ไม่ให้มีผลกระทบภาคเอกชน อาร์เซ็ปได้ข้อสรุปหลังยื้อ 7 ปี เพื่อไทยปลดล็อกม.256-แก้รัฐธรรมนูญ

นายกฯถกอาเซียนวันสุดท้าย หารือนายกฯญี่ปุ่นเสริมความร่วมมือธุรกิจช่วยพัฒนาประเทศที่สามขอพลังจีน-เกาหลี-ญี่ปุ่น เพิ่มเติมศักยภาพอาเซียนผู้แทน “ทรัมป์” ส่งหนังสือ “บิ๊กตู่” ย้ำสัมพันธ์ “สหรัฐฯ-ไทย” ยังใกล้ชิด ชื่นชมมุ่งมั่นปราบค้ามนุษย์ ย้ำพร้อมพิจารณาทบทวนพักสิทธิจีเอสพีให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง ไม่ให้กระทบภาคเอกชนไทย “บิ๊กตู่” ชื่นชมอเมริกาเป็นหลังพิงให้อาเซียน กวักมือมาลงทุนเป็นหุ้นส่วน เผย “ทรัมป์” ฝากจดหมายเชิญเหล่าผู้นำอาเซียนร่วมประชุมที่สหรัฐฯต้นปีหน้า รมว.พาณิชย์สหรัฐฯชี้ระงับจีเอสพีไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ยังมีเวลาเจรจาทบทวนกันอีกนานถึง เม.ย.63 “จุรินทร์” สั่งเตรียมพร้อมจัดหมวดหมู่สินค้าโดนผลกระทบ เผยวงอาร์เซ็ปได้ข้อสรุปแล้วที่ไทยหลังเจรจายืดเยื้อนาน 7 ปี พท.เหน็บ “บิ๊กตู่” สอบตกติดเอฟบทบาทประธานอาเซียน “พีระศักดิ์” หนุน “มาร์ค” คัมแบ็กนั่งประธาน กมธ. แก้ รธน. เพื่อไทยก็ไม่ขัดข้อง ใช้วิธีปลดล็อก ม.256 หรือตั้ง สสร. วิปรัฐบาลฟันธง 6 พ.ย.พิจารณาไม่ทัน

การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ที่ประเทศ ไทยเป็นเจ้าภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานอาเซียนได้เดินหน้าพูดคุยหารือประสานความร่วมมือจากประเทศสมาชิก รวมทั้งชาติมหาอำนาจที่เข้าร่วม ท่ามกลางการจับตาถึงบทบาทและความสำเร็จที่ประเทศไทยรวมทั้งภูมิภาคอาเซียนจะได้รับ ขณะเดียวกัน เรื่องมาตรการตัดจีเอสพีสินค้าไทยของสหรัฐฯ ยังเป็นข้อห่วงใยกังวลของไทย

...

“ประยุทธ์” นำถกอาเซียนวันสุดท้าย

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 4 พ.ย. ที่ศูนย์แสดง สินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย. ที่มีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้หารือทวิภาคีกับนายชินโสะ อาเบะ (Mr. Shinzo Abe) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ทั้งสองฝ่ายแสดงความยินดีต่อความร่วมมือในการส่งเสริม SMEs และ Startups โดยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างบริษัทขนาดใหญ่และ Startups ของไทยและญี่ปุ่น จำนวน 6 ฉบับ เมื่อวันที่ 2 พ.ย. เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจของทั้งสองฝ่าย และการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ในไทย อีกทั้งเป็นความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่นในการพัฒนาประเทศที่สาม ซึ่งมีการลงนามบันทึกช่วยจำว่าด้วยกรอบความร่วมมือแบบหุ้นส่วนระหว่างญี่ปุ่นกับไทย ระยะที่ 3 เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อต่อยอดความร่วมมือที่มีอยู่ในด้านการให้ความช่วยเหลือเพื่อพัฒนาในประเทศที่สาม โดยเฉพาะอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและอาเซียน

ญี่ปุ่นชื่นชมไทยนำอาเซียนพัฒนา

นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ชื่นชมการเป็นประธานอาเซียนของไทย โดยเฉพาะบทบาทผู้นำของนายกฯ ไทย ที่ผลักดันให้บรรลุผลการประชุมที่สำคัญต่อการพัฒนาภูมิภาคจนประสบความสำเร็จ ญี่ปุ่นจะเดินหน้าร่วมมือกับไทยและแก้ไขปัญหาประเด็นท้าทายสำคัญต่อไป นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความร่วมมือในภูมิภาค อาทิ ความร่วมมือในกรอบอาเซียน กรอบ G20 ซึ่งไทยและญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพในปีนี้ ความร่วมมือภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) และกรอบลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น ความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายและโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สถานการณ์ในรัฐยะไข่ และความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและกีฬา ก่อนจบการหารือนายกรัฐมนตรีไทยได้อวยพรให้ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกปี 2563 ด้วย

“บิ๊กตู่” ประธานถกอาเซียนบวกสาม

จากนั้นเวลา 08.30 น. ที่ห้อง Sapphire 204 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ 22 โดยมีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน พร้อมด้วยผู้นำสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี และญี่ปุ่น เข้าร่วมหารือ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า เป็นการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือในกรอบอาเซียนบวกสาม และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่เป็นข้อห่วงกังวลร่วมกัน โดยนายกฯได้แสดงความเสียใจกับรัฐบาลและประชาชนชาวญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นฮากิบิสเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา และคาดหวังการฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็ว

ขอพลังบวกสามเสริมศักยภาพ

นางนฤมลกล่าวว่า นายกฯกล่าวในที่ประชุมด้วยว่า กรอบความร่วมมืออาเซียนบวกสามถือเป็นเสาหลักที่สำคัญของการส่งเสริมความร่วมมือเฉพาะด้าน โดยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้ง 13 ประเทศ ภายใต้การแข่งขันทางการค้าและความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม อาเซียนบวกสามต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายมากยิ่งขึ้น จึงควรเตรียมพร้อมรับมือและมุ่งมั่นสร้างโอกาสเหล่านั้น โดยนายกฯได้เสนอแนวทางส่งเสริมความร่วมมือ 2 ประการ คือ 1.ความเชื่อมโยงในภูมิภาค ไทยให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย-แปซิฟิก การส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างยุทธศาสตร์ของภูมิภาค จะช่วยเสริมศักยภาพของเอเชีย-แปซิฟิก ให้เป็นกลไกของการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกและการพัฒนาที่ยั่งยืน 2.ไทยฐานะผู้ประสานงานอาเซียนเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ขอให้ประเทศบวกสามสนับสนุนความมุ่งมั่นของอาเซียน โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงวัยอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม

“ทรัมป์” ส่งหนังสือ “บิ๊กตู่” ย้ำสัมพันธ์

ต่อมาเวลา 10.00 น. ที่ห้อง Sapphire 108 ชั้น 1 พล.อ.ประยุทธ์หารือกับนายโรเบิร์ต ซี โอไบรอัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และหัวหน้าคณะผู้แทนสหรัฐอเมริกา โดยนายกฯ ย้ำไทยพร้อมร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทวิภาคี เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ เช่น การลงทุน การต่อต้านการค้ามนุษย์ และการสนับสนุนบทบาทสหรัฐฯ ในการเพิ่มพูนความร่วมมือกับภูมิภาค พร้อมฝากความระลึกถึง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และภริยา หวังมีโอกาสได้ต้อนรับที่ไทย ขณะที่ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงสหรัฐฯ ขอบคุณในการต้อนรับอย่างอบอุ่นและกล่าวว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯได้ฝากหนังสือถึงนายกฯ ย้ำว่าสหรัฐฯให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์กับไทยในฐานะมิตรประเทศอันใกล้ชิด ชื่นชมการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยในปีนี้ และยืนยันสหรัฐฯ พร้อมมีบทบาทอย่างสร้างสรรค์ร่วมมือกับไทยและอาเซียนเพื่อประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาคต่อไป

มะกันรับทบทวนตัดสิทธิจีเอสพีไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้ง 2 ฝ่ายชื่นชมความร่วมมือไทย-สหรัฐฯ ที่มีความใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง ความท้าทายในรูปแบบใหม่ ไทยมุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง สำหรับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่การประชุม Indo-Pacific Business Forum ในวันนี้ จะเป็นโอกาสอันดีในการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะสาขาโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน ดิจิทัล ทั้งนี้ ระหว่างการหารือได้มีการหยิบยกประเด็นการประกาศพักสิทธิจีเอสพีบางส่วนของไทย ซึ่งสหรัฐฯรับไปพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคเอกชนไทย

นายกฯชื่นชมสหรัฐฯหนุนอาเซียน

จากนั้นเวลา 10.30 น. ณ ห้อง Sapphire 203 พล.อ.ประยุทธ์ และผู้แทน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมทั้งนายโรเบิร์ต ซี โอไบรอัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 7 เพื่อทบทวนความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน-สหรัฐฯ ในรอบปีที่ผ่านมา โดยนายกฯชื่นชมบทบาทที่แข็งขันของสหรัฐฯ ในการสนับสนุนสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค ช่วยให้อาเซียนได้พัฒนาเป็นประชาคมที่มีพลวัตและความเจริญรุ่งเรือง และขอบคุณที่สหรัฐฯสนับสนุนความเป็นแกนกลางของอาเซียนผ่านกลไกสำคัญ รวมไปถึงกรอบการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (อีเอเอส) เออาร์เอฟ และเอดีเอ็มเอ็มพลัส และในปีนี้ อาเซียนและสหรัฐฯ ได้ร่วมกันจัดการฝึกร่วมทางทะเลเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ย.

กวักมือชวนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

นายกฯกล่าวว่า สหรัฐฯยังมีบทบาทสนับสนุนมุมมองของอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเสริมสร้างเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจดิจิทัล และพลังงาน และนักลงทุนสหรัฐฯเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนการเจริญเติบโตในภูมิภาคที่ครอบคลุมและยั่งยืน ยินดีที่ภาคเอกชนไทยและสหรัฐฯ ร่วมริเริ่มจัดการประชุม Indo-Pacific Business Forum ครั้งที่ 2 ที่ไทย ทั้งนี้เชื่อมั่นการประชุมวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่อาเซียนและสหรัฐฯได้แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ หวังเห็นพัฒนาการในการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของอาเซียน-สหรัฐฯ ในทุกมิติ เพื่อนำไปสู่ผลประโยชน์ของประชาชนอาเซียนและสหรัฐฯ อย่างก้าวหน้าและยั่งยืน และได้เชิญชวนนักลงทุนสหรัฐฯร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค พร้อมขอบคุณ สปป.ลาว ทำหน้าที่ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ อย่างมีประสิทธิภาพตลอดปี

“บิ๊กตู่” ขออาเซียนร่วมมือร่วมใจ

จากนั้นเวลา 11.45 น. ที่ห้อง Grand Diamond Ballroom ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อหารือเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน ระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก รวมถึงองค์การระหว่างประเทศ ได้แก่ สหประชาชาติ และกองทุน การเงินระหว่างประเทศ โดยมีประเทศสมาชิกอาเซียน และกรรมการผู้จัดการองค์กรการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในโอกาสนี้นายกฯได้เสนอ 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.อาเซียนควรเสริมสร้างแรงกระตุ้นด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาค ต่อยอดกิจกรรมของศูนย์อาเซียนเพื่อการศึกษาและการหารือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนดำเนินการตามโรดแม็ปความเกื้อกูลฯ 2.การสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน พร้อมให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนในระดับรากหญ้า และ 3.การบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนในอาเซียนจะต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจจากทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนและภาคีภายนอก

สหรัฐฯเชิญผู้นำอาเซียนร่วมประชุม

ขณะที่สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายโรเบิร์ต ซี โอ ไบรอัน ผู้แทนพิเศษของประธานาธิบดีสหรัฐฯได้เปิดเผยว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ฝากจดหมายมาถึงผู้นำชาติอาเซียน ขอเชิญผู้นำอาเซียนทั้งหมด เข้าร่วมการประชุมสุดยอดพิเศษที่สหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปีหน้า ส่วนนายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวยืนยันว่ารัฐบาลสหรัฐฯของนายทรัมป์ให้ความสำคัญกับภูมิภาคอาเซียน และพร้อมจะมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ สำหรับการประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ สมาชิกอาเซียน 7 ประเทศ ตัดสินใจส่ง รมว.ต่างประเทศเข้าร่วมประชุมกับผู้แทนสหรัฐฯ ต่างจากครั้งก่อนที่ผู้ร่วมประชุมจะเป็นประธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรี ถือว่าเป็นไปตามระดับพิธีการทูต อย่างไรก็ตาม การที่นายทรัมป์ไม่มาร่วมประชุม จะเป็นโอกาสแก่จีนและชาติอิทธิพลอื่นๆในภูมิภาค

ยันระงับจีเอสพีไทยไม่ใช่เรื่องใหญ่

วันเดียวกัน นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวนอกรอบการประชุมสุดยอดอาเซียนว่า กรณีประเทศไทยถูกระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรทั่วไป หรือจีเอสพี ได้มีการหยิบยกขึ้นมาจนดูเป็นเรื่องใหญ่โตทั้งที่ความจริงไม่ใช่ ประเทศไทย ยังมีเวลาเจรจากันใหม่ภายใต้ประเด็นของสิทธิแรงงานจนกว่าคำสั่งระงับจะมีผลบังคับใช้ในเดือน เม.ย.2563 และสินค้าไทยที่จะได้รับผลกระทบนั้น คิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษจีเอสพี หรือมีสัดส่วนเพียง 0.38 เปอร์เซ็นต์ของสินค้าทั้งหมดที่ไทยส่งออกมายังสหรัฐฯ

พณ.สั่งจัดหมวดสินค้าโดนผลกระทบ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีสหรัฐฯระงับสิทธิจีเอสพีสินค้าไทยว่า เป็นเรื่องที่ต้องเจรจากันต่อไป จะมีการหารือในระดับฝ่ายปฏิบัติ ระดับทูตพาณิชย์ไทยในวอชิงตัน และทูตแรงงาน ที่จะคุยกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ หรือยูเอสทีอาร์ต่อไป สำหรับประเทศไทยในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้ขอให้วอร์รูมหารือกันทั้งในส่วนของภาคเอกชนที่ถูกตัดจีเอสพี และในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้หาข้อสรุปว่า ในบรรดาสินค้ากว่า 300 รายการที่ถูกตัด อาจจะต้องแบ่งเป็นหมวดเขียว เหลือง แดง ซึ่งบางหมวดอาจจะกระทบน้อยมาก หรือไม่กระทบเลย เช่น จากภาษี 0 ขึ้นเป็น 0.01 เพื่อที่จะช่วยคลี่คลายปัญหาได้อย่างไรบ้าง รวมถึงสินค้าอื่นๆที่เรายังใช้สิทธิจีเอสพีอยู่ก็ให้ทำพร้อมกันไป มอบให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่ เป็นประธานเชิญภาคเอกชนมาหารือเพื่อเตรียมการตั้งแต่เบื้องต้น ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้ว คงใช้เวลาไม่นาน

เผยอาร์เซ็ปได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว

นายจุรินทร์กล่าวด้วยว่า รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของทั้ง 16 ประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ประกอบด้วย อาเซียน 10 ประเทศ และคู่เจรจา 6 ประเทศคือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของผู้นำ 16 ชาติสมาชิกแล้ว ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ย.62 และได้ส่งให้ผู้นำ ร่วมกันออกแถลงการณ์ประกาศความสำเร็จของการเจรจา โดยสามารถได้ข้อสรุปทั้งหมด 20 ข้อบท ยังคงเหลือประเด็นปลีกย่อยอีกเล็กน้อยที่แต่ละประเทศจะได้หารือแบบทวิภาคีกันต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องการเปิดตลาด ส่วนการลงนามความตกลงนั้น ตั้งเป้าหมายจะลงนามร่วมกันปี 63 ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นประธานอาเซียนต่อจากไทย

ปิดฉากเจรจานาน 7 ปีที่ประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมรัฐมนตรีอาร์เซ็ปนัดพิเศษเมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายจุรินทร์ เป็นประธานดำเนินการประชุมตั้งแต่ช่วงบ่ายจนถึงเวลา 23.45 น. จึงได้ข้อยุติ หลังจากที่สมาชิกบางประเทศพยายามล็อบบี้สมาชิกอื่นไม่ให้ผู้นำประกาศความสำเร็จของการเจรจา และนำไปเจรจาต่อในปี 63 แต่นายจุรินทร์และสมาชิกอื่นๆได้พยายามประสานงานกับสมาชิกเพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันทั้ง 16 ประเทศ และในที่สุดทั้ง 16 ประเทศยอมรับที่จะ ให้ผู้นำออกแถลงการณ์ประกาศความสำเร็จ ถือเป็นการปิดฉากการเจรจาที่ยาวนานถึง 7 ปี ส่วนประเด็นอื่นๆที่ยังติดค้าง ให้ระดับเจ้าหน้าที่ไปเจรจาต่อให้จบภายในเดือน ก.พ.63

ลุยสานความร่วมมือกรอบอีเอเอส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมช่วงบ่าย เวลา 13.30 น. ที่ห้อง Sapphire 205-206 ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS) ครั้งที่ 14 โดยมีประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี นิวซีแลนด์ รัสเซีย และสหรัฐฯ เข้าร่วมประชุม ภายหลังเสร็จสิ้น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เป็นการประชุมเพื่อร่วมกำหนดทิศทางและทบทวนความร่วมมือในการส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรือง แลกเปลี่ยนความเห็นในเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งนี้นายกฯกล่าวในที่ประชุมว่า EAS เป็นเสาหลักของความเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในภูมิภาค มีบทบาทในการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความรุ่งเรืองในภูมิภาคอาเซียนมาอย่างต่อเนื่อง การส่งเสริมความมั่นคงและพัฒนาที่ยั่งยืน โลกาภิวัตน์และการเชื่อมโยงในมิติต่างๆ นำมาซึ่งโอกาสด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ขอความร่วมมือผู้นำในการขับเคลื่อน EAS เพื่อเพิ่มพูนความไว้เนื้อเชื่อใจ และแก้ปัญหาความท้าทายให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ รวมทั้งสนับสนุนความเชื่อมโยงระหว่าง EAS กับกรอบความร่วมมือต่างๆที่มีอยู่ในภูมิภาค เพื่อให้เกิดการสอดประสานระหว่างกันมากที่สุด

นำคณะคู่สมรสชมศิลปะ–วิทยาการ

อีกด้านหนึ่ง เวลา 09.30 น. นางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกรัฐมนตรี นำคณะคู่สมรส ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา รวมทั้งผู้ติดตามจาก สปป.ลาว อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยเริ่มจากการถ่ายภาพหมู่หน้าศาลาสำราญมุขมาตย์ โดยมีสาวงามจากเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ นำโดยฟ้าใส-ปวีณสุดา ดรูอิ้น, มิเรียม ศรพรหมมาศ และเบลล่า-ธนัชพร บุญแสง ร่วมให้การต้อนรับ จากนั้นคณะคู่สมรสและผู้ติดตามเข้าชมนิทรรศการศิลปะไทย ประเพณีในหมู่พระวิมาน โดยมีเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุของแท้ ผลงานชิ้นเอกของมนุษยชาติบนผืนแผ่นดินไทยในแต่ละยุคสมัย รวมถึงหมู่พระที่นั่งต่างๆ รวมทั้งยังได้ทดลองใช้เทคโนโลยีทัชสกรีนและแอปพลิเคชัน QR-Code/AR-Code ภายในห้องนิทรรศการ ก่อนจะเคลื่อนไปชมโรงราชรถ ทุกคนต่างตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นความงดงามที่แสดงถึงประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์ความเป็นไทยใกล้ชิด

เปิดทำเนียบฯ ต้อนรับ “หลี่ เค่อเฉียง”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 5 พ.ย. รัฐบาลไทย โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม มีกำหนดการให้การต้อนรับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล โดยเวลา 10.10 น. มีพิธีต้อนรับตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนหารือข้อราชการเต็มคณะ ที่ตึกภักดีบดินทร์ ภายหลังหารือจะมีพิธีลงนามความตกลงระหว่างไทย-จีน ที่ตึกสันติไมตรี โดยมีนายกฯทั้ง 2 ประเทศร่วมเป็นสักขีพยาน จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันให้แก่นายกฯจีนและคณะ ขณะเดียวกันเวลา 08.00 น. นางคริสตาลินา จอร์จิเอวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะเข้าเยี่ยมคารวะและหารือนายกฯ ที่ห้องรับรอง ตึกบัญชาการ 1

พท.ให้ “บิ๊กตู่” ติด F ประธานอาเซียน

อีกด้านหนึ่ง ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานอาเซียน ถือว่าประสบความล้มเหลว เพราะผู้นำชาติมหาอำนาจ กลุ่มอาเซียนพลัส ที่ไม่ได้เป็นชาติสมาชิกแต่เป็นคู่ค้าสำคัญไม่ได้เดินทางมา โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ลดความสำคัญไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ส่งเพียงผู้แทนที่มีความสำคัญน้อยมาแทน ส่อให้เห็นถึงนัยทางการเมือง ความสัมพันธ์ทางการทูตที่พัฒนาไปในทางที่แย่ลง สะท้อนถึงความล้มเหลวในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ที่ไม่สามารถรักษาสัมพันธ์เหมือนในอดีต สมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ นายบารัค โอบามา อดีต ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังเดินทางมาประชุมอาเซียนซัมมิต การประชุมครั้งนี้ไม่ได้สร้างความคุ้มค่า ประทับใจ การเจรจายังห่างไกลจากเป้าหมายที่ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งเป้าไว้ และคงไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว สิ่งนี้จะติดอยู่ในสมุดพกเป็นความล้มเหลว ถือว่า ติด F ในการทำหน้าที่ประธานอาเซียน

“พีระศักดิ์” หนุน “มาร์ค” ปธ.แก้ รธน.

ด้านความเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีเสียงเรียกร้องจากหลายพรรคการเมือง นายพีระศักดิ์ พอจิต อดีตรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สมาชิก ส.ว. กล่าวถึงกรณีมีกระเเสสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน กมธ.วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่แปลกใจที่อยู่ๆก็ปรากฏมีคนเสนอชื่อให้นายอภิสิทธิ์ไปถือธงนำแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะคิดว่านายอภิสิทธิ์มีความเหมาะสม มีประสบการณ์ เคยผ่านการใช้รัฐธรรมนูญมาหลายฉบับ น่าจะรู้หรือเห็นข้อบกพร่อง รวมถึงช่องว่างของรัฐธรรมนูญที่ต้องแก้ไข หากนายอภิสิทธิ์มานั่งเป็นประธานจริงน่าจะเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์จะยอมรับคำเชิญหรือไม่ ยังไม่มีใครรู้ คิดว่านายอภิสิทธิ์คงกำลังคิดหนัก เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตัดสินใจ

พท.ก็ไม่ขัด “อภิสิทธิ์” นั่งหัวโต๊ะ

ที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมาเป็นประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาเพื่อศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้ยึดติดกับตัวบุคคลเป็นใครก็ได้ คนที่เป็นประธานต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายทุกภาคส่วน และมีหลักที่ชัดเจน ไม่กลับไปกลับมา รวมทั้งต้องทำให้ประชาชนมั่นใจมีจุดยืนประชาธิปไตย จะเป็นชื่อใครไม่มีปัญหาเราลดเงื่อนไขแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างเพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“สุดารัตน์” ย้ำปลดล็อกแก้ ม.256

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนนอกมีสิทธิเป็นกรรมาธิการฯ พรรคต้องรอหารือกันก่อนว่าจะส่งใครเข้าไป อยากให้เป็นคนที่มีความรู้ด้านกฎหมายเข้าไปเพื่อช่วยผลักดันการทำงานของคณะกรรมาธิการฯให้เป็นไปอย่างรอบคอบ ได้ผลตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ โดยต้องเริ่มต้นด้วยการศึกษาวิธีการและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นหลักที่กรรมาธิการฯ ต้องพิจารณาคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เปิดทางให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ถือเป็นการปลดล็อกที่ง่ายที่สุด

หรืออีกช่องทางใช้รูปแบบ สสร.

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การพิจารณาญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะประธานกรรมาธิการฯ พรรคเพื่อไทยไม่ได้ยึดติดตัวบุคคล แต่ให้ความสำคัญกับแก่นสาระและแนวคิด รวมทั้งความจริงใจของทุกพรรคการเมือง และจะมีการแก้รัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งตัวแทนประชาชนมาร่างรัฐธรรมนูญในรูปแบบสภาร่างร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)ตามที่พรรคฝ่ายค้านเสนอหรือไม่ หรือจะแก้ไขมาตรา 256 โดยลดเงื่อนไขให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ยากน้อยลง เช่น ใช้เสียงกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.และ ส.ว. หรืออาจมีการเสนอแก้ไขในประเด็นอื่นตามที่รัฐสภาเห็นชอบ

“ภูมิธรรม” วอนทุกฝ่ายจับมือแก้ รธน.

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน โพสต์เฟซบุ๊กว่า วันที่ 6 พ.ย.นี้ สภาฯจะนำวาระตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญมาพิจารณา สมควรที่พรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลจะร่วมกันทำให้วาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นวาระสำคัญของชาติ และช่วยกันเร่งสร้างบรรยากาศความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายประชาชนในสังคม มุ่งช่วยกันปลดล็อกหาทางออกให้ประเทศ ลดอคติแบ่งฝัก แบ่งฝ่ายสร้างเงื่อนไขต่างๆโดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลที่จะต้องใส่ใจกับปมปัญหาและระดมพลังความคิดปัญญามาแก้ไข ลดการตั้งป้อมปฏิเสธว่ายังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เพราะรัฐธรรมนูญที่เกิดจากการมีส่วนร่วมจะทำให้ได้รับการยอมรับ นำไปสู่ความมั่นคงทั้งจากภายในและต่างประเทศ เชื่อมโยงถึงการแก้ไขปัญหาปากท้องที่วิกฤติในปัจจุบัน

ปชป.ดัน “บัญญัติ” ร่วม กมธ.อีกคน

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ดูจากสัญญาณของพรรค การเมืองต่างๆเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกพรรค สนับสนุนให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา แก้ไขรัฐธรรมนูญค่อนข้างชัดเจนแล้ว แม้แต่นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานวิปพรรคร่วมรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ ก็ยอมรับแล้วว่าเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลจริง ดังนั้น ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าการตั้งคณะ กรรมาธิการชุดนี้ต้องเกิดขึ้นแน่นอน ในส่วนพรรค ประชาธิปัตย์ ตนจะเสนอชื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค และอดีตหัวหน้าพรรคอีกคนหนึ่งให้ที่ประชุมพรรคพิจารณาเข้าไปเป็นกรรมาธิการฯ ส่วนกระแสตอบรับนายอภิสิทธิ์ เวชชา-ชีวะ อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรค เป็นประธานกรรมาธิการฯได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นับเป็น นิมิตหมายที่ดี

“ชินวรณ์” เชื่อ 13 พ.ย.คลอด กมธ.

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า คาดว่าวันที่ 6 พ.ย.นี้ ที่ประชุมสภาฯยังไม่น่าจะได้พิจารณาญัตติตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาเพื่อศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีวาระรับทราบ รายงานถึง 10 เรื่อง โดยเฉพาะวาระรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญเดือน เม.ย.- มิ.ย.นอกจากนี้ยังมีญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช. มาตรา 44 ก่อนจะเข้าญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจต้องไปพิจารณากันในวันพุธที่ 13 พ.ย. เบื้องต้นคาดว่าจะตั้งกรรมาธิการจำนวน 49 คน แบ่งเป็นสัดส่วน ครม. 12 คน พรรคร่วมรัฐบาล 18 คน และฝ่ายค้าน 19 คน

“วิรัช” รับสัปดาห์นี้พิจารณาไม่ทัน

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวถึงวาระการประชุมสภาในวันที่ 6-7 พ.ย.ว่า ตามวาระสภาฯมีญัตติด่วน 2 เรื่องคือ 1.ญัตติด่วน เรื่องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศ และคำสั่งของ คสช.และการใช้อำนาจของหัวหน้า คสช.ตามมาตรา 44 2.ญัตติเรื่องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา หลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ที่สังคมกำลังจับตามอง แต่คิดว่าอาจจะไม่ทันพิจารณาในสัปดาห์นี้ เพราะวันที่ 6 พ.ย. มีหลายเรื่องอาจจะใช้เวลานาน อาทิ กระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป การรับทราบรายงานประจำปีของหน่วยงานต่างๆ การรับทราบรายงานความคืบหน้าตามแผนปฏิรูปประเทศทุก 3 เดือน

พปชร.พร้อมถกตั้ง กมธ.แก้ รธน.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า ในวันที่ 5 พ.ย. ที่ประชุม ส.ส.ประจำสัปดาห์ของพรรค มีวาระการเตรียมความพร้อมเพื่อประชุมสภาฯที่จะพิจารณาญัตติตั้งกรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยให้ ส.ส.แต่ละคนเตรียมหาข้อมูลมาอภิปราย และให้ศึกษารายละเอียดต่างๆที่ฝ่ายค้านเคยนำเสนอ นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาการตั้ง กมธ.ป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ แทนนายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา ที่ขอลาออก

โวมีข้อมูลเด็ดซักฟอก ครม. “บิ๊กตู่”

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนพรรค ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล เตรียมความพร้อมเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจโดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมว่า พรรคเพื่อไทยมีข้อมูลการบริหารงานรัฐบาลที่บกพร่องไร้ประสิทธิภาพ แม้จะบริหารงานมาเพียง 3 เดือนเศษ พบร่องรอยบางประการ อาจมีการทุจริตคอร์รัปชัน เรามีความพร้อมที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ส่วนรายละเอียดจะยื่นอภิปรายทั้งคณะหรือรายบุคคลรัฐมนตรีคนใดบ้าง คงต้องรอการหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้ง ยืนยันว่า ข้อมูลที่ได้มามีรัฐมนตรีหลายคนเข้าข่ายถูกอภิปราย อาจจะมีบางคนที่คาดไม่ถึงรวมอยู่ด้วย

“การุณ” ฮึ่มขอรีดงบไขมันแสนล้าน

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 กล่าวว่า จากการทำงานในคณะกรรมาธิการฯพบว่าการทำงบประมาณของรัฐบาลไม่ตอบโจทย์ของประเทศ ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจหรือช่วยเหลือประชาชนได้ รัฐบาลมีแผนนำเงินนอกงบประมาณไปใช้ก่อน อาจจะเป็นการ กระทำที่ขัดหรือผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และหลายนโยบายของรัฐบาลมีการตั้งงบประมาณไว้สูงเกินจริง มีไขมันส่วนเกินเยอะมากไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ขณะที่บางโครงการที่นำเสนอของบประมาณไม่มีในแผนงาน มีเพียงแต่ชื่อโครงการ รัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงฐานะของประเทศว่างบประมาณที่ตั้งขึ้นมาส่วนหนึ่งต้องไปกู้เงินมา หากทำเช่นนี้ใครก็มาเป็น รัฐบาลได้ ยืนยันว่าจะรีดไขมันให้มากที่สุด ตั้งเป้าจะลดไขมันงบประมาณไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท เพื่อเอาไปทำโครงการที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชน

อนค.ส่งซิก “อยู่ไม่เป็น” รอเฉลย 16 พ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์รูปภาพผ่านเฟซบุ๊กหลักของพรรคว่า “อยู่. ไม่.เป็น” พร้อมระบุให้รอฟังรายละเอียดของภาพนี้ในวันที่ 16 พ.ย. โดยมีคนเข้ามาคอมเมนต์ถามความหมายรายละเอียดของภาพนี้มากมาย ขณะที่แกนนำพรรค อาทิ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ตลอดจน ส.ส.ของพรรค ได้แชร์โพสต์นี้ทั้งในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ พร้อมติดแฮชแท็ก #อยู่ไม่เป็น จนได้รับความสนใจจากสังคมอย่างมาก หลายคนสงสัยว่าอาจจะเกี่ยวพันกับวันที่ 20 พ.ย. ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคดีการโอนหุ้นสื่อของนายธนาธรหรือไม่

ร้อง ป.ป.ช. “มงคลกิตติ์” ตั้งตนเป็นใหญ่

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การ พิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า วันที่ 6 พ.ย. จะไป ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ให้ไต่สวนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่โชว์หนังสือคำสั่งแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระ ซึ่งไม่มีกฎหมายฉบับใดให้อำนาจไว้ และเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 ที่บัญญัติชัดเจน ดังนั้น การที่นายมงคลกิตติ์ ลงนามสถาปนาตนเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระ และให้นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย เป็นประธานที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านอิสระ จึงอาจขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 และขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2560 ทั้งนี้ ในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาทั่วโลกมีแต่ผู้นำฝ่ายรัฐบาล กับผู้นำฝ่ายค้านเท่านั้น การแต่งตั้งตนเองเป็นผู้นำฝ่ายค้านอิสระจึงขัดรัฐธรรมนูญและมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่อาจยอมรับได้ จึงต้องให้ ป.ป.ช.สอบสวนเพื่อหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว

“นิพนธ์” เผยแผนจัดการที่ดินทำกิน

ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.เชียงราย นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เป็นประธานเปิดงานวันที่อยู่อาศัยโลกภาคเหนือปี 2562 โดยมีผู้แทนองค์กรชุมชนจาก 17 จังหวัด และหน่วยงานภาคีเครือข่ายเข้าร่วมกว่า 1,000 คนนายนิพนธ์กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อกระบวนการ แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชน โดยกระทรวงมหาดไทยมีแนวทางบูรณาการ ความร่วมมือใน 3 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ดำเนินการสำรวจข้อมูลที่ดินที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยใช้กลไกโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ทดลองใช้แผนที่ One map เป็นเครื่องมือในการกันพื้นที่ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเครือข่ายการพัฒนาที่อยู่อาศัย และการจัดการที่ดินภาคเหนือ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีในระดับจังหวัด ทำการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของประชาชนผู้มีรายได้น้อยในปี 2562 มีผู้ได้รับผลประโยชน์รวม 3,636 ครัวเรือน แบ่งเป็นบ้านมั่นคงเมืองและชนบท 1,182 ครัวเรือน และบ้านพอเพียงชนบท 2,455 ครัวเรือน

“บิ๊กแดง” ตั้ง ทส.ขึ้นผู้การกรม

วันเดียวกัน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ลงนามในคำสั่งกองทัพบกที่ 401/2562 ลงวันที่ 31 ต.ค.62 เรื่องให้นายทหารรับราชการ และปรับ ระดับเงินเดือนจำนวน 389 นาย อาทิ พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือหมอภาคย์ เจ้าของฉายาหมอแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี วีรบุรุษถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ไปเป็นแพทย์ใหญ่หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (พญ.นสศ.) อัตราพันเอก พ.อ.เอกพงษ์ กฤตยาเกียรติ หรือ เสธ.เอก นายทหารคนสนิท ผบ.ทบ. ขยับเป็น ผบ.กรม.ทพ.12 พ.ท.อิทธิศักดิ์ เสนตา เป็น ผบ.ม.พัน.4 กองพลทหาร 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) พ.ท.สุทิน ทองเต็ม เป็น ผบ.ม.พัน.2 กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) พ.ท.ศันสนะ เพ็ชร์สุข เป็น ผบ.ม.พัน.29 รอ. พ.ท.ณพล ทุมวงศ์ เป็น ผบ.พัน.ร.มทบ.11 พ.อ.สมรรถชัย แปงสาย เป็น ผบ.กรม.ทพ.36 พ.อ.อรรถพล คงสง เป็น ผบ.กรม.ทพ.41 พ.อ.เอกพล เลขนอก เป็น ผบ.กรม.ทพ.48 พ.อ.ธีร์พัชร์ เอมพันธุ์ ผบ.กรม.ทพ.45 พ.อ.เปรียว ติณสูลานนท์ หลานชาย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นรอง ผบ.กรม.สน.พล.ร.15 พ.อ.กรกฎ เจริญฤทธิ์ เป็น ผบ.กรม.ทพ.44 พ.อ.ทรงเดช สุกนุ้ย เป็น ผบ.กรม.ทพ.46 เป็นต้น

“บิ๊กป้อม” ส่งผู้ช่วยแจง กมธ.ป.ป.ช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 6 พ.ย. เวลา 08.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯมอบหมายให้นายประสาน หวังรัตนปราณี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ประจำ พล.อ.ประวิตร ไปชี้แจงคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส เป็นประธาน หลังมีหนังสือเรียก พล.อ.ประวิตรเข้าชี้แจงกรณีการเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เนื่องจาก ครม.ถวายสัตย์ ปฏิญาณไม่ครบถ้วน พร้อมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม

หวังความร่วมมือรูปธรรมจากญี่ปุ่น

สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน ในช่วงเย็น เวลา 17.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 22 เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ มีผู้นำจาก 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน และนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเข้าร่วมประชุม โดย พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่สนับสนุนการเป็นประธานอาเซียนของไทย และหวังว่าจะเห็นโครงการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม อาทิ ความเชื่อมโยงความร่วมมือทางทะเล การพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านกลไกที่มีอาเซียนเป็นแกนนำ

ปิดท้าย “บิ๊กตู่” ขอบคุณสมาชิกอาเซียน

ต่อมาเวลา 19.30 น. ที่ห้อง Grand Diamond Ballroom พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถ้อยแถลงในพิธีปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง มีเนื้อหาสรุปว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การสนับสนุนการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยในปีนี้ มุ่งหวังให้อาเซียนก้าวสู่อนาคตอย่างมีพลวัต ความร่วมมือของอาเซียนจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม 4 ประการ 1.ประชาชนจะมีความมั่นคงที่ยั่งยืนมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่มีการแข่งขันและความไม่แน่นอนสูง 2.ความร่วมมือของอาเซียนในปีนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการค้าและลดผลกระทบจากความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างคู่ค้าที่สำคัญของอาเซียน โดยสรุปผลการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) รวมถึงการเชื่อมโยง ASEAN Single Window ให้ครบทั้ง 10 ประเทศในปีนี้ 3.อาเซียนให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะร่วมมือในประเด็นด้านสังคมและวัฒนธรรม ได้แก่ การต่อต้านขยะทะเล การรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ 4.ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือทั้งภายในอาเซียนและภาคีภายนอกของอาเซียน สร้างความยั่งยืนในภูมิภาค ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีอวยพรให้เวียดนามและอาเซียนประสบความสำเร็จต่อไปในปีหน้า จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำพิธีส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้แก่นายเหงียน ซวน ฟุก นายกฯ เวียดนาม