มท.1 สั่งการจังหวัดภาคใต้ พร้อมรับมืออุทกภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง ช่วง ต.ค.-ธ.ค. จากอิทธิพลมรสุม พัดปกคลุมภาคใต้-อ่าวไทย ย้ำ แจ้งเตือนปชช.ก่อนเกิดสถานการณ์
วันที่ 26 ต.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้ติดตามการคาดหมายลักษณะอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ช่วงกลางเดือนต.ค.-ธ.ค.บริเวณภาคใต้ จะได้รับอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ส่งผลให้มีฝนตกชุกหนาแน่น และอาจมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้ามาใกล้ หรือเข้าสู่ประเทศไทย บริเวณภาคใต้ได้ จึงสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึง จ.เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ เตรียมพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินถล่ม และคลื่นลมแรง โดยต้องแจ้งเตือนประชาชนอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง ทั่วถึงในทุกช่องทาง แนวทางปฏิบัติตนและช่องทางการแจ้งข้อมูลหรือขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ
นอกจากนี้ ให้ติดตามวิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง หากเห็นว่า มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดเหตุสาธารณภัย ให้เสนอผู้มีอำนาจตามกฎหมายแจ้งเตือนภัยประชาชนได้ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์ พร้อมสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปอยู่ในจุดปลอดภัยในทันที โดยให้พิจารณากำหนดพื้นที่ปลอดภัย จัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ เต็นท์สนาม ให้มีความพร้อมรองรับการอพยพประชาชนก่อนเกิดสถานการณ์พร้อมกำหนดพื้นที่ที่มีความปลอดภัยสูง จัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวที่มีความปลอดภัย ในส่วนของสถานที่ท่องเที่ยว ทั้งทางธรรมชาติและพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ให้วางมาตรการร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบพื้นที่ กำหนดมาตรการ การแจ้งเตือน การปิดกั้น และห้ามนักท่องเที่ยวหรือบุคคลเข้าพื้นที่ที่กำหนด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง โดยพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล ให้กำหนดมาตรการประกาศห้ามการเดินเรือกรณีที่มีความเสี่ยงภัย พร้อมกำหนดแนวทาง วิธีการ และระบบในการบังคับ ควบคุม นำเรือที่ฝ่าฝืนซึ่งอยู่ในภาวะเสี่ยงภัยกลับเข้าสู่ฝั่ง หากฝ่าฝืนให้ดำเนินการทางกฎหมายในทุกกรณี
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับในด้านการเผชิญเหตุ ได้เน้นย้ำให้ยึดแนวทางการจัดการสาธารณภัยตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยต้องแบ่งมอบภารกิจ พื้นที่ปฏิบัติงาน และผู้รับผิดชอบให้ชัดเจนตามสถานการณ์ความรุนแรงและความซับซ้อนของภัย พร้อมกำหนดขั้นตอน วิธีการที่เป็นรูปธรรม ชัดเจน ได้แก่ ด้านการสื่อสาร ให้จัดระบบการสื่อสาร ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ หน่วยทหาร เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้มีประสิทธิภาพ และเพิ่มช่องทางระบบการสื่อสารสำหรับแจ้งข้อมูลข่าวสาร รับเรื่องราวร้องทุกข์ ขอรับความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ จากประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง ด้านการจัดการทรัพยากร ให้กำหนดหน่วยงานรับผิดชอบ ช่องทางการประสานงาน ผู้มีอำนาจสั่งการเคลื่อนย้ายยานพาหนะ เครื่องจักรกลสาธารณภัย ให้พร้อมเผชิญเหตุได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที และด้านการดำรงชีพ และการบรรเทาทุกข์ ให้จัดเตรียมคลังเสบียงอาหารให้มีความพร้อมในการจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อช่วยเหลือประชาชนด้านการดำรงชีพ อาหาร และน้ำดื่มได้ทันที โดยให้ฝ่ายปกครอง หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งให้ความช่วยเหลือด้านการดำรงชีพแก่ประชาชน ที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญชวนประชาชนจิตอาสามีส่วนร่วมกับภาครัฐตามทักษะความถนัดในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย
...