เกิดอะไรขึ้น? การแต่งตั้งตำแหน่งทางการเมืองในพรรคเพื่อไทยนั้นดูเหมือนว่าจะมีการตั้งข้อสังเกตว่าได้เกิดอะไรขึ้น
เริ่มมาตั้งแต่การให้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมีปัญหาเพราะจะไม่มี “ผู้นำฝ่ายค้าน” ในสภา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญในการทำหน้าที่
เพราะหัวหน้าพรรคคนเก่าไม่ได้เป็น ส.ส.แม้จะมีชื่อเบอร์1 ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์ แต่ปรากฏว่าการเลือกทั่วไปที่ผ่านมานั้น
“เพื่อไทย” ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว
ตำแหน่ง “ผู้นำฝ่ายค้าน” ในสภานั้นมีข้อกำหนดว่าจะต้อง เป็น ส.ส.เพราะมิฉะนั้นจะเข้าไปทำหน้าที่ในสภาไม่ได้
“สมพงษ์” จึงก้าวมาสู่จุดนี้ได้ทั้งๆที่เจ้าตัวก็คงไม่ปรารถนาเท่าใดนัก
กระบวนการเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่นั้นแม้ว่าจะเป็นมติเห็นชอบจากกรรมการบริหารพรรคก็ตาม
แต่ก็มีคำถามว่าทำไมจึงต้องชื่อ “สมพงษ์”?
สืบทราบความเป็นไปของเรื่องนี้ย่อมมีที่ไปอย่างที่ปฏิเสธไม่ได้ เนื่องเพราะนายสมพงษ์นั้น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ “นายใหญ่” เจ้าของพรรคตัวจริง
อีกทั้งเป็น ส.ส.เชียงใหม่มาหลายสมัยย่อมได้รับการสนับสนุนผู้มีบารมีในจังหวัดนั้นอย่างคนชื่อ “เจ๊แดง” น้องสาวของนายใหญ่โดยตรง
ด้วยความสัมพันธ์ในระนาบนี้ย่อมได้รับความไว้วางใจ 2 ระดับ คือ เจ้าแม่เชียงใหม่และนายใหญ่อย่างแน่นอน
ด้วยความไว้วางใจและเชื่อใจจึงเหมาะสมกับตำแหน่งนี้
ที่น่าสังเกตอันหนึ่งเมื่อมีการแต่งตั้งนายอดิสรณ์ เพียงเกษ ให้เป็นนักโฆษกประจำหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน
ตามมาด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน
...
เพื่อสร้างความมั่นคงในเก้าอี้ให้กับหัวหน้าพรรคคนใหม่โดยพลัน
มองภาพลึกลงไปเท่ากับเป็นการแบ่งพวก แบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน
อีกด้านหนึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคที่มุ่งหวังไปสู่เบอร์หนึ่งของเพื่อไทย
ซึ่งมีชื่อเป็นแคนดิเดตเก้าอี้นายกฯคนหนึ่ง
ปัญหาหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คือการวางตัวผู้สมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่ยอมรับกันแล้วว่าจะส่งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลงชิงตำแหน่ง
ปรากฏว่าสุดท้าย นายชัชชาติยืนยันว่าจะลงสมัครอิสระไม่สังกัดพรรคเพื่อไทยอย่างใดด้วยว่าคนชื่อ “ทักษิณ” ได้อนุมัติแล้ว
นั่นแหละ...เป็นข้อขัดแย้งระหว่างคนในพรรค
บางส่วนก็แสดงความเห็นว่าแม้จะไม่ลงสมัครในนามพรรคและก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนในฐานะพวกเดียวกัน
อีกฝ่ายโดนเฉพาะบรรดากลุ่ม ส.ส.กรุงเทพฯไม่เห็นด้วยและยืนยันว่าควรจะส่งผู้สมัครในนามพรรค จนเกิดปัญหามาถึงวันนี้เพราะหัวหน้าพรรคมีปฏิกิริยาไม่ค่อยพอใจนัก
การชิงการนำในพรรคจึงต่อสู้กันอย่างแยบยลหลายประเด็น แต่ก็พิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่า “หญิงหน่อย” นั้นกำลังถูกเตะสกัดอย่างจัง
“พี่ใหญ่-น้องเล็ก” ยังมีอิทธิพลในพรรคอย่างไม่ปล่อยวาง.
“สายล่อฟ้า”