พร้อมเปิดให้อุทธรณ์ นายกฯอวย "มังกรจีน" ชูเสาหลักค้ำอาเซียน จีบมาร่วมลงทุนอีอีซี พท.-อนค.ไม่มีปญหา "มาร์ค" นั่งปธ.แก้รธน.

“นายกฯตู่” อวยสุดลิ่มมังกรจีนเสาหลักสำคัญค้ำยันอาเซียน จีบลุยลงทุนอีอีซี สร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ดึงอินเดียร่วมต่อต้าน ภัยความมั่นคง ตั้งเป้าเพิ่มยอดการค้า 2 แสนล้านเหรียญ กล่อม “นายกฯกีวี” ยกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยวไทยอ้อนสหรัฐฯทบทวนตัดจีเอสพีสินค้าไทย โฆษกรัฐตีปี๊บมะกันไฟเขียวรับเจรจาอุทธรณ์ สื่อนอกชี้อาเซียนฝันค้าง ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคจบไม่ลง เหตุ “อินเดีย” ชิ่งหนีผวาสินค้าจีนทุ่มตลาด ปชป.นัดหารือลุ้นส่ง “มาร์ค” นั่งประธาน กมธ.วิสามัญแก้รัฐธรรมนูญ พท.-อนค.ยันไม่มีปัญหาพร้อมร่วมงาน “เจ๊หน่อย” ขอทุกพรรคร่วมไขกุญแจปลดล็อก ม.256 จวกรัฐบาลดีแต่เลี่ยงบาลี ไม่แก้ไขเศรษฐกิจจริงจัง พาคนไทยตายกันหมด ส.ส.อนาคตใหม่เฟ้นข้อมูลรอซักฟอก รบ.บ้อท่าทำเศรษฐกิจพัง “พงศกร” ดันตั้ง กมธ.ชำระล้างผลพวงคำสั่ง คสช.-ม.44

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานอาเซียน ทำพิธี เปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 โดยกระตุ้นการผนึกกำลังกันของประเทศสมาชิก เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายจากกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกมิติ โดยได้มีการหารือกับคู่เจรจาที่สำคัญ เช่น จีน อินเดีย เพื่อแสวงหาความร่วมมือและเพิ่มมูลค่าทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน

“บิ๊กตู่” ปลุกอาเซียนรับมือโลกเปลี่ยน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 พ.ย. ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานอาเซียน เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง มีผู้นำทั้ง 10 ประเทศอาเซียนเข้าร่วม ช่วงต้นนายกฯทักทายผู้เข้าร่วมประชุมเป็นภาษาอังกฤษ จากนั้นจึงกล่าวเป็นภาษาไทยว่า การประชุมครั้งที่ 34 ได้กล่าวถึงเนื้อร้องเพลงประจำอาเซียน “ดิอาเซียนเวย์” ในท่อน “we dare to dream, we care to share.” เพื่อให้พวกเราทบทวนความฝันจากรุ่นสู่รุ่น ร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง วันนี้ขอกล่าวถึงเนื้อเพลงอีกท่อนคือ “ASEAN we are bonded as one. Looking out to the world” อาเซียนเราผูกพันกันเป็นหนึ่งมองออกไปสู่โลก ไม่เพียงร่วมมือร่วมใจในภูมิภาค แต่ยังให้ความสำคัญกับหุ้นส่วนนอกภูมิภาคเป็นกัลยาณมิตร โลกเผชิญความท้าทายเพิ่มขึ้นทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การแข่งขันทางภูมิยุทธศาสตร์ระดับโลกและภูมิภาค ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ มูลค่าสูงถึงแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเป็นหุ้นส่วนและมิตรภาพที่แน่นแฟ้นสำคัญจะทำให้ภูมิภาครับมือและก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ไปได้

...

ชู 3M เคารพ เชื่อใจ มีประโยชน์ร่วม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การประชุมตลอดสองวันจากนี้ เป็นวาระสำคัญที่จะแสดงความเป็นหุ้นส่วนและมิตรภาพระหว่างอาเซียนกับประชาคมโลก สานต่อผลจากครั้งที่ผ่านมา วางแนวทางร่วมกัน ใช้ประโยชน์จากความเป็นแกนกลางและจุดแข็งของอาเซียนที่เป็นมิตรกับทุกประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาระดับภูมิภาคและระดับโลก สร้างความยั่งยืนทุกมิติ การสร้างภูมิภาคที่มีเสถียรภาพ ต้องมุ่งสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับยุทธศาสตร์ บนพื้นฐานของหลักการ 3M คือ การเคารพซึ่งกันและกัน ไว้เนื้อเชื่อใจ และมีผลประโยชน์ร่วมกัน อีกทั้งต้องมุ่งวางรากฐานกฎกติกานำหลักการสำคัญของสนธิ สัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ TAC มาใช้ในบริบทที่กว้างกว่าอาเซียน เป็นที่ยินดีที่เราได้ต้อนรับอัครภาคีของสนธิสัญญาฯเพิ่มเติม รวมถึงการมีกลไกระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจของอาเซียน เช่น การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก อาเซียนบวกสาม เออาร์เอฟ และความ ร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา ตลอดจนความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการจัดทำประมวลการปฏิบัติ หรือ COC (ซีโอซี) ในทะเลจีนใต้ ระหว่างอาเซียนกับจีน และการฝึกผสมทางทะเลระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ

ดันหุ้นส่วน ศก.กระตุ้นการค้า–ลงทุน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การสร้างภูมิภาคที่มั่งคั่งและยั่งยืน ผ่านการผลักดันให้การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) เพื่อช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน รวมทั้งส่งเสริมระบบการค้าพหุภาคีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก ควบคู่ไปกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาค ทั้งกรอบความร่วมมือ ACMECS และเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า หรือจีบีเอ สร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจให้อาเซียนและภูมิภาคในอนาคต มุ่งส่งเสริมความเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่อในอาเซียน สร้างความเกื้อกูลระหว่างยุทธศาสตร์ อาทิ เส้นทางคมนาคมและด้านดิจิทัล เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ MSMEs เกษตรกร กลุ่มธุรกิจสตาร์ตอัพ ผู้ประกอบการท้องถิ่นให้เข้าถึงแหล่งทุน จำเป็นต้องมีกระบวนทัศน์ใหม่สำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีพลวัตยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ การรักษาสภาพแวดล้อมควบคู่กันไป โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาขยะทะเล ด้วยการปฏิบัติตามข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน และปัญหาประมง IUU ด้วยการพัฒนาเครือข่ายอาเซียนเพื่อแก้ไขปัญหาการประมง

กระตุกจับมือให้แน่นเพื่อคนรุ่นหน้า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตลอดปีที่ผ่านมาเราบรรลุเป้าหมายและร่วมสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมหลายประการ หนึ่งในนั้นคือศูนย์อาเซียนทั้ง 7 แห่งในไทย ยินดีที่พวกเราจะร่วมเปิดตัว 3 ศูนย์สุดท้ายให้เป็นมรดกของการลงทุนเพื่ออนาคตของภูมิภาคขอเชิญชวนทุกท่านร่วมมือร่วมใจกันอีกครั้ง จับมือกับหุ้นส่วนให้แน่นขึ้น ร่วมกันสานต่อเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งอาเซียน สร้างภูมิภาคที่มีสันติภาพ มีเสถียรภาพ มีความไพบูลย์เพื่อวางรากฐานประชาคมอาเซียนที่มั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนให้แก่คนรุ่นนี้และคนรุ่นหน้า ขอต้อนรับทุกท่านสู่ประเทศไทยอีกครั้ง หลังนายกฯกล่าวจบ ผู้นำอาเซียน 10 ประเทศได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันบนเวที จากนั้นนายกฯมอบรางวัลอาเซียนประจำปี 2019 (ASEAN Prize 2019) พร้อมเงินรางวัล 20,000 เหรียญสหรัฐฯให้แก่ ตันสรี ดร.เจมีลาห์ มาห์มูด ผู้ก่อตั้งองค์กร “Mercy Malaysia” องค์กรไม่แสวงผลกำไรช่วยเหลือมนุษยธรรมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อวยจีนเสาหลักสำคัญค้ำยันอาเซียน

จากนั้นเวลา 09.45 น. ที่ห้อง Sapphire 204 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ 22 ภายหลังเสร็จสิ้น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวว่าเป็นโอกาสดีที่อาเซียนและจีนจะได้เสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ให้สูงขึ้นอีกระดับ เพื่อประโยชน์ร่วมกันและของภูมิภาค ความสัมพันธ์อาเซียนกับจีนมีพลวัตมากที่สุดประเทศหนึ่ง จากพัฒนาการความสัมพันธ์ใน 10 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นเสาหลักสำคัญที่ค้ำจุนสันติภาพ เสถียรภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความยั่งยืนของภูมิภาค หวังจะเห็นความสัมพันธ์อาเซียน-จีน เติบโตขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสองฝ่าย

จีบลงทุนอีอีซีปั้น ศก.ดิจิทัลอาเซียน–จีน

นางนฤมลกล่าวต่อว่า ในปี 2561 ครบรอบ 15 ปี ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียนและจีน ได้รับรอง “วิสัยทัศน์ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน ค.ศ.2030” ทั้งสองฝ่ายได้กระชับความร่วมมือตามวิสัยทัศน์ดังกล่าว เช่น การที่จีนยังคงตำแหน่งคู่ค้าอันดับหนึ่งของอาเซียน และมีเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมูลค่าการลงทุน 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2563 นายกฯได้เน้นย้ำถึงความสำคัญการรักษาพลวัตด้านความมั่นคงที่ยั่งยืนระหว่างกัน ส่งเสริมความไว้เนื้อเชื่อใจในระดับยุทธศาสตร์ และร่วมมือกันเสริมสร้างโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลางผ่านกลไกต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ ไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจทางทะเล สร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนกับ Greater Bay Area (GBA) รวมทั้งจะเชิญชวนให้อาเซียน จีนและประเทศที่สามมาลงทุนใน EEC ในภาคตะวันออกของไทย ไทยยินดีจะประกาศว่าอาเซียนและจีนกำหนดให้ปี 2563 เป็น “ปีแห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน-จีน” เชื่อมั่นว่าจะช่วยขยายโอกาสทางเศรษฐกิจและการค้า เพื่อความมั่งคั่งของภูมิภาค

ดึงอินเดียร่วมต้านภัยความมั่นคง

จากนั้นเวลา 11.15 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน และนายนเรนทร โมที นายกฯอินเดีย เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 16 หลังเสร็จสิ้น นางนฤมลกล่าวว่า ได้กำหนดทิศทางความสัมพันธ์ในอนาคต ในฐานะมิตรใกล้ชิด โดยชื่นชมที่อินเดียสนับสนุนความเป็นแกนกลางของอาเซียนบนพื้นฐานภาคีสนธิสัญญามิตรภาพฯหรือ TAC และชื่นชมอินเดียที่สนับสนุนมุมมองอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก ที่จะช่วยส่งเสริมหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์อาเซียน-อินเดียให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และย้ำถึงความร่วมมือกันต่อต้านการก่อการร้าย แนวคิดสุดโต่งนิยมความรุนแรง อาชญากรรมข้ามชาติและความร่วมมือด้านความมั่นคงทางไซเบอร์

ตั้งเป้าเพิ่มการค้า 2 แสนล้านเหรียญ

นางนฤมลกล่าวอีกว่า ด้านการค้าการลงทุน เน้นย้ำการพยายามเพิ่มมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกัน เพื่อบรรลุตัวเลขการค้าร่วมกันที่ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2022 โดยใช้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย (AIFTA) ไทยยินดีที่ได้ริเริ่มทบทวนความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-อินเดีย (AITIGA) เพื่อทำให้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดียใช้ประโยชน์ได้สะดวกและง่ายในทางปฏิบัติ อำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจยิ่งขึ้น รวมทั้งขจัดอุปสรรคทางการค้า พร้อมเน้นย้ำความสำคัญในการบูรณาการเศรษฐกิจในภูมิภาคผ่านการสรุปการเจรจา RCEP ภายในปี 2019 และยินดีต่อความสำเร็จความร่วมมือด้านท่องเที่ยวอาเซียน-อินเดีย 2019

ขอลดภาษียาง–น้ำมันปาล์ม–มัน

ต่อมาเวลา 12.25 น. พล.อ.ประยุทธ์พบปะหารือกับนายนเรนทร โมที นายกฯอินเดีย โดย พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณที่ตอบรับเชิญเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ มุ่งหวังจะมีโอกาสต้อนรับในโอกาสมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการในปี 2563 ชื่นชมความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย อาเซียน-อินเดียพัฒนามากขึ้น ขอให้อินเดียพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้ายางพารา น้ำมันปาล์มและมันสำปะหลัง ที่ตลาดอินเดียต้องการสูง ขณะที่นายนเรนทรยืนยันว่า อินเดียให้ความสำคัญกับอาเซียนและภูมิภาค ขอให้ไทยเป็นสื่อกลางช่วยให้อินเดียได้ยกระดับการฝึกร่วมทางทหาร Cobra Gold จากการเข้าร่วมการฝึกแบบจำกัดกิจกรรมเป็นสมาชิก Full Participant และเชิญนายกฯเข้าร่วมงาน Expo ด้านการป้องกันประเทศ (DEFEXPO 2020) ที่อินเดียในเดือน ก.พ.2563 และเห็นว่าการจัดการประชุม JC ไทย-อินเดีย ครั้งที่ 8 จะเป็นโอกาสรักษาความร่วมมือโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการค้า

อาเซียน–ยูเอ็นกระชับแน่นแฟ้น

จากนั้นเวลา 14.00 น. ที่ห้อง Sapphire 203 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ ครั้งที่ 10 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายกฯกล่าวว่าไทยได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับสมาชิกอาเซียนและสหประชาชาติอย่างรอบด้าน ได้กล่าวในนามอาเซียนว่ายินดีและชื่นชมที่อาเซียนและสหประชาชาติดำเนินการตามแผนปฏิบัติการตามปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับสหประชาชาติ ปี ค.ศ. 2016-2020 ไปกว่าร้อยละ 93 ส่วนแผนปฏิบัติการฉบับใหม่ ควรมุ่งเน้นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ.2025 และวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.2530 ของสหประชาชาติ ทั้งสองฝ่ายควรร่วมกันรับมือกับความท้าทายข้ามพรมแดน ผ่านการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดนในอาเซียน เสริมสร้างศักยภาพในการรับมือกับภัยพิบัติ เป็นต้น

“กีวี” เอาด้วยยกเว้นวีซ่า นทท.ไทย

ต่อมาเวลา 15.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้พบปะหารือกับ น.ส.จาซินดา อาร์เดิร์น นายกฯนิวซีแลนด์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ยินดีที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-นิวซีแลนด์เป็นไปด้วยดี และถือโอกาสเชิญนายกฯนิวซีแลนด์ เยือนไทยอย่างเป็นทางการในอนาคตอันใกล้ และขอให้นิวซีแลนด์พิจารณาขั้นตอนการขอวีซ่า หรือการยกเว้นวีซ่าอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว โดยนายกฯนิวซีแลนด์แสดงความเห็นด้วยและให้เจ้าหน้าที่พิจารณาต่อไป พร้อมประสงค์ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงกับไทย เพิ่มบทบาทของนิวซีแลนด์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เช่น ความมั่นคง การค้าการลงทุน การพัฒนาที่ยั่งยืน และเจตนารมณ์ของนิวซีแลนด์ที่จะเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของ ACMECS นอกจากนี้ ยังได้หารือในประเด็นท้าทาย อาทิ การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสตรี ความเท่าเทียมกันทางเพศสภาพ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม

“บิ๊กตู่” อ้อนมะกันทบทวนตัดจีเอสพี

จากนั้นเวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้การต้อนรับนายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ ที่เข้าเยี่ยมคารวะ โดย พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณที่นำคณะนักธุรกิจบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ ร่วมเดินทางมาไทย เชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ขยายความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการลงทุนของบริษัทสหรัฐฯในไทย โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมอากาศยานและอวกาศ ดิจิทัล เทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมการแพทย์ ไทยได้พัฒนากฎระเบียบและผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง จึงขอเชิญชวนภาคเอกชนสหรัฐฯ มาร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียนด้วย ด้านนายวิลเบอร์กล่าวว่านำภาคเอกชนมาร่วมประชุม Indo Business Forum ที่หอการค้าไทยและหอการค้าสหรัฐฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพ เชื่อมั่นว่าการประชุมจะช่วยส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจสำหรับภาคเอกชน ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวถึงการพักสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) บางส่วนแก่ไทยด้วยว่า รัฐบาลห่วงกังวลผลกระทบต่อภาคเอกชนและสาธารณชน แต่เข้าใจดีเรื่องกติกาของสหรัฐฯ ในฐานะมิตรอันใกล้ชิดขอให้สหรัฐฯพิจารณาทบทวนอีกครั้ง ซึ่ง รมว.พณ.สหรัฐฯพร้อมเปิดให้มีการเจรจาทบทวนระหว่างกันก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า

โฆษก รบ.ตีปี๊บมะกันรับข้อเสนออุทธรณ์

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่ากรณีทางการสหรัฐฯสั่งระงับข้อตกลงตามมาตรการสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) แก่สินค้าไทย 573 รายการ นายกฯระบุว่ารัฐบาลไทยเข้าใจดีว่าเป็นสิทธิที่สหรัฐฯเป็นผู้พิจารณาตามความเหมาะสม เพียงแต่กระแสสังคมไทยยังไม่เข้าใจ รัฐบาลพยายามชี้แจงไม่ต้องการให้บานปลายจนเป็นความขัดแย้ง หวังว่าสหรัฐฯจะพิจารณา ด้าน รมว.พาณิชย์สหรัฐฯระบุว่ามูลค่าในส่วนดังกล่าวเป็นจำนวนไม่มากนัก ยังมีเวลาอีก 6 เดือนก่อนมีผลบังคับ สามารถทบทวนแก้ไขได้ สหรัฐฯพร้อมสนับสนุนให้มีการหารือกับ รมว.พาณิชย์ของไทยหาทางออกหรืออุทธรณ์สินค้าของไทยบางรายการเพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีกลับคืนมา บางรายการได้รับคืนสิทธิกลับมาแล้ว ยินดีรับฟังข้อมูลและข้อเสนอกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อนำไปใช้พิจารณาคืนสิทธิให้สินค้าไทย บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ไม่ตึงเครียด ทั้งนี้ ไม่ได้หยิบยกกรณีไทยจะยกเลิกการใช้สารไกลโฟเซต และกระแสข่าวว่าสหรัฐฯจะให้ไทยนำเข้าเนื้อหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง และความห่วงใยของสหรัฐฯเรื่องการดูแลแรงงานต่างด้าวในไทยมาพูดคุย

กล่อมนักธุรกิจรัสเซียลงทุนอีอีซี

จากนั้นเวลา 17.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้หารือกับนายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกฯรัสเซีย โดยแสดง ความยินดีที่ความสัมพันธ์ทวิภาคีของสองประเทศก้าวหน้ารอบด้าน โดยเฉพาะเศรษฐกิจ ขอเชิญบริษัทรัสเซียเข้ามาลงทุนใน EEC ในสาขาที่รัสเซียเชี่ยวชาญ เช่น อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เทคโนโลยีดิจิทัล ระบบเมืองอัจฉริยะและการผลิตเครื่องมือแพทย์ ไทยสนใจจะส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไปตลาดรัสเซียเพิ่มขึ้น หวังกระชับความร่วมมือด้านพลังงานกับรัสเซีย โดยใช้คณะทำงานร่วมด้านพลังงานเป็นกลไกขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมต่อไป และยินดีกับความร่วมมือด้านความมั่นคงและการทหารไทย-รัสเซียที่ก้าวหน้าเป็นลำดับ รวมถึงขอขอบคุณมูลนิธิสโกลโกโวของรัสเซียได้ทูลเกล้าฯถวายทุนการศึกษา แด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อทรงคัดเลือกนักศึกษาไทยไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ช่วยพัฒนาบุคลากรด้านวิชาการและวิทยาศาสตร์ให้ไทย ด้านนายดมิทรีกล่าวว่า รัสเซียยินดีและพร้อมส่งเสริมความร่วมมือ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับไทย อาทิ ด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม พลังงาน โดยเห็นพ้องจะกระชับสัมพันธ์กันรอบด้านทั้งระดับทวิภาคีและพหุภาคี

จัดกาลาดินเนอร์อาหารไทยฉลอง

กระทั่งเวลา 19.00 น. ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานอาเซียนและภริยาเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารค่ำกาล่าดินเนอร์เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนและภริยา ประเทศคู่เจรจา รวมถึงองค์กรต่างประเทศกว่า 20 ประเทศ โดยจัดเลี้ยงอาหารที่เป็นซิกเนเจอร์ของไทยปรุงโดยสุดยอดเชฟของประเทศไทย นำโดยเชฟชุมพล แจ้งไพร เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อย อาทิ หมี่กรอบชาววัง กระทงทอง ทอดมันปลากรายปากน้ำโพ ยำทวายโบราณ อาหารจานหลัก อาทิ ต้มยำกุ้ง ผัดไทย น้ำพริกลงเรือ แกงเขียวหวานเนื้อโชว์วัฒนธรรมออเคสตราขับกล่อม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการแสดงภายในงานเลี้ยงประกอบด้วยการขับร้องและบรรเลงเพลงไทย และเพลงสากลที่เป็นรู้จัก โดยวง CU Symphony Orchestra และ ASEAN Culture together as one ประกอบด้วยการแสดง 3 องค์ ได้แก่ “ข้าวรวมกอ” มีแนวคิดหลักจากข้าว อาหารหลักประจำชาติ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การแสดงโขนเรือ ที่แสดงอัตลักษณ์วัฒนธรรมไทยประกอบมัลติมีเดียเสมือนจริง และประกอบด้วยการเห่เรือ และมีการรำโคมโดยนาฏศิลป์กว่า 150 คน และ “รอยอารยะ” อาเซียนที่สะท้อนเอกลักษณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนและ dialogue partners โดยมีนักแสดงจากทั้ง 10 ประเทศอาเซียน (คณะ VIVA ASEAN) ตลอดจนการแสดงเพลง ASEAN will go far เป็นการแสดง Finale โดย CU Symphony Orchestra

“นราพร” เสวนาหลังบ้านผู้นำแก้ขยะ

ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. ที่แกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ชั้น 2 อาคารอิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี นางนราพร จันทร์โอชา ภริยานายกฯพร้อมคณะคู่สมรสฯผู้นำอาเซียน เข้าร่วมเสวนาเชิงวิชาการเรื่อง “การแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านการบริหารจัดการขยะ” ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนผู้เข้าร่วม อาทิ นางอิเรียนา โจโค วิโดโด ภริยาประธานาธิบดีสาธารณรัฐอินโดนีเซีย มาดามนาลี สีสุลิด ภริยานายกฯ สปป.ลาว ตุน ดร. ซีตีฮัสมะฮ์ โมฮัมหมัด อาลี ภริยานายกฯมาเลเซีย โดยก่อนเริ่มกิจกรรม คณะภริยาผู้นำได้เยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะ นางนราพรกล่าวเปิดการเสวนาตอนหนึ่งว่า การบริโภคอย่างยั่งยืนและการบริหารจัดการขยะถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน ประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2563 มี 43 บริษัทภาคเอกชนรายใหญ่ ทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านค้าสะดวกซื้อจะหยุดจ่ายและจำหน่ายถุงพลาสติกในประเทศ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของไทย ขอให้ทุกคนบริโภคแต่น้อย อนุรักษ์ให้มาก กล้าจะกระตุ้นให้ผู้อื่นเริ่มลงมือ ไทยได้ประกาศให้การบริหารจัดการขยะเป็นวาระแห่งชาติ นำหลักการ 3Rs คือ Reduce (ใช้น้อย) Reuse (ใช้ซ้ำ) และ Recycle (นำกลับมาใช้ใหม่) เป็นแนวทางจัดการ

“RCEP” ไม่จบอินเดียผวาจีนทุ่มตลาด

วันเดียวกัน สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานว่า ข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรือ RCEP การเปิดตลาดระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ ที่หวังจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ กลับต้องล่าช้าออกไป หลังอินเดียแสดงความกังวลเรื่องการทุ่มตลาดของสินค้าราคาถูกจากจีน พร้อมเสนอข้อเรียกร้องหลายประการต่อที่ประชุม แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาระบุว่าเป็นข้อเรียกร้องที่ยากจะปฏิบัติได้ ส่วนแถลงการณ์ RCEP ฉบับร่างก่อนการประชุมในวันที่ 4 พ.ย.มีรายละเอียดว่า การเจรจา RCEP ควรได้ข้อสรุปในเดือน ก.พ.63 มีเวียดนามเป็นประธานอาเซียนและทุกประเทศให้คำมั่นเรื่องการลงนามข้อตกลงภายในปี 2563

ปชป.นัดถกแก้ รธน.ชง “มาร์ค” นั่ง กมธ.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพร้อมการประชุมสภาฯสมัยสามัญ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2562 วันที่ 6 พ.ย.ว่า วันที่ 5 พ.ย.พรรคนัดประชุม ส.ส.เตรียมความพร้อมหารือญัตติด่วนเรื่องการศึกษาหลักเกณฑ์ และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนที่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นพรรคยังไม่ได้หารือกัน ขึ้นอยู่กับที่ประชุม ส.ส.พรรคจะเสนอชื่อบุคคลใด พรรคมีสัดส่วน กมธ.ชุดนี้ 4 คนมั่นใจว่าการประชุม ส.ส. วันที่ 5 พ.ย.จะทราบรายชื่อ กมธ. นายเทพไทเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ให้ที่ประชุมพิจารณาได้ ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ด้วย

รอมติ ส.ส.เคาะก่อนส่ง “องอาจ” ทาบ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ ที่นำเสนอให้นายอภิสิทธิ์มาเป็นประธานคณะกรรมาธิการศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวันมูหะมัดนอร์เป็นผู้อาวุโสทางการเมือง เคยเป็นประธานรัฐสภาและเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง คงเล็งเห็นว่านายอภิสิทธิ์เหมาะสม เคยเป็นนายกฯ มีบารมีและประสบการณ์การเมืองสูง มีความรู้ความสามารถทุกด้าน ที่สำคัญมีจุดยืนด้านประชาธิปไตยชัดเจนคนหนึ่ง จะใช้เวลาทุ่มเทได้เต็มที่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพรรคและนายอภิสิทธิ์ พรรคกำลังรอผลการประชุมวิปรัฐบาลจะกำหนด กมธ.ในคณะ กมธ.วิสามัญชุดนี้กี่คน ก่อนนำเข้าที่ประชุม ส.ส.คัดเลือกสัปดาห์หน้า หากที่ประชุม ส.ส.พรรคเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์และมติที่ประชุมเห็นชอบ เป็นหน้าที่ของประธาน ส.ส.คือนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรค เป็นผู้ไปทาบทามนายอภิสิทธิ์ เชื่อว่าในพรรคมีผู้เหมาะสมมีความรู้ความสามารถเรื่องรัฐธรรมนูญหลายคน ต้องคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมและมีประสบการณ์ทางการเมืองมากที่สุด ไม่อยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญถูกกล่าวหาว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่คนเขียนไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้เขียน จึงอยากให้นักการเมืองในฐานะผู้ปฏิบัติโดยตรง มีส่วนร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย

“กัลยา” มั่นใจตอบซักฟอกได้ทุกเม็ด

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นเรื่องอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในเดือน ธ.ค.ว่า ถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่ เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลก ตนและรัฐมนตรีของพรรคทุกคนพร้อมตอบทุกคำถามของฝ่ายค้าน แต่ละท่านทำงานหนักและมีความสามารถ และทำงานร่วมกับนายกฯและรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐได้ราบรื่นดี เท่าที่สัมผัสทุกคนตั้งใจทำงาน แต่อย่าให้ถึงขั้นว่าจะไปให้คะแนนนายกฯเลย ท่านเคยเป็นนายกฯมาเเล้ว 5 ปี มีประสบการณ์ ตั้งใจจะแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ เชื่อว่านายกฯตอบคำถามหรือชี้แจง การอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ไม่น่ามีปัญหาอะไร

“เจ๊หน่อย” ขอทุกพรรคไขกุญแจแก้ รธน.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ซอยเสรีไทย 29 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อ–ไทย กล่าวว่า พรรคชี้แจงเหตุผลและเสนอตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ปลดล็อกมาตรา 256 เพียงมาตราเดียวจะแก้รัฐธรรมนูญได้ ถ้าต้องการขจัดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมและการใช้อำนาจรัฐที่ไม่ถูกต้อง กุญแจดอกสำคัญคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทุกพรรคต้องร่วมมือกัน หากองค์กรภาคประชาสังคมมารวมกันแก้จะยิ่งดี คิดว่าจะทำงานร่วมกันได้ ส่วนข่าวจะเสนอนายอภิสิทธิ์มานั่งเป็นคณะ กมธ.ศึกษาแก้รัฐธรรมนูญก็มีสิทธิ เพราะเป็นคนนอกได้ เมื่อถามว่าแนวทางพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์จะไปด้วยกันได้ใช่หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า หวังว่าถ้ามีความจริงใจแก้ไขปัญหาจากรัฐธรรมนูญ ถ้าเห็นตรงกันมีทางเดียวคือเดินไปปลดล็อกมาตรา 256 หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกพรรคที่ได้ให้สัญญากับประชาชน และมองเห็นปัญหารัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศจะมาร่วมกันแก้ เรื่องนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ทำเพื่อประชาชนร่วมกัน

ซัด รบ.เลี่ยงบาลีแก้ ศก.ไม่จริง

เมื่อถามถึงกรณีนายกฯระบุว่า ภาพรวมเศรษฐกิจอาเซียนและไทย ไม่ใช้คำว่าเศรษฐกิจถดถอย แต่เป็นเศรษฐกิจเติบโตช้าลง คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจไม่สามารถแก้ได้โดยใช้คำเลี่ยง ที่ผ่านมานายกฯใช้คำให้สับสน ตอนตัดจีเอสพีบอกเพราะเศรษฐกิจเราโตไว มักบอกปัญหาเศรษฐกิจนักการเมืองสร้างมาบ้าง หรือเกิดจากเศรษฐกิจโลกบ้าง แต่ไม่เคยยอมรับว่าเรามีปัญหาเศรษฐกิจ ยอมรับไหมว่า 5 ปีกว่าของรัฐบาล คสช.ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูง ไปอุ้มนายทุนขนาดใหญ่ ประชาชนตัวเล็กๆถูกทอดทิ้ง สำคัญว่าแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้คนส่วนใหญ่ได้หรือไม่วันนี้ไม่เห็นภาพหัวหน้าทีมเศรษฐกิจหยิบยกปัญหาเศรษฐกิจระดมกำลังแก้ปัญหาจริงจัง เราเรียกร้องให้หัวหน้าเศรษฐกิจและรัฐบาลลงมานั่งแก้ปัญหาจริงจัง จนป่านนี้ยังไม่เคยได้เห็นภาพนี้ รัฐบาลชอบบอกว่าทำอะไรไม่ได้ มันเป็นเพราะเศรษฐกิจโลก แล้วจะมีรัฐบาลไว้ทำไม ที่บอกว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่โต 2% แต่มันโตเฉพาะทุนขนาดใหญ่ หรือบางครั้งอาจลดการเติบโต แต่พวกเขาไม่สะเทือน แต่คนตัวเล็กทั้งประเทศตายหมดแล้ว

ถาม รบ.แจกอีกเท่าไหร่คนจะมีกิน

น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่นพรรคเพื่อไทย และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากผลโพลจัดอันดับโครงการที่ประชาชนชื่นชอบในไตรมาสแรกของรัฐบาล คือโครงการชิมช้อปใช้ สะท้อนถึงความอ่อนแอทางการเงินของประชาชนชัดเจน ต้องพึ่งเงินสนับสนุนภาครัฐ ไม่มีรายรับที่มั่นคง ขอสอบถามนายกฯว่าเงินหนึ่งพันบาทรัฐบาลต้องแจกอีกกี่ครั้ง ต้องอัดงบอีกกี่หมื่นแสนล้านบาท ประชาชนถึงจะกินดีอยู่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน นอกจากแจกเงินมีแนวทางอะไรอีก รัฐบาลนี้ยังเพิ่มรายจ่ายให้ประชาชนต่อเนื่อง กรมสรรพากรขยายฐานจัดเก็บภาษีและประเภทภาษีต่างๆ เช่น ภาษีของเค็ม-หวาน-มัน ภาษีรถบิ๊กไบค์และมีแนวคิดจะเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

“ธนาธร”สอนเอสเอ็มอีรับมือ ศก.ซบ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จัดเวทีบรรยายในหัวข้อ “เศรษฐกิจซบเซาและซึมยาว SME ไทยจะรับมืออย่างไร?” นายธนาธรกล่าวตอนหนึ่งว่า โดยหลักกำไรของนิติบุคคลเอกชนจะเป็นภาษีให้รัฐบาล รัฐบาลจำเป็นต้องมีมาตรการช่วยเหลือให้บริษัทเอกชนและเอสเอ็มอีมีกำไร ในสถานการณ์เศรษฐกิจซบเซา ยอดขายกระทบหนักสุด สิ่งที่เอกชนต้องทำเป็นอย่างแรกคือต้องรู้และเข้าใจตัวเอง โดยทำแบบจำลองทางธุรกิจว่าเราจะอยู่จุดไหน กำไรขาดทุนเป็นเรื่องรอง แต่สิ่งสำคัญคือกระแสเงินสด ต้องประมาณการเก็บเงินสดให้มากที่สุด เพื่อให้มีเงินสดหมุนเวียนสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ เวลาเกิดวิกฤติและงบดุลบริษัทเริ่มติดลบมีโอกาสน้อยที่สถาบันทางการเงินจะปล่อยเงินกู้ให้อีกครั้ง ถึงวิกฤติจริงๆอย่าเพิ่งปิดกิจการ หากยังอยากจะสู้แปรทรัพย์สินเป็นเงินสดมาหมุนเวียน เช่น ที่ดิน เครื่องจักร บริษัทที่เปิดมานานควรแปรสินค้าคงเหลือเป็นเงินสด หรือเก็บเงินลูกค้าเร็วขึ้นหรือบอกเจ้าหนี้ขอชำระหนี้ช้าลง เดินไปขอกันตรงๆ จะต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกันมาก่อนอย่างสม่ำเสมอ ทั้งหมดเป็นการบริหารการเงินขององค์กรในภาวะวิกฤติ

“พงศกร” ไม่มีปัญหาร่วมงาน “อภิสิทธิ์”

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงข้อเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ มาเป็นประธานศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงสั้นๆว่า “ยังไม่รู้เลย” พล.ท.พงศกร รอดชมภู ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงข้อเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ตนไม่มีปัญหา กมธ.ชุดนี้เป็นวิสามัญมีคนนอกเข้ามาร่วมเป็นได้ คิดว่าทุกฝ่ายคงยินดีหากได้คนหลายฝ่ายหลายกลุ่มมาร่วมพิจารณาและให้ความเห็นกัน น่าจะเป็นเรื่องดีที่จะได้ข้อมูลหลากหลายยิ่งขึ้น

ดันตั้ง กมธ.โละผลพวงคำสั่ง คสช.

พล.ท.พงศกรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะมีญัตติเรื่องการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการกระทำ คำสั่งและประกาศของ คสช.และการใช้อำนาจหัวหน้า คสช. ตามมาตรา 44 เป็นอีกเรื่องสำคัญที่ต้องทำ 5 ปี คสช.ยึดอำนาจใช้อำนาจหลายอย่างกระทบประชาชน ต้องมาดูว่าอะไรที่กระทบต้องยกเลิก แต่บางอย่างที่ดีอาจคงไว้ได้ การตั้ง กมธ.นี้เหมือนปลดล็อกพันธนาการขั้นแรก ถ้าทำได้ก่อนจะทำให้เรื่องอื่นราบรื่นและผ่านไปได้ด้วยดี

ส.ส.เฟ้นข้อมูลถล่ม รบ.บ้อท่าทุบ ศก.พัง

พล.ท.พงศกรกล่าวถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ขณะนี้ได้ให้ ส.ส.และทีมงานของพรรคไปเตรียมข้อมูลและประเด็นอภิปรายว่ามีเรื่องใดน่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องและความมั่นคง หากใครมีข้อมูลที่ดีให้นำมาเสนอที่ประชุมของพรรคเพื่อพิจารณา อาจต้องประชุมพรรคกันอีก 2-3 ครั้งน่าจะได้ข้อสรุปช่วงกลางเดือน พ.ย. โดยเฉพาะประเด็นเศรษฐกิจปากท้อง จริงๆเราไม่ต้องอภิปรายประชาชนก็รู้สึกได้ว่าเศรษฐกิจซบเซาขนาดไหน แต่ต้องอภิปรายให้ประชาชนรู้ว่ารัฐบาลผิดพลาดในการบริหารงานตรงจุดใดบ้าง ทำให้เศรษฐกิจพังแบบนี้ คงต้องอภิปรายควบคู่ไปทั้งสองอย่างทั้งการบริหารงานที่ผิดพลาดในภาพรวมและความผิดพลาดส่วนตัวบุคคล ได้หารือพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นระยะ ถ้าได้ข้อสรุปของพรรคจะเสนอให้พรรคร่วมฝ่ายค้านต่อไป

“ธนกร” อัด “อ๋อย” เกรียนคีย์บอร์ด

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯทำนองว่า ไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้อย่างไรว่า นายจาตุรนต์เป็นนักการเมืองอาวุโสมีหลักการ แต่พักหลังดูเปลี่ยนไปจนน่าผิดหวังมาก ทำตัวเหมือนนักเลงคีย์บอร์ด โจมตีรัฐบาลไปวันๆ เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลก รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆมา ไม่เคยละเลยการพัฒนาเศรษฐกิจภาพรวม นายจาตุรนต์หลุดจากเวทีการเมืองไปนานอาจไม่ทราบหรือแกล้งทำเป็นไม่รู้

โอ่ พปชร.เดินมาถูกทางแล้ว

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรุงเทพโพลเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนส่วนใหญ่ชื่นชอบโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 1 และ 2 มากที่สุดในไตรมาสแรกว่า น่ายินดีผลการสำรวจมีนัยสำคัญชี้วัดผลงาน พรรคพลังประชารัฐจะนำมากำหนดทิศทางทำงานต่อไป โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โครงการชิม ช้อป ใช้ ถูกฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์มาตลอด เมื่อผลสำรวจสะท้อนว่าเป็นที่ยอมรับสนับสนุนจากประชาชน จะโจมตีอย่างไรก็ต้านทานไม่ได้ 2 เฟสรวมกันมีผู้ได้รับสิทธิไปแล้ว 13 ล้านคน เฟส 3 นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง จะประเมินผล 2 เฟสแรกก่อน เชื่อว่าพรรคเดินยุทธศาสตร์แก้ปัญหาปากท้องมาถูกทางแล้ว สร้างเชื่อมั่นให้ประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงตอบรับของประชาชนวันนี้กลายเป็นกระจกสะท้อนกลับไปยังฝ่ายค้านให้หันกลับมาทบทวนบทบาทตนเอง ถ้ามัวเล่นการเมืองหรือเล่นเกมเพื่อหวังโค่นล้มรัฐบาลอย่างเดียว กระแสอาจตีกลับไป

“ปารีณา” จวก “แม่ธนาธร” อย่าโกหก

น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีขอที่ดิน 500 ไร่ คืนจากนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากเอกสารสิทธิที่ถือครองไม่ใช่ นส. 3 ก. หรือ นส.3 ว่า สิ่งที่นางสมพรให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเป็นข้อมูลเท็จหรือไม่ บอกว่าซื้อที่ดินที่มีปัญหามาจากโรงงานมิตรผล ที่ดิน ภบฏ.5 และ นส.2 ไม่สามารถซื้อขายครอบครองได้ ไม่มีเอกสารสิทธิ ไม่ควรเอาใครไปเฝ้าหรือดูแลที่ดินที่เป็นของหลวง อาจมีความผิดทางกฎหมายด้วย ให้ไปไตร่ตรองข้อเท็จจริงที่รู้ดีอยู่แก่ใจจะเหมาะสมกว่าคิดว่าถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง มีผู้มาร้องเรียนว่านางสมพรส่งทีมทนายความไปในพื้นที่ปัญหาถึง 3 ครั้งแต่ตกลงกับชาวบ้านไม่ได้ ไม่ใช่หน้าที่ชาวบ้านไปพิสูจน์พื้นที่ป่า ถ้าจะฟ้องร้องดำเนินคดีตนไม่ขัดข้อง ถือว่าเป็นกระบอกเสียงให้ชาวบ้าน

ชาวบ้านบ่นลงทะเบียน “ชิม ช้อป ใช้” ยาก

วันเดียวกัน ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชน เรื่อง “ชิม ช้อป ใช้เฟส 2 ถูกใจหรือไม่” พบว่าร้อยละ 39.97 ระบุว่าจะไม่ลงทะเบียน ระบบขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อนโทรศัพท์ไม่รองรับแอปพลิเคชัน บางส่วนไม่มีเวลา ไม่ชอบ ร้อยละ 32.54 ลงทะเบียนไม่ทัน นานยุ่งยาก ร้อยละ 22.20 ระบุลงทะเบียนเฟส 1 แล้ว และร้อยละ 5.29 ลงทะเบียนเฟส 2 แล้ว ผู้ลงทะเบียนเฟส 2 แล้วร้อยละ 35.82 มีแผนใช้จ่ายที่ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์สโตร์ ร้อยละ 32.84 ร้านค้าทั่วไปที่เข้าโครงการร้อยละ 22.39 ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 5.97 ร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้อยละ 10.45 ยังไม่แน่ใจ ส่วนความคิดเห็นต่อโครงการ “ชิม ช้อป ใช้” ร้อยละ 26.70 ระบุระบบและกติกาใช้จ่ายยุ่งยากซับซ้อนเกินไป ร้อยละ 26.62 เปลืองงบฯไม่กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ร้อยละ 26.15 ระบุประชาชนได้ประโยชน์ ร้อยละ 24.33 กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี ร้อยละ 19.43 ระบุเลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม ร้อยละ 15.32 พ่อค้า นายทุนได้ประโยชน์

“ลุงตู่-เสี่ยหนู” ตีคู่ รมต.ขวัญใจ ปชช.

นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเผยผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “รัฐมนตรีคนใดขวัญใจประชาชน” จาก 1,143 ตัวอย่าง ร้อยละ 42.9 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพราะรักลุงตู่ ทำบ้านเมืองสงบ ไม่วุ่นวาย แต่ห่วงคนรอบข้างเป็นพิษและเสียงปริ่มน้ำไม่มั่นคง ร้อยละ 41.7 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ เป็นรัฐมนตรีกล้าคิด กล้าทำ ดูแลรักษาสุขภาพประชาชน กล้าชนกลุ่มนายทุนธุรกิจสารพิษอันตราย แบนสารพิษ ทำตามสัญญากฎหมายกัญชาเพื่อการแพทย์และยกระดับ อสม. ร้อยละ 35.6 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯเป็นคนเก่ง มือเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศ ไม่มีประวัติด่างพร้อย ร้อยละ 32.4 นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง มีผลงานช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และชิม ช้อป ใช้ ร้อยละ 31.7 น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ รัฐมนตรีหญิงที่กล้าหาญขัดผลประโยชน์กลุ่มธุรกิจสารพิษ

ให้คะแนนฝ่ายค้านมากกว่ารัฐบาล

ขณะที่สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจดัชนีการเมืองไทยเดือน ต.ค. สำรวจความคิดเห็นประชาชน 2,528 คน เมื่อวันที่ 23-31 ต.ค. ภาพรวมดัชนีการเมืองไทยเดือน ต.ค. คะแนนเต็ม 10 ได้ 4.09 คะแนน โดยการปฏิบัติงานของฝ่ายค้านได้สูงสุด 5.67 คะแนน ข่าวสารที่เผยแพร่จากสื่อให้ประชาชนรับรู้ 5 คะแนน จริยธรรม วัฒนธรรมของคนในชาติ 4.97 คะแนน ผลงานนายกฯและการปฏิบัติตนของนักการเมือง ความสามัคคีของนักการเมือง ได้เท่ากัน 3.83 คะแนน ผลงานรัฐบาล 3.79 คะแนน การแก้ปัญหาของรัฐบาลในภาพรวม 3.73 คะแนน สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวม 3.54 คะแนน ประเด็นที่คะแนนดีขึ้นกว่าเดือนก่อนคือจริยธรรม วัฒนธรรมของคนในชาติ การจัดการศึกษาสำหรับประชาชน การดำเนินงานของพรรคการเมืองโดยภาพรวม ส่วนประเด็นที่ได้คะแนนแย่ลง คือการปฏิบัติงานของฝ่ายค้าน ข่าวสารที่เผยแพร่จากสื่อต่างๆให้ประชาชนได้รับรู้ ความสามัคคีของคนในชาติ ผลงานของนายกฯและรัฐบาล ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะด้านการเมือง ร้อยละ 32.28 ให้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ 23.90 เร่งแก้ปัญหาปากท้อง ร้อยละ 20.22 ปฏิรูปการเมืองให้มั่นคงมีเสถียรภาพ