ล่มแล้วล่มอีกด้วยเพราะรัฐบาลแพ้โหวตฝ่ายค้านจนเป็นเรื่องเล่นเอานายกฯต้องออกมาประกาศต่อไปนี้ต้องไม่มีอีกแล้ว แต่สัญญาณอาการเศรษฐกิจ “ไข้ขึ้น” นั่นแหละคือเรื่องใหญ่สุด
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้สภาอลวนคนอลเวงจนล่มแล้วล่มอีก 2 วันติดต่อกัน เพราะปัญหาการลงมติเลือก กมธ.ม.44
วันแรกก่อนล่มนั้นเหตุก็เพราะฝ่ายรัฐบาลแพ้มติฝ่ายค้าน ก็เลยยกข้อบังคับว่าด้วยคะแนนที่ต่างกันไม่ถึง 25 เสียง
สามารถเสนอให้มีการนับใหม่หรือ ลงคะแนนกันใหม่แบบขานชื่อทีละคน ทำให้ฝ่ายค้านไม่พอใจ “วอล์กเอาต์” ออกจากห้องประชุม
ก็เลยต้องไปว่ากันใหม่เลื่อนการประชุมออกไป
รุ่งขึ้นก็มีปัญหาอีกปรากฏว่าล่มอีกเพราะองค์ประชุมไม่ครบ
แม้ฝ่ายค้านจะมาประชุมแต่ส่วนหนึ่งอยู่นอกห้อง อีกส่วนหนึ่งอยู่ในห้องประชุมแต่ไม่ยอมกดบัตรแสดงตน
ความวุ่นวายก็เลยไม่ต่างไปจากที่ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาฯ เตือนว่านี่สภาไม่ใช่โรงเหล้าเถื่อน
ว่าไปแล้วญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาคำสั่ง คสช.นั้นไม่ต่างไปจากการซักฟอก คสช. ด้วยการใช้รูปแบบเป็นทางการคือใช้ สภาเป็นกลไก
เจตนาเพื่อหวังผลอะไรก็รู้กันอยู่!!
ที่สำคัญก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อดีตหัวหน้า คสช. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อดีตที่ปรึกษา คสช.
คือเบอร์ต้นๆ ที่จะต้องถูกเรียกมาให้ปากคำฟื้นอดีต
เข้ามาเมื่อใดก็คงต้องถูกยำเละแน่ หรือจะพูดได้ว่าเข้าทางอนาคตใหม่เต็มๆ
หนําซํ้าประชาธิปัตย์ยื่นญัตติในลักษณะที่ไม่ต่างกันเท่ากับว่าเป็นญัตติจากฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
...
เสียงที่ออกฝ่ายรัฐบาลจึงไม่ต่างไปจากหนุนเนื่องฝ่ายค้าน เพราะเมื่อเสนอญัตติก็ต้องยกมือให้อย่างช่วยไม่ได้
เสียงสนับสนุนตั้ง กมธ.จึงออกมาอย่างที่เห็น
ไปโทษใครไม่ได้ต้องโทษตัวเอง
รู้กันดีอยู่แล้วว่าทั้ง “ตู่–ป้อม” ไม่เห็นด้วยกับญัตตินี้อยู่แล้ว แต่ทำยังไงได้เมื่อประสานงานกันไม่ดีพอผลก็เลยออกมาอย่างนี้
คำตอบของนายกฯแม้จะออกมาฟังดูดีว่าไม่มีปัญหาความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล แต่ในใจคงร้อนรุ่มไม่น้อย
ถึงกับประกาศเลยว่าต่อไปจะ “แพ้โหวต” ไม่ได้อีกแล้ว
“ผมถือว่าผมเป็นทหารเก่า ผมถือว่าสัญญาลูกผู้ชาย สุภาพบุรุษ สำคัญที่สุด การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องเป็น พรรคร่วมรัฐบาลจริงๆ ไม่ใช่ต่อสู้กันทางการเมืองอย่างเดียว”
ว่าไปแล้วแม้จะเป็นญัตติที่ไม่มีผลต่อรัฐบาลโดยตรง แต่เป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคลที่มีผลทางอ้อม
ต่อความเชื่อมั่นของ “ผู้นำรัฐบาล”
แต่สัญญาณจริงๆที่น่าห่วง และมีผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลโดยตรงก็คือปัญหาเศรษฐกิจ ที่ล่าสุดก็ยอมเปิดปากยอมรับตรงๆ
อาการ “ไข้ขึ้น”...
แม้กระทั่ง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ ยังยอมรับว่ามีปัญหาเปรียบกับรัฐบาลชุดที่แล้วเคยมี “4 ขา”
แต่ปัจจุบันมีเพียงขาเดียวคือ กระทรวงการคลัง
ตั้งคำถามว่า แล้วกระทรวงอื่นๆ ทำอะไรกันบ้าง?
นั่นแหละ...คือสิ่งที่นายกฯลุงตู่จะต้องตอบ!!!
“ลิขิต จงสกุล”