให้ระบบวุ่นวายเช่นนี้ไม่ได้ หรือทางที่ดีรัฐบาลควรยอมรับผลคะแนนที่ลงมติไปก่อนหน้านี้ ให้ตั้ง กมธ.ศึกษาเรื่องดังกล่าว จะทำให้สภาฯเดินหน้าต่อไปได้
“คารม” จี้ “วิรัช” ถอนญัตตินับเสียงใหม่
นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีสภาฯล่ม 2 ครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้เกิดจากการพยายามเสนอญัตติให้นับคะแนนใหม่ในการตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบจากคำสั่ง คสช.และมาตรา 44 ที่ฝั่งรัฐบาลแพ้แล้วไม่ยอมแพ้ ที่จริงการตั้ง กมธ.นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นเพียงตั้งเพื่อศึกษาผลกระทบต่างๆ เรื่องไหนดีเราไม่ยุ่ง แต่เรื่องไม่ดีต้องแก้ไขเยียวยา ฝ่ายค้านไม่ได้ค้านทุกเรื่อง เรื่องดีเราพร้อมสนับสนุน แต่กรณีนี้ฝ่ายรัฐบาลอย่ามาเล่นเกม เมื่อลงมติแล้วแพ้ต้องยอมรับ ฝ่ายรัฐบาลต้องใจกว้างแล้วงานในสภาฯจะเดินหน้าไปด้วยดี การเป็นผู้คุมอำนาจพอมีอำนาจเยอะจะติด การประชุมสภาฯครั้งหน้า นายวิรัช รัตนเศรษฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ควรถอนญัตติการนับคะแนนใหม่ออกจะสวยงามกว่า ถ้าไม่ถอนฝ่ายค้านไม่เปลี่ยนจุดยืนแน่นอน แล้วสภาฯจะเดินต่อไปลำบาก ฝ่ายค้านไม่ใช่ผู้คุมเสียงแต่คือฝ่ายรัฐบาล การทำงานในสภาฯควรทำให้ไปร่วมกันได้ ไม่ใช่เอาแต่ชนะกัน เห็นบทเรียนจากรัฐบาลในอดีตมาแล้วว่าการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในสภาฯเป็นอย่างไร
ยัน “ธนาธร” ระวัง ม.116 ไม่ปลุกม็อบ
นายคารมกล่าวอีกว่า ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลาออกจาก กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 เพื่อปลุกม็อบลงถนน การปลุกม็อบไม่ใช่เรื่องง่าย เรามีบทเรียนในอดีตที่ผ่านมา เชื่อว่านายธนาธรไม่ได้คิดจะปลุกม็อบหรือต้องการให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงใดๆอีกแล้ว ร่วมงานกันมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรค เขาไม่มีความคิดจะนำมวลชนลงถนน แต่ต้องการให้พรรคขับเคลื่อนตามกลไกสภาและมีการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ตั้งใจอยากเป็น ส.ส. เข้าไปขับเคลื่อนการเมืองรูปแบบใหม่ ทั้งที่ความเป็นจริงจะอยู่แบบสบายๆ เป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยอยู่แล้วก็ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นจึงเข้ามาสู่การเมือง นอกจากนี้ จากการที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษจากผู้มีอำนาจ การจะทำอะไรต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงนี้คงต้องระมัดระวังมากกว่าเดิม เชื่อว่านายธนาธรจะไม่ทำอะไรสุ่มเสี่ยงเข้าทางฝ่ายจับจ้องอยู่แน่นอน โดยเฉพาะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 116 ข้อหาการยุยงปลุกปั่น ที่จะไปเข้าทางคนต้องการล้มนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่อยู่แล้ว
เย้ย รบ.เด็กไม่อ่านหนังสือเข้าสอบ ศก.
นายคารมกล่าวอีกว่า รัฐบาลไม่ต้องไปกังวลเรื่องนายธนาธร แต่ควรกังวลกับการบริหารจะดีกว่า โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจซบเซา รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับนายธนาธรจะเดินเกมนอกสภาฯ รัฐบาลวันนี้เหมือนคนอยากเข้าห้องสอบไปทำข้อสอบ แต่อ่านหนังสือมาน้อยและมีความรู้ไม่เพียงพอ เมื่อเจอข้อสอบเรื่องเศรษฐกิจ เลยไปนั่งงงนั่งมึนในห้องสอบ ไม่รู้ว่าจะแก้โจทย์ข้อสอบอย่างไร จึงเขียนคำตอบไม่ถูกต้องลงไป เหมือนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจวันนี้ไม่ถูกทาง รัฐบาลควรจะไปเพิ่มความรู้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ รู้ให้ลึกรู้ให้จริง ด้วยเทคโนโลยีข่าวสารที่เข้าถึงเร็ว ประชาชนมีข้อมูลต่างๆเยอะ ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนได้ รัฐบาลอยู่ได้อีกนานโดยไม่ต้องไปกังวลอะไรอีก
โต้ หน.อนค.ไม่รับผิดชอบหน้าที่
พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลาออกจาก กมธ.งบฯปี 63 ส่วนหนึ่งมีคนไม่อยากให้เขาอยู่ในสภาฯ จึงตัดสินใจทำงานมวลชนเต็มตัว ไม่ใช่การไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ตามที่บางคนกล่าวหา นายธนาธรจะลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากชาวบ้านพร้อมกับทีมงาน นำข้อมูลและปัญหาต่างๆส่งต่อให้ ส.ส.พรรคขับเคลื่อนแก้ปัญหาต่อในสภาฯ เหมือนเดินแบบสองขาทั้งในและนอก สภาฯ ควบคู่กันไป นายธนาธรเป็นเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดประชาชนอยากเข้ามาพูดคุยปัญหาต่างๆ และเข้าทางนายธนาธรที่ชอบลุยลงพื้นที่เข้าหาประชาชนอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าการทำงานแบบนี้จะได้ประโยชน์อย่างมาก นอกจากนี้ยังจะได้รณรงค์สร้างความรู้แก่ประชาชนในเรื่องต่างๆ ทั้งการแก้รัฐธรรมนูญ และการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ต่างๆ และยืนยันว่าการทำงานมวลชนไม่ใช่การปลุกม็อบลงถนน เราจะปลุกไปทำไมเพราะไม่มีประโยชน์อะไร แต่การทำให้ประชาชนมีความรู้เรื่องประชาธิปไตยคือประโยชน์มากกว่า
ไล่คนค้านร่าง ก.ม.ทหารอ่านให้ละเอียด
พล.ท.พงศกรกล่าวถึงกระแสการคัดค้านร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหาร ของพรรคอนาคตใหม่ ที่เสนอปรับเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารว่า พรรคไม่ได้เสนอให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารทั้งหมด แต่เสนอว่าภายใต้งบฯ เท่าเดิมหากเปลี่ยนวิธีสรรหากำลังพล ปรับการใช้เงินตรงนี้ไปเพิ่มประสิทธิภาพยุทโธปกรณ์ เน้นใช้เทคโนโลยีใหม่แทนกำลังพล จะทำให้กองทัพไทยมีประสิทธิภาพและมีกำลังทัดเทียมประเทศอื่นได้มากกว่าที่เป็นอยู่ อยากให้คนคัดค้านได้อ่านรายละเอียดในร่างที่เราเสนออย่างละเอียด แต่บางทีคนเหล่านั้นอาจไม่ได้อ่านเลย คงอ่านแต่เพียงหัวข้อตามข่าวว่าพรรคอนาคตใหม่เสนอการยกเลิกเกณฑ์ทหาร อยากให้กลับไปอ่านให้ละเอียดแล้วแสดงเหตุผลมาว่าพวกท่านคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นี้เพราะอะไร อยากฟังเหตุผลที่ฟังขึ้นไม่ใช่อ้างไปเรื่อย
“ธนาธร” หาแนวร่วมเลิกเกณฑ์ทหาร
เมื่อเวลา 09.30 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินสายพบประชาชนในเขตพื้นที่ลาดกระบัง ร่วมเตะฟุตบอลคู่เปิดสนามรายการ All Friend Tournament ครั้งที่ 5 สนามหญ้าเทียมฮีโร่ซอคเกอร์ ซอยฉลองกรุง 13 มีนายทวีศักดิ์ ทักษิณ และนายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมกิจกรรม จากนั้นเวลา 10.00 น. นายธนาธรและทีมงานไปที่ศูนย์การเรียนรู้ฅนเมือง ชุมชนบึงบัว เขตลาดกระบัง เยี่ยมชมโครงการฝึกอบรมอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้คนในชุมชนและนักศึกษา กศน. ช่วงท้ายนายธนาธรได้พูดคุยซักถามแนะนำให้นักศึกษา กศน.ร่วมผลักดันแคมเปญยกเลิกเกณฑ์ทหาร
ทิ้ง กมธ.ไปสร้างพื้นที่การเมืองใหม่
ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ก่อนบรรยายพิเศษ “ชำแหละงบประมาณกระทรวงกลาโหม” ถึงกระแสวิจารณ์การลาออกจาก กมธ.พิจารณาร่างงบฯปี 63 ไปปลุกระดมม็อบว่า หากเราต้องการจะเปลี่ยนแปลง จำเป็นต้องเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ อยากทำการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสภาฯ จึงอยากใช้เวลาไปเปิดพื้นที่การเมืองใหม่ๆ เมื่อถามว่า ไม่ได้เป็นการระดมม็อบในอนาคตใช่หรือไม่ เพราะอาจมีอีกหลายคดีที่ศาลกำลังจะพิจารณา นายธนาธรกล่าวว่า ไม่เกี่ยวอะไรกับคดี คงเห็นชัดแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงทางกลไกรัฐสภา ที่เราตั้งมั่นมุ่งหมายไว้อย่างเดียวคงไม่พอ เชื่อว่านายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ จะเป็นผู้นำที่ดีและทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อถามย้ำว่า ในแง่มวลชนจะไม่มีเกิดขึ้น แต่จะรวมกลุ่มเฉพาะเรื่องใช่หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่าคงไม่สามารถพูดอย่างนั้นได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะอยู่ที่ความรู้สึกของประชาชน ไม่ได้อยู่ที่ตน ไม่ว่าจะทำอะไรหากประชาชนไม่เห็นด้วยก็ไม่เกิดขึ้น
ฉะงบฯ กห.หมกเม็ดหนีตรวจสอบ
ต่อมานายธนาธรบรรยายพิเศษ “ชำแหละงบประมาณกระทรวงกลาโหม” ตอนหนึ่งว่า ไม่ได้บอกว่านำไปใช้ในเรื่องอะไรมันผิด แต่สิ่งสำคัญต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ทั้งขารับและขาจ่าย จนถึงตอนนี้ไม่มีใครมองเห็น เงินนอกงบประมาณกระทรวงอื่นเห็นมากกว่านี้ขอดูได้ แต่กระทรวงกลาโหมมีกฎหมายเปิดช่องไว้ ได้แก่ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 มาตรา 61 (3) กำหนดว่างบฯทั้งหมดต้องทำตามข้อกฎหมายกำหนด เว้นแต่มีกฎหมายเขียนไว้เป็นอย่างอื่น หรือได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังเป็นอย่างอื่น มีแต่กระทรวงกลาโหมเท่านั้นที่มีข้อตกลงพิเศษตามระเบียบที่เปิดช่องไว้ ส่วนข้อบังคับกลาโหมว่าด้วยการเงินการคลัง พ.ศ.2555 ระบุไว้ว่าให้แบ่งเงินนอกงบประมาณเป็น 2 ประเภท โดยเฉพาะประเภทที่ 2 ระบุว่า ถ้าระบบบัญชีที่ใช้กันทั่วไปไม่เหมาะสม ให้ปรับระบบบัญชีและระบบตรวจสอบเองได้ด้วย สนามมวยลุมพินีและสนามม้าอัศวราชสีมา จ.นครราชสีมา ยังมีข้อสงสัยว่า ขึ้นตรงกับใคร ไม่ได้บอกว่าเราควรยกเลิก แต่ควรเปิดประมูลอย่างโปร่งใสในระบบสัมปทาน เพื่อไม่ให้ประชาชนมีข้อกังขา ไม่ต้องมีเงินใต้โต๊ะ
จวกจัดงบฯไอโอบิดเบือนชังชาติ
นายธนาธรกล่าวอีกว่ากรณีปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือปฏิบัติการ IO เคยมีเพจชื่อกองพันทหารโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว ทั้งคำว่าชังชาติเป็นภัยต่อชาติหรือการปกครองบ้าง เราเลยมีคำถามว่า กระทรวงกลาโหมมีปฏิบัติการ IO หรือไม่ ในเล่มงบประมาณไม่ได้ระบุงบฯส่วนนี้ไว้ แต่ในรายละเอียดอื่นๆเอกสารบางชุดกลับดูเหมือนว่ามีการปฏิบัติการส่วนนี้ อำนาจการกำหนดเนื้อหาว่าใครชังชาติหรือใครเป็นศัตรูอยู่ที่ใคร เพราะถ้าดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นเนื้อหาบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้คนเกลียดชังกัน เป็นความเกลียดชังที่ถูกสร้างขึ้น สังคมจึงเดินหน้าต่อไปไม่ได้ เพราะมีปฏิบัติการนี้อยู่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ชี้แจงกับ กมธ.ความมั่นคงกลับบอกว่าไม่มีการที่ไม่ยอมรับความหลากหลายทางความคิดที่มีอยู่ หากเริ่มต้นด้วยความเชื่อว่าความจริงที่ถูกต้องมีอยู่เพียงอันหนึ่งอันเดียว ฟังแล้วน่าขนลุกเหมือนกัน งบฯของคุณถูกนำไปใช้ให้ประชาชนรู้สึกดีต่อหน่วยงานทหารเป็นเรื่องตลกมาก
“อ๋อย” แนะ รบ.ยอมตั้ง กมธ.ศึกษา ม.44
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯและอดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ให้สัมภาษณ์กรณีที่สภาฯล่มในการพิจารณาตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบคำสั่งมาตรา 44 ว่า สาเหตุหลักมีอยู่ 2 อย่างคือ รัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลไม่ต้องการให้ตั้ง กมธ.ดังกล่าวขึ้น แต่เสียงไม่เพียงพอ เมื่อแพ้แล้วพยายามนับคะแนนใหม่ ฝ่ายค้านก็ไม่เข้าร่วมประชุม ถ้ารัฐบาลมาประชุมบ้างไม่มาประชุมบ้างเช่นนี้ไม่สามารถประชุมสภาฯได้อีกระยะหนึ่ง ทำให้เกิดความเสียหายต่อสภาฯ นำไปสู่สาเหตุที่ 2 คือ อาจเป็นความตั้งใจของผู้มีอำนาจของรัฐบาล ต้องการทำให้ภาพพจน์สภาฯเสียหาย ทำให้เห็นว่าระบบทำไม่ได้ ทั้งที่ความจริงการประชุมสภาฯได้หรือไม่ เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลและนายกฯ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ให้สภาฯล่มอีกรัฐบาลควรเปิดโอกาสให้ตั้ง กมธ.ดังกล่าวขึ้น เพราะมีความเสียหายหลายด้าน คำสั่งมีสถานะเป็นกฎหมาย ทำให้กฎหมายปกติมีปัญหาทางปฏิบัติมากจึงต้องศึกษาแก้ปัญหาร่วมกัน
บี้ รบ.ปรับการทำงานแค่มีตติ้งไม่พอ
นายจาตุรนต์กล่าวอีกว่า ส่วนความขัดแย้งรอยร้าวในรัฐบาลที่เกิดขึ้นว่า ปัญหาสำคัญมาจากพรรคร่วมต่างฝ่ายต่างชิงดีชิงเด่น ทำในสิ่งที่ได้คะแนนเข้าพรรคตัวเอง ขณะที่นายกฯไม่เข้าใจการทำงานกับพรรคร่วม ที่เป็นห่วงกันว่ารัฐบาลจะล้มไม่น่าห่วง หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ยังคุม ส.ว.ได้ไม่มีใครทำอะไร พล.อ.ประยุทธ์ได้ ถึงอย่างไรก็กลับมาเป็นนายกฯได้อยู่ดี แต่ปัญหาขาดการนำที่ดีเป็นผลเสียต่อประเทศ เช่น การแบนสารพิษอันตรายขาดการเตรียมการล่วงหน้า พอมายกเลิกแบนไปคนละทิศคนละทางและนายกฯทำอะไรไม่ได้เลย อีกเรื่องสำคัญคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แต่ละกระทรวงไปคนละทิศละทาง มาตรการกระทรวงการคลังแจกแล้วแจกอีก ไม่มีผลต่อการเพิ่มผลผลิตการจ้างงาน กระทรวงการคลังกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯทำกันไป เป็นมาตรการกระทรวงการคลังขาเดียว ทั้งที่ต้องดูมาตรการการคลังที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงหลักๆทั้งหลายด้วย นายกฯต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด วางระบบใหม่ให้ประสานเชื่อมโยงกัน ถือว่ายากแต่ต้องรีบทำไม่เช่นนั้นจะเสียหาย พล.อ.ประยุทธ์ต้องปรับการทำงานใหม่หมด ถ้ารับผิดชอบเศรษฐกิจไม่ไหวให้คนอื่นทำแทน แล้วมีอำนาจสั่งทุกกระทรวงได้จะผ่อนหนักเป็นเบา การจะนัดมีตติ้งพรรคร่วมยังไม่เพียงพอเพราะเวลานี้เศรษฐกิจเสียหายยับเยินต้องการอะไรมากกว่านั้น
“วันชัย” ตีปี๊บเสียงปริ่มน้ำออกฤทธิ์
นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เสียงปริ่มน้ำได้ออกฤทธิ์ในการประชุมสภาฯเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงขั้นแพ้มติและสภาฯล่มถึง 2 ครั้ง การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการอยากมีอยากเป็นหรือการรักษาอำนาจ จะเล่นเกมชิงไหวชิงพริบกัน เสียงปริ่มน้ำจะเกิดอาการอย่างที่เห็น ทั้งการต่อรองและการเล่นเกม ทำให้ประชาชนเอือมระอากับการเมือง ถึงขนาดโจมตีด่าทอกันสารพัด ทั้งเชียร์และแช่งตามอารมณ์ความชอบ
ได้ทีโอ่ ส.ว.ถ่วงดุลประคองบ้านเมือง
“ประชาชนรู้สึกหวั่นไหวว่ารัฐบาลจะไปรอดหรือไม่ ถ้าจะล้มรัฐบาลขณะที่เสียงปริ่มน้ำง่ายมาก ห่างกันอยู่ไม่กี่เสียง แต่ปัญหาคือล้มแล้วจะตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ สมมติว่าพรรคพลังประชารัฐรวมกับพรรครวมพลังประชาชาติไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้ 170 เสียง พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่และพรรคอื่นๆรวมกันได้ 330 เสียง ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้อยู่ดีเพราะไม่ได้ 376 เสียงตามรัฐธรรมนูญกำหนด เขาออกแบบมารู้ว่าการเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์แล้ว จึงเอา ส.ว.มาช่วยถ่วงดุล ประคับประคองให้บ้านเมืองเดินไปในระยะเปลี่ยนผ่าน ไม่ให้มาเล่นเกมต่อรองมาชิงไหวชิงพริบทางการเมืองอย่างที่เป็น”
รบ.ล้มหรือไม่อยู่ที่ผลงานตัวเอง
นายวันชัยกล่าวอีกว่า รัฐบาลจะล้มหรือดำรงอยู่ได้หรือไม่มาจากเหตุ 3 ประการคือ 1.พรรคร่วมรัฐบาลทะเลาะกันแล้วแตกกัน 2.ทุจริตโกงกินคอร์รัปชัน 3.ไม่มีผลงาน คนเบื่อ หมดหวังหมดศรัทธา หมายความว่าไม่ว่าจะในสภาฯหรือนอกสภาฯที่คนมาเดินตามท้องถนน จะล้มหรือไม่ล้มมาจาก 3 ปัจจัยนี้ เกิดจากทำตัวเองทั้งนั้น ส.ว.ก็เช่นกัน เขาให้มาทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ได้ให้มาปกป้องรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง รัฐบาลใดดีมีผลงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนต้องสนับสนุน แต่ถ้ารัฐบาลใดอยู่ในปัจจัย 3 ประการประชาชนไม่เอา หมดหวังหมดศรัทธา เชียร์ไปน่าจะเสียผู้เสียคน รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่หรือเสียง ส.ว. แต่อยู่ที่การทำตัวของตัวเองและอยู่ที่ว่าไปนั่งอยู่ในใจของประชาชนได้หรือเปล่าต่างหาก
แฉไอ้โม่งชง “บิ๊กตู่” ตั้ง กก.ฮุบ 5 จี
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจองค์การมหาชนและกองทุน กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนการพิจารณาจัดสรรและประมูลคลื่นความถี่ของชาติเพื่ออนุญาต 5G ล่าช้ามากอาจมีการดึงเรื่องรอเพื่อล็อกสเปกหรือไม่ จะเรียกเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เพราะมีข้อมูลว่ามีความพยายามจะแทรกแซงการทำงานของ กสทช.จากบางคนในรัฐบาล ที่อาจมีเอี่ยวกับผลประโยชน์บริษัทเอกชนบางบริษัทที่จะเข้าประมูลหรืออาจล็อกสเปกให้พวกพ้อง รัฐมนตรีบางคนจะเสนอตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ อาศัยมาตรา 11 (6) ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีรัฐมนตรีถึง 13 คน ส่วนราชการเกือบ 10 แห่ง ที่เหลือคือเอกชนเป็นกรรมการ ที่สำคัญคนจะลงนามได้คือนายกฯเท่านั้น ทั้งที่เป็นเรื่องของ กสทช.ต้องดำเนินการเอง ขอฝากพวกเกิดปีชง ชอบชงเรื่องอันตรายให้นายกฯ ต้องระวังหากตั้งกรรมการชุดนี้ไปล้วงลูกจะกลายเป็นแทรกแซงองค์กรอิสระหรือไม่ จะติดตามเรื่องนี้เตรียมพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไป
“ชวน” ไข้จับเข้า รพ.เช็กเลือด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันที่ 30 พ.ย.นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เกิดอาการอ่อนเพลียและมีไข้ จึงเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อตรวจร่างกาย หลังจากตรวจร่างกายเบื้องต้น แพทย์เจาะเลือดตรวจและให้ยาปฏิชีวนะ ภาพรวมอาการไม่น่าเป็นห่วง โดยไม่ได้เข้านอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ทั้งนี้นายชวนยังสามารถไปปฏิบัติภารกิจเมื่อช่วงเช้าวันที่ 1 ธ.ค.ได้ตามปกติ หลังเสร็จภารกิจแล้วจึงกลับเข้าไปโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อตรวจร่างกายซ้ำ และรอผลเจาะเลือดอีกครั้ง โดยเย็นวันที่ 1 ธ.ค.นายชวนจะเดินทางไปร่วมงานสวดอภิธรรม ที่วัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร ตามตารางงานปกติที่กำหนดไว้อยู่ตามเดิม
“บิ๊กป๊อก” เชื่อมือ กมธ.หั่นงบฯ มท.
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการพิจารณางบประมาณของกระทรวงมหาดไทยของ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2563 ว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.ได้ชี้แจงตามแผนงานของกระทรวงมหาดไทย กมธ.ซักถามภาพรวมการใช้งบฯเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สร้างสรรค์ดี จะมีการลงรายละเอียดในคณะอนุ กมธ.ต่อไป ถือเป็นโอกาสดีที่ได้มีโอกาสชี้แจงต่อ กมธ. ยืนยันว่าไม่กังวลจะถูกตัดงบฯ เชื่อว่า กมธ.คงพิจารณาถึงความจำเป็น ความเหมาะสมและความพร้อมในการใช้งบฯ ส่วนการเปิดตัวเตรียมลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม.ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่หน้าที่กระทรวงมหาดไทย เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องการเปิดรับสมัคร กระทรวงมหาดไทยดูแลความพร้อมการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ต้องใช้งบประมาณท้องถิ่น ต้องตรวจสอบงบฯจัดการเลือกตั้งให้พอเพียงและมีความพร้อม แต่ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ยังไม่ผ่านสภาฯ เมื่องบฯพร้อม จากนั้น กกต.จะประสานกับ ครม.กำหนดวันเวลาเลือกตั้ง
ส.ส.อีสานเพื่อไทยบินพบ “ทักษิณ”
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อวันที่ 28-30 พ.ย. ส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย 68 คน เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทยอยไปกัน 3 รอบ รอบละประมาณ 20 คน นำโดยนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ประธานภาคอีสาน เพื่อระบายความในใจเป็นรายบุคคล หลีกเลี่ยงเข้าพบเป็นกลุ่ม เกรงว่าเรื่องจะรู้ไปถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เพราะส่วนใหญ่ไประบายความไม่พอใจการบริหารงานของคุณหญิงสุดารัตน์ ที่มักแทรกแซงการทำงาน เช่นวันที่ 19 พ.ย. มีการประชุม ส.ส.ภาคอีสาน คุณหญิงสุดารัตน์ ก็เข้ามานั่งเป็นประธานประชุม ทั้งที่ปกติไม่เคยเข้าและมาเปลี่ยนตัวคณะอนุ กมธ.พิจารณางบฯ ที่ ส.ส.ศรีสะเกษและ ส.ส.อีสานมีมติส่งนายวีระพล จิตสัมฤทธิ์ ส.ส.ศรีสะเกษ นั่งอนุ กมธ.แต่ท้ายที่สุดถูกคุณหญิงสุดารัตน์ เปลี่ยนชื่อออกไม่บอกกล่าวให้คนอื่นมาเป็นแทน สร้างความไม่พอใจให้ ส.ส.ศรีสะเกษอย่างมาก จนเกิดโต้เถียงในห้องประชุม ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ได้ขอโทษแล้วและรับปากจะไม่ให้เกิดเรื่องลักษณะนี้ขึ้นอีก
“เจ๊หน่อย” งดหาเสียงขอนแก่นบึ่งเคลียร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความไม่พอใจของ ส.ส.อีสาน สะสมมาเป็นระยะตั้งแต่การแบ่งสัดส่วนประธาน กมธ. กมธ.จนมาถึงการตั้งคณะอนุ กมธ.งบฯด้านต่างๆ ที่ ส.ส.อีสานโดนเปลี่ยนชื่อให้คนนอก เช่น นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ มาเป็นแทน เมื่อมีตำแหน่งมาผู้ได้รับจัดสรรส่วนใหญ่จะเป็น ส.ส.กทม.หรือคนใกล้ชิดและ ส.ส.อีสานบางส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ช่วงเดียวกันคุณหญิงสุดารัตน์ได้นัดกลุ่ม ส.ส.อีสานไปทานอาหารที่บ้าน เพื่อปรับความเข้าใจ แต่ไม่มีใครไปร่วม แต่กลับนัดรวมตัวกันเดินทางไปดูไบแทน ช่วงเดียวกันคุณหญิงสุดารัตน์ ได้เดินทางไปดูไบด้วยเช่นกันเพื่อเคลียร์ปัญหากับ ส.ส.อีสาน โดยยกเลิกการลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.ขอนแก่น วันเสาร์และอาทิตย์ที่ผ่านมา รวมถึงอาจงดประชุม ส.ส.พรรคในวันที่ 3 ธ.ค.ด้วย
“หัวเขียง” อ้าง ส.ส.ตีตั๋วเที่ยวดูไบ
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ประธานภาคอีสานพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว ส.ส.อีสานพรรคเพื่อไทย 60 คนไปนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพราะไม่พอใจการทำงานของคุณหญิงสุดารัตน์ว่า ข่าวที่บอกว่า ส.ส.อีสานไม่พอใจคุณหญิงสุดารัตน์ ไม่เป็นความจริง ส.ส.อีสานไม่มีปัญหาการทำงานกับคุณหญิงสุดารัตน์ ที่ผ่านมาทำงานใกล้ชิดและทุ่มเทให้ชาวอีสานอย่างมาก ส.ส.อีสานไปดูไบ พักผ่อนท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นช่วงฤดูอากาศดี เคยคุยกันมาก่อนว่าถ้าไปช่วงฤดูกาลไม่เหมาะจะพบกับอุณหภูมิสูงมาก เที่ยวไม่มีความสุขเท่าที่ควร และถือโอกาสมาเยี่ยมนายทักษิณ ในฐานะให้ความเคารพรักกัน ทุกคนออกค่าใช้จ่ายมากันเอง ตนเป็นเพียงผู้ประสานงานจองที่นั่งเครื่องบิน โรงแรม รถยนต์ และประสานงานอื่นๆเท่านั้นและขอร้องให้ทุกคนงดเว้นการพูดทางการเมือง ก็ได้รับความร่วมมือจากทุกคน
“อนุดิษฐ์” ปฏิเสธงัดข้อ “สมพงษ์”
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวไม่ให้ความร่วมมือการทำงานกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ไปร่วมประชุมกับแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ว่า ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ปล่อยข่าว ปกติตนเข้าร่วมประชุมในกิจกรรมของ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกครั้ง ยกเว้นล่าสุดที่ไม่ได้ไปเพราะนายวิวัฒน์ เลิศจิตดิสุทธิ์ บิดาภรรยาเพิ่งเสียชีวิต จำเป็นต้องไปร่วมบำเพ็ญกุศลที่ จ.ราชบุรี ได้แจ้งให้นายสมพงษ์ทราบแล้ว หัวหน้าพรรคยังฝากแสดงความเสียใจกับครอบครัว ขอให้ตนไปทำหน้าที่ส่งผู้วายชนม์ให้ดีที่สุด ยืนยันว่าในฐานะเลขาธิการพรรคร่วมมือการทำงานกับนายสมพงษ์อย่างเต็มที่มาตลอด
กกต.ขอนแก่นจับคู่ชิงลงสัตยาบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ขอนแก่น ว่า บรรยากาศการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ขอนแก่น เขต 7 ที่ กกต.เขต 7 เปิดรับสมัครมาตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.จนถึงขณะนี้มีเพียงผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐลงชิงเก้าอี้เพียง 2 พรรค คือนาย ธนิก มาสีพิทักษ์ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย จับได้ หมายเลข 1 นายสมศักดิ์ คุณเงิน พรรคพลังประชารัฐ ได้หมายเลข 2 และผู้สมัครทั้งสองพรรคได้นำทีมลงพื้นที่เพื่อหาเสียงทุกวัน
ด้านนายอภินันทน์ จันทร์อุปละ ผอ.กต.ขอนแก่น กล่าวว่า กกต.ขอนแก่นได้กำหนดให้มีพิธีลงนามสัตยาบันไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียงและไม่กระทำการใดๆที่ผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งในวันที่ 4 ธ.ค.และในวันที่ 20 ธ.ค. กำหนดให้จัดกิจกรรมรณรงค์ ให้ผู้มีสิทธิ์ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. จะเป็นประธานจัดกิจกรรม และลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมการจัดการเลือกตั้ง
ปชช.เอือม กมธ.ป.ป.ช.ฟัดกันเละ
วันเดียวกัน นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง “ปัญหาในกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร” ระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. จากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปจำนวน 1,257 ตัวอย่าง ถึงความคิดเห็นต่อความขัดแย้งใน กมธ.พบว่าร้อยละ 51.71 ระบุว่าน่าเบื่อ ควรหยุดทะเลาะกันหันมาทำงานให้ประชาชนได้แล้ว ร้อยละ 24.74 ระบุ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน กมธ.ที่แข็งแกร่ง มีจุดยืน ร้อยละ 12.33 ระบุ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์แข็งกร้าวเกินไป ร้อยละ 10.50 ระบุประธานเสนอแต่เรื่องเดิมๆที่ไม่เป็นประโยชน์ กับประชาชน เช่น เรื่องการถวายสัตย์ฯ ร้อยละ 9.71 ระบุ กมธ.ที่มีอายุน้อยบางคนไม่มีสัมมาคารวะ ร้อยละ 6.68 ระบุประธานยึดมั่นในความถูกต้อง ร้อยละ 4.46 ระบุประธานไม่มีวุฒิภาวะ โต้เถียงกับ กมธ.ที่มีอายุน้อยกว่า ร้อยละ 4.06 ระบุ กมธ.บางคนสนใจแต่จะปลดประธานไม่ทำอย่างอื่นเลย ร้อยละ 1.27 ระบุ กมธ.บางคนจำเป็นต้องเสนอปลดประธานให้การทำงานไปต่อได้ และร้อยละ 3.66 ไม่ตอบ/ไม่สนใจ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 47.57 ระบุไม่ควรเปลี่ยนประธาน ร้อยละ 34.77 ระบุควรเปลี่ยน ร้อยละ 17.18 ระบุไม่แน่ใจ และร้อยละ
0.48 ไม่ตอบไม่สนใจ
มองภาพลักษณ์การเมืองยังย่ำแย่
ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจดัชนีการเมืองไทยโดยมีตัวชี้วัดรวม 25 ประเด็น เพื่อสะท้อนการเมืองไทยว่า ดีขึ้น แย่ลงหรือเหมือนเดิมจากคะแนนเต็ม 10 จากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 2,469 คน พบว่าภาพรวมดัชนีการเมืองไทยเดือน พ.ย.ได้ 3.94 คะแนน โดยประเด็นที่เห็นว่าดีขึ้นกว่าเดือน ต.ค.คือ 1.ผลงานของรัฐบาล 2. การบริหารตามนโยบายที่ประกาศไว้ 3.ผลงานของนายกฯ 4.แก้ปัญหาความยากจน ขณะที่แย่ลงกว่าเดือน ต.ค.คือ 1.การปฏิบัติงานของฝ่ายค้าน 2.ข่าวสารที่เผยแพร่จากสื่อต่างๆ 3.จริยธรรม/วัฒนธรรมของคนในชาติ 4.ความสามัคคีของคนในชาติ 5.การดำเนินงานของพรรคการเมือง 6.การจัดการศึกษา 7.ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 8.การพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า 9.สภาพของสังคม 10.ความมั่นคง/การก่อการร้าย 11.แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล 12.การปฏิบัติตน/ความสามัคคีของนักการเมือง 13.ความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นต้น ส่วนข้อเสนอแนะทางการเมือง อันดับ 1.ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง 2.นักการเมืองควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม 3.อยากให้การประชุมสภาฯเป็นไปด้วยความเรียบร้อย 4.ไม่ทะเลาะเบาะแว้งหันมาดูแลประชาชน และ 5.นำความรู้ความสามารถมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ไม่เอาด้วยยกเลิกเกณฑ์ทหาร
ขณะที่ซูเปอร์โพล สำรวจความคิดเห็นผ่านเสียงประชาชนในโลกโซเชียล 3,084 ตัวอย่าง และเสียงประชาชนในสังคมดั้งเดิม 1,250 ตัวอย่าง เรื่อง นักการเมืองกับการยกเลิกเกณฑ์ทหารระหว่างวันที่ 15-30 พ.ย. เมื่อถามว่านักการเมืองที่รณรงค์ยกเลิกเกณฑ์ทหารมีวิธีการอื่นที่ดีกว่าแล้วหรือไม่พบว่าร้อยละ 81.9 ระบุยังไม่มีวิธีการอื่นที่ดีกว่าการเกณฑ์ทหารในปัจจุบัน มาประกันความมั่นคงของประเทศช่วยเหลือประชาชนยามเกิดภัยพิบัติ เหตุความไม่สงบในประเทศ มีแต่ปลุกปั่นเอาข้อผิดพลาดเรื่องหยุมหยิมส่วนน้อยมาทำลายเรื่องใหญ่ด้านความมั่นคงและความเดือดร้อนของประชาชน ขณะที่ร้อยละ 18.1 ระบุว่า มีวิธีการอื่นที่ดีกว่าแล้ว เช่น ระบบสมัครใจ การจ่ายเงินให้รัฐ และแนวทางยกเลิกเกณฑ์ทหารของต่างประเทศ เป็นต้น ส่วนร้อยละ 61.4 ระบุจำเป็นต้องมีการเกณฑ์ทหาร ในขณะที่ร้อยละ 18.4 ระบุไม่จำเป็น และร้อยละ 20.2 ไม่แน่ใจ