ปรับขุมกำลังแก้เกมถูกรุกไล่
ตามช็อตที่ค่ายพลังประชารัฐขอเปลี่ยนตัวกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรส่งทีมไฟเตอร์อย่าง นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เสียบโควตาแทนพวกมือใหม่
มาประจันหน้ากับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธาน กมธ. ปราบปรามการทุจริตฯโดยเฉพาะ
หลังพลาดท่าเพลี่ยงพล้ำในเวที กมธ.ปล่อยให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ถูกไล่บี้เรียกตัวมาชี้แจงประเด็นจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
โยงปมถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ทำให้เป็นรัฐบาลไม่ชอบธรรม ไม่มีสิทธิจัดทำงบรายจ่ายประเทศ
หนังม้วนเก่าถูกเวียนฉายซ้ำ จำเป็นต้องหาทีมเบรกเกม คานอำนาจสายบู๊ฝ่ายค้านไม่ให้ใช้มุกเดิมตีกินไปเรื่อยๆ
คุมเกมช่วงเปิดเทอมสภาฯรอบใหม่ ไม่ให้มีแรงกระเพื่อมเพิ่มขึ้นในห้วงที่การเมืองตั้งเค้าทวีความเข้มข้น
อย่างที่เห็นฉากช่วงชิงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐ
โดยฝั่งประชาธิปัตย์ส่ง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค จองเก้าอี้ประธาน กมธ. กรุยทางกลับมาเป็นใหญ่ทางการเมือง
มีแนวร่วมเป็นพรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุน “เดอะมาร์ค” คู่ปรับที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด ได้สิทธินั่งแป้นคุมกรรมาธิการฯ
ทีมงานนายใหญ่ยอมทุกอย่างเพียงเพื่อขอให้ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ฟากพลังประชารัฐเล็งส่งชื่อ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร มากุมบังเหียนเป็นประธาน กมธ.ศึกษาหลักเกณฑ์แก้รัฐธรรมนูญ
...
ไม่ยอมให้เก้าอี้สำคัญตกไปอยู่ในมือของ “เดอะมาร์ค” ที่มีท่าทีชัดเจนไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับ “ซือแป๋มีชัย” และโชว์จุดยืนชัดเจนไม่สนับสนุน “ลุงตู่” เป็นนายกฯมาตั้งแต่ต้น
พลังประชารัฐสู้เต็มที่ สกัด “อภิสิทธิ์” คุมเกมแก้รัฐธรรมนูญ
เกมชิงธงนั่งหัวโต๊ะแก้รัฐธรรมนูญเดือดตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มนับหนึ่ง ทั้งที่ กมธ.ดังกล่าวมีหน้าที่เพียงกำหนดกรอบศึกษาจะแก้รัฐธรรมนูญโดยวิธีใด เช่น ตั้ง ส.ส.ร. หรือแก้เฉพาะบางมาตรา
ยังไม่ใช่ชุดตัดสินว่าจะพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นใด
ที่สำคัญตัวแปรจริงๆที่จะชี้ขาดการแก้รัฐธรรมนูญจะสำเร็จหรือไม่คือ ส.ว.
ตามเงื่อนไขสำคัญของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่กำหนดให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 ช่วยสนับสนุน จึงจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ
แม้จะร่างพิมพ์เขียวแก้รัฐธรรมนูญออกมาสวยหรูอย่างไร แต่ถ้าสุดท้าย ส.ว.ไม่เล่นด้วยก็จบ
ดูรูปการณ์แล้ว ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ตามท่าทีของ ส.ว.ที่แสดงออกชัดเจน ไม่ร่วมสังฆกรรมแก้รัฐธรรมนูญให้เกิดความเสี่ยงในการถูกลิดรอนอำนาจของตัวเองลง
หากไม่มีใบสั่งปลดล็อก ยังไง ส.ว.ก็ไม่มีทางให้ความร่วมมือแน่
ขณะเดียวกันอารมณ์ร่วมส่วนใหญ่ของประชาชนก็ยังไม่ถึงขั้นก่อกระแสกดดันให้รัฐบาลต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญ เพราะชาวบ้านยังมองเรื่องปากท้องเป็นปัญหาสำคัญอันดับหนึ่ง
เส้นทางรื้อกติกาประเทศแม่ไม่ไหลลื่น เจอเรื่องติดขัดตั้งแต่ยังไม่ออกสตาร์ต เอาแค่เริ่มต้นญัตติตั้ง กมธ.ศึกษาแนวทางแก้รัฐธรรมนูญยังต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก
ล่าสุดติดเงี่ยงข้อกฎหมาย ต้องหลีกทางให้เรื่องที่ กมธ.พิจารณาปัญหาต่างๆเสร็จแล้วอีกหลายเรื่อง จ่อปาดหน้าแซงคิว
ญัตติด่วนตั้ง กมธ.ศึกษาการแก้รัฐธรรมนูญส่อเค้าเลื่อนยาวไปช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ เจอเหลี่ยมยื้อเวลาออกไป กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนก็ต้องใช้เวลาอีกนาน
จังหวะยังไม่เป็นใจ ด่านเสี่ยงเรื่องรื้อรัฐธรรมนูญถูกชะลอความร้อนแรง ส่วนคิวอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านก็ยังดูไร้น้ำหนัก ไม่มีมุมเล่นงานรัฐบาลได้จังๆ
ช่วย “ลุงตู่” ได้ตั้งหลัก พักหายใจได้อีกเฮือกใหญ่.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน