ควันหลงเลือกซ่อม แม้การเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 5 นครปฐมจะผ่านพ้นไปเรียบร้อย นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ ส.ส.ใหม่ที่ได้รับการเลือกตั้งได้เข้ารายงานตัว
มีความสมบูรณ์ในตัวของมันเองอยู่แล้ว
ทว่าก่อนหน้านี้ได้มีปัญหาเกิดขึ้นมา เนื่องจากมีความเห็นว่าจะมีผลต่อการคำนวณ ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ หรือไม่อ้างถึงจำนวน ส.ส.ที่พึงมี
พรรคอนาคตใหม่ได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นอ้างว่าต้องคิดใหม่ และพรรคควรจะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้นด้วยการเกลี่ยกันใหม่
ประเด็นนี้ต้องว่ากันให้ชัดเจน เนื่องจากจะต้องมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตในไม่ช้านี้ ทั้งที่กำแพงเพชร และขอนแก่น
ล่าสุด กตต.ได้ชี้แจงว่าการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. เขต 5 นครปฐมนั้นเป็นการเลือกตั้ง เนื่องจากการลาออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ ม.94 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ม.131
ได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อภายหลังวันเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างลง
ระบุว่าหากการเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างลง ไม่ใช่เหตุจากการเลือกตั้งโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ไม่ต้องคำนวณใหม่ และการเลือกตั้ง ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่างลงไม่ว่าด้วยเหตุผลใด
หลังพ้นเวลา 1 ปีนับแต่วันเลือกตั้งทั่วไปก็ไม่ต้องคำนวณที่แต่ละพรรคจะพึงมี
ด้วยข้อกฎหมายดังกล่าวจึงไม่เป็นเหตุให้มีการคำนวณแบบบัญชีรายชื่อใหม่และไม่มีเหตุผลกระทบกับการคำนวณ ส.ส.ที่แต่ละพรรคจะพึงมีแต่อย่างใด
จากคำชี้แจงของ กกต.ว่าด้วยข้อกฎหมายที่รับฟังได้ทำให้ประเด็นนี้จบไปโดยปริยายส่งผลให้พรรคชาติไทยพัฒนาได้ ส.ส.เพิ่มมาอีก 1 คน พรรคฝ่ายค้านเสียงหายไป 1 เสียง
ว่าไปแล้วกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง การเลือกตั้งนั้นค่อนข้างจะมีปัญหามากทีเดียวหากไม่ชัดเจนก็จะถูกข้อครหาไปต่างๆนานา
...
ยิ่งเฉพาะการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่ดูเหมือนว่าจะยุ่งยากและชวนให้คิดกันไปต่างๆนานา อย่างที่บรรดา “พรรคจิ๋ว” ที่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์พรรคละ 1 เสียง
ทั้งๆที่สูตรการคำนาณตัวเลขปาร์ตี้ลิสต์นั้นวางหลักเกณฑ์เอาไว้ที่ 70,000 กว่าคะแนน แต่พรรคการเมืองเหล่านี้คะแนนไม่ถึง
แต่ก็ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่ยังคลางแคลงใจกันอยู่
อย่างนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ ที่ได้เป็น ส.ส.ก็เพราะการคำนาณสูตรในลักษณะนี้
มิฉะนั้นก็คงไม่ได้เข้าสภามาสร้างพฤติกรรมจนเกิดความเสียหาย ทำให้เกิดความวุ่นวายมาตลอด
ล่าสุดก็สร้างปัญหาด้วยการนำสารประกอบระเบิดเข้าไปในสภาโดย ไม่ได้ขออนุญาติทั้งๆที่รู้ดีแล้วว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายและข้อปฏิบัติที่ห้ามกันไว้แล้ว
อีกทั้งยังถูกโยงว่าทำตัวเป็น “นายหน้า” เนื่องจากนำตัวแทนบริษัทต่างชาติที่ขายเครื่องตรวจวัตถุระบบมาโปรโมต
จะแก้ตัวยังไงก็ฟังไม่ขึ้น
ทางเดียวก็คือ นอกจากทางสภาจะต้องจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็จะต้องมีการลงโทษให้เข็ดหลาบ เนื่องจากครอบครองสารประกอบวัตถุระเบิดโดยมิชอบ
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการอ้างด้วยว่ามีกลุ่มผู้ก่อการร้าย 100 คน เข้ามาในกรุงเทพฯ
“คน” อย่างนี้สมควรจะเป็นผู้แทนฯของประชาชนได้อีกหรือ?.
“สายล่อฟ้า”