กองทัพอากาศ จัดพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ข/ค (F-5TH) และอากาศยานไร้คนขับแบบ RTAF U1 เป็นก้าวสำคัญของการพึ่งพาตนเอง ต่อยอดพัฒนาเทคโนโลยีรับมือภัยคุกคามใหม่ๆ 

เมื่อวันที่ 14 พ.ย.62 พลอากาศเอกมานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ข/ค หรือเครื่องบินแบบ F-5TH (ซูเปอร์ไทกริส) และอากาศยานไร้คนขับแบบ RTAF U1 (อาร์-ที-เอ-เอฟ-ยู-วัน) ณ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง

กองทัพอากาศมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นกองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาค ด้วยการพัฒนาขีดความสามารถทั้ง 3 มิติ ได้แก่ มิติทางอากาศ มิติไซเบอร์ และมิติอวกาศ โดยเน้นวางรากฐานการพัฒนาในทุกๆ ด้าน รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับสรรพกำลังของชาติทุกภาคส่วน ในการพัฒนากำลังของกองทัพอากาศ และการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งจะทำให้กองทัพอากาศสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน กองทัพอากาศตระหนักถึงการใช้ขีดความสามารถในการป้องกันประเทศอย่างมีประสิทธิภาพตามโครงสร้างกำลังรบ ภายใต้กรอบงบประมาณของกองทัพอากาศที่มีอยู่อย่างจำกัด

...


กองทัพอากาศ ได้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างอากาศยาน และเพิ่มขีดความสามารถของเครื่องบินแบบ F-5TH จำนวนทั้งสิ้น 14 เครื่อง โดยปรับปรุงติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และระบบอวิโอนิกส์ (Avionics) ที่ทันสมัย ระบบป้องกันตนเอง ระบบเรดาร์ใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับเป้าหมาย รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการใช้อาวุธสมัยใหม่ ที่มีความแม่นยำสูง และมีระยะยิงไกลนอกระยะสายตา อีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง (Network Centric Operation) ระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Tactical Data Link) เพื่อรองรับการใช้งานระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี (Link-T) เทียบเท่าเครื่องบินขับไล่แบบที่ 20/ก หรือเครื่องบินแบบ JAS-39 C/D GRIPEN ที่เป็นเครื่องบินขับไล่ไอพ่นในยุค 4.5


นอกจากนี้กองทัพอากาศยังได้ร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศในการสนับสนุน และร่วมมือกันผลิตอากาศยานไร้คนขับแบบ RTAF U1 จำนวน 17 เครื่อง ซึ่งได้รับการออกแบบและผลิตตามมาตรฐาน รวมถึงข้อกำหนดความสมควรเดินอากาศสากล โดยสามารถปฏิบัติภารกิจได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง ในรัศมีปฏิบัติการ 100 กิโลเมตร และสามารถวิ่งขึ้นและร่อนลงสนามบินด้วยระบบอัตโนมัติ มีสมรรถนะ และขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางทหาร และการปฏิบัติการทางทหารนอกเหนือจากสงคราม

โดยพิธีบรรจุอากาศยานทั้ง 2 แบบ เข้าประจำการในวันนี้ ถือเป็นประวัติศาสตร์ก้าวสำคัญของกองทัพอากาศ ในการดำเนินการตามแนวทางการพึ่งพาตนเอง การระดมสรรพกำลังความร่วมมือของชาติทุกภาคส่วน และการใช้บุคลากรของกองทัพอากาศในการดำเนินการเป็นส่วนใหญ่ ทำให้บุคลากรดังกล่าวสามารถเข้าถึงและได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยตรง ซึ่งทำให้สามารถนำวิทยาการดังกล่าวมาประยุกต์ พัฒนา และต่อยอดเทคโนโลยีกำลังทางอากาศ ทำให้กองทัพอากาศมีขีดความสามารถสูงขึ้นในการป้องกันประเทศ และสามารถเผชิญภัยคุกคามได้ในทุกรูปแบบ เพื่อเป็นกองทัพอากาศที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างชาญฉลาดและมีความยั่งยืน

รวมถึงเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดในการจัดหา พร้อมการพัฒนาให้กับประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนกองทัพอากาศให้ก้าวสู่กองทัพอากาศชั้นนำในภูมิภาค “One of the Best Air Forces in ASEAN” และการพัฒนากองทัพอากาศภายใต้การพึ่งพาตนเองได้ในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม.